การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 632 ผู้ส่งออกรายใหญ่
บทที่ 632 ผู้ส่งออกรายใหญ่
เมื่อคนที่อยู่บริเวณโดยรอบได้ยินที่เฟิงเยี่ยหานกล่าว นักศึกษาชายหลายคนพากันรู้สึกเสียดาย เพราะแม้พวกเขาจะรู้ว่าถังซวงมีเจ้าของแล้ว แต่ก็ไม่นึกว่าน้องสาวของถังซวงจะหมั้นหมายเป็นที่เรียบร้อย
พวกเธอสองคนพี่น้องหมั้นกันเร็วเหลือเกิน
แต่เมื่อทุกคนเห็นหน้าเฟิงเยี่ยหานต่างก็พากันนิ่งเงียบ
ด้วยรูปลักษณ์ท่าทางของเขา คนธรรมดาเทียบกับเขาไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ผู้ชายที่มีความโดดเด่นขนาดนี้ยืนอยู่เคียงข้างถังเซวี่ยแล้วช่างดูเหมาะสมกันจริง ๆ
อย่างว่าคนหน้าตาดีย่อมคู่กับคนหน้าตาดีอยู่แล้ว
หลังจากที่เฟิงเยี่ยหานส่งถังเซวี่ยถึงห้องเรียนแล้ว เขากล่าวพลางลูบผมของเธอ “คุณรีบเข้าไปข้างในเถอะ เดี๋ยวผมจะรอคุณข้างนอก”
ถังเซวี่ยได้ยินก็รีบส่ายหน้าปฏิเสธ “เฟิงเยี่ยหาน คุณรีบกลับไปเถอะค่ะ เดี๋ยวเลิกเรียนฉันกลับไปพร้อมกับพวกพี่ ๆ ก็ได้ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”
ถังซวงเอ่ยขึ้นมา “ใช่ เดี๋ยวทางนี้ฉันดูแลเสี่ยวเซวี่ยเอง คุณกลับไปเถอะ”
เมื่อได้ยินถังซวงและถังเซวี่ยกล่าว เฟิงเยี่ยหานก็ไม่ได้ค้านอะไรอีก เขาพยักหน้าและพูดว่า “อืม งั้นผมกลับไปก่อนนะ”
หลังจากที่เฟิงเยี่ยหานออกไปแล้ว ถังเซวี่ยโบกมือให้ถังซวงกับโม่เจ๋อหยวน “พี่ พี่เขย พวกพี่ก็รีบไปรายงานตัวเถอะ”
“อืม งั้นเธอรีบเข้าไปล่ะ เดี๋ยวพวกพี่จะไปที่ห้องเรียนแล้วเหมือนกัน”
ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนมองดูถังเซวี่ยเดินเข้าไปในห้องเรียน จากนั้นทั้งสองคนก็แยกไปรายงานตัวที่ห้องเรียนของตนเอง
วันรายงานตัวไม่มีอะไรมาก แค่รับหนังสือเรียนเสร็จก็กลับได้แล้ว
หลังจากที่ทั้งสามคนกลับถึงบ้านก็พบว่าถังหลานอยู่ที่บ้านด้วย
“แม่คะ ทำไมวันนี้แม่กลับมาเร็วจังเลย”
หลังจากที่เกอชิงเหม่ยคลอดลูก ถังหลานจำเป็นต้องจัดการดูแลธุระที่โรงเย็บปักทั้งหมด เพราะแบบนี้เธอแทบจะยุ่งกว่าจิงเจ้อหรงแล้วด้วยซ้ำ จึงไม่คิดว่าวันนี้เธอจะกลับมาเร็วขนาดนี้
ถังหลานเห็นพวกเขากลับมาแล้วก็รีบเอ่ยถาม “รายงานตัววันนี้เรียบร้อยดีไหมลูก?”
ถังเซวี่ยได้ยินก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “เรียบร้อยสุด ๆ เลยค่ะ อีกสองวันก็จะได้เข้าเรียนและเป็นนักศึกษาจริง ๆ แล้ว”
ถังหลานพยักหน้าด้วยความปลื้มใจและพูดว่า “ใช่แล้ว เสี่ยวเซวี่ยของพวกเราเป็นนักศึกษาแล้ว ดีจริง ๆ เลยนะ”
จากนั้นถังหลานก็ซักถามถังเซวี่ยหลายอย่าง และสุดท้ายก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้
“ซวงเอ๋อร์ ก่อนหน้านี้มีผู้หญิงต่างชาติคนหนึ่งมาหาลูกน่ะ เธอเห็นว่าลูกไม่อยู่ก็เลยจะมาหาอีกตอนสาย ๆ”
ถังซวงได้ยินก็เอ่ยถามออกมาอย่างอดไม่ได้ “ใครเหรอคะ?”
ถังหลานส่ายหัวแล้วพูดว่า “แม่ก็ไม่รู้จัก เธอแค่บอกว่าเป็นเพื่อนของซูซาน ตอนนี้ซูซานกลับประเทศไปแล้ว เลยไม่ได้อยู่ที่ปักกิ่ง เธอก็เลยมาหาลูกด้วยตัวเอง แม่ว่าเธอน่าจะมาหาลูกเพื่อพูดคุยเรื่องเครื่องสำอาง”
ถังซวงเองก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน ในเมื่ออีกฝ่ายบอกว่าจะมาหาอีก เธอจึงไม่ได้สนใจอะไรนัก และหลังจากที่พวกเขาทานอาหารเย็นเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผู้หญิงคนนั้นก็กลับมาอีกครั้งจริง ๆ
“สวัสดีค่ะ คุณคือคุณถังใช่ไหม?”
ผู้หญิงชาวต่างชาติที่มาหาเธอเป็นคนที่มีหน้าตาสวยมาก ใบหน้าคมแววตามีเสน่ห์ อีกทั้งรูปร่างก็สูงชะลูด เธอน่าจะสูงประมาณ 180 เซนติเมตรได้
“ใช่ค่ะ ฉันเองค่ะ”
ถังซวงพยักหน้ายิ้ม ๆ และจับมือกับอีกฝ่าย
เมื่อเห็นว่าถังซวงพยักหน้า ผู้หญิงคนนั้นก็กล่าวด้วยความตื่นเต้น “สวัสดีค่ะ ฉันเจนนี่เป็นเพื่อนของซูซาน ฉันอยากจะทำสัญญาสั่งซื้อเพื่อนำเข้าเครื่องสำอางของคุณน่ะค่ะ”
ถังซวงได้ยินก็อดไม่ได้ที่จะหันไปถามเจนนี่ “เรื่องนี้ซูซานรู้ไหมคะ?”
“รู้ค่ะ เธอเป็นคนแนะนำฉันให้มาพบคุณ แล้วอีกอย่างฉันก็เคยใช้เครื่องสำอางของพวกคุณด้วย มันใช้ดีมากจริง ๆ”
เมื่อกล่าวจบ เจนนี่รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ก่อนหน้านี้เธอดูถูกของจากประเทศจีนแบบสุด ๆ เธอรู้สึกว่าของใด ๆ ก็ตามที่มาจากประเทศจีนดีไม่เท่าของในประเทศของเธอเอง แต่ตั้งแต่ที่เธอใช้เครื่องสำอางของซวงฮวา เธอถึงได้รู้ว่าอคติของเธอนั้นมันมีมากขนาดไหน แท้จริงแล้วของในประเทศจีนก็ยังมีของดีอีกตั้งเยอะแยะ เธอจึงยอมเดินทางไกลเพื่อมาหาถังซวงที่นี่
ถังซวงได้ยินก็เอ่ยถามต่อ“ที่คุณจะทำสัญญา คือต้องการที่จะนำเข้าเครื่องสำอางไปขายในประเทศของคุณใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นสินค้าที่จะขายของคุณกับซูซานก็เป็นอย่างเดียวกัน แบบนี้พวกคุณทั้งสองคนก็เป็นคู่แข่งกันสิคะ”
เจนนี่ได้ยินอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาและกล่าวว่า “ไม่หรอกค่ะ ฉันกับซูซานอยู่กันคนละพื้นที่ เลยไม่ใช่คู่แข่งกัน ถึงยังไงก็ไม่มีผลกระทบกับพวกเราสองคนหรอกค่ะ”
ถังซวงได้ยินก็ไม่ได้ค้านอะไร แต่อย่างไรก็ตามเธอไม่สามารถที่จะทำสัญญาสั่งซื้อกับเจนนี่เป็นการส่วนตัวได้ “เรื่องนี้ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปดีกว่าค่ะ ก่อนอื่นฉันต้องไปศึกษาก่อนว่าต้องดำเนินการอะไรบ้าง ถึงจะสามารถทำสัญญาได้”
เจนนี่เองก็รับรู้เรื่องราวของที่นี่ดี ดังนั้นเธอจึงรีบพยักหน้าตอบรับ “ได้ค่ะ” และหลังจากนั้นเธอก็เอ่ยถามขึ้นมาอีกว่า “พวกคุณจะเข้าร่วมเทศกาลจัดแสดงสินค้าประจำฤดูใบไม้ผลิที่จะจัดขึ้นในครั้งหน้าหรือเปล่า ถ้าพวกคุณเข้าร่วม พวกเราก็จะไปด้วย แบบนี้พวกเราจะได้ทำสัญญากันได้สะดวกมากขึ้นหน่อย”
ถังซวงพยักหน้าและกล่าวในทันที “ไปแน่นอนค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลยค่ะ หวังว่าในอนาคตจะได้ร่วมงานด้วยกันกับคุณนะคะ”
“เช่นกันค่ะ”
ทั้งสองคนจับมือกันพร้อมรอยยิ้มบนหน้าอีกครั้ง เจนนี่จากไปหลังพูดคุยธุระเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ถังซวงได้สอบถามกับทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งผ่านขั้นตอนหลายอย่างมาก สุดท้ายก็ทำสัญญาสั่งซื้อกับเจนนี่เสร็จเรียบร้อย
หลังจากที่จบคำสั่งซื้อนี้แล้ว ถังซวงทั้งเรียนไปด้วยและยุ่งอยู่กับการพัฒนาผลิตภัณฑ์รวมถึงตัวยาใหม่ด้วย เธอไม่ได้จัดหายาตัวใหม่ไปให้ที่กองทัพมานานแล้ว ครั้งนี้เธอจึงตั้งใจจะจัดยาสองสามชนิดซึ่งล้วนเป็นตัวยาที่มีประสิทธิภาพดีของตระกูลถังไปให้
หลังจากที่ผู้อาวุโสจูเห็นยาที่ถังซวงจัดหามาให้ก็รู้สึกซาบซึ้งใจ
“สหายถังซวงเป็นสหายที่ดีจริง ๆ เป็นถึงผู้นำตระกูลผู้สันโดษ แต่ยังคงมีใจนึกถึงพวกเรา เธอยังคงทำหน้าที่ของตนเองอยู่จนถึงที่สุด” ตอนแรกเขาคิดเอาไว้ว่าหลังจากที่ถังซวงกลับตระกูลไปแล้ว เธอจะกลายเป็นคนที่หยิ่งผยอง แต่กลับไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย ถังซวงทำงานทุกสิ่งทุกอย่างก็เพื่อทุกคน
เจียงหงเหลียงพยักหน้าเห็นด้วยและกล่าวว่า “ใช่ สหายถังซวงไม่เคยเปลี่ยนไปเลย เธอเป็นสหายที่ดีมากจริง ๆ”
เมื่อเอ่ยถึงถังซวงแล้วทั้งสองก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถึงโม่เจ๋อหยวน
“สหายโม่เจ๋อหยวนเองก็เช่นกัน ได้ยินมาว่าช่วงนี้เขากำลังยุ่งอยู่กับการผลิตตู้เย็นสำหรับครัวเรือน และมีการวางแผนว่าจะส่งออกตู้เย็นในช่วงเทศกาลจัดแสดงสินค้าประจำฤดูใบไม้ผลิด้วย”
“ใช่ สหายโม่เจ๋อหยวนเองก็พยายามมาโดยตลอด”
ช่วงนี้โม่เจ๋อหยวนกำลังง่วนอยู่กับการผลิตตู้เย็นสำหรับครัวเรือน เขายุ่งขึ้นมากจริง ๆ
และถังซวงเองก็ติดตามการผลิตเครื่องสำอางอยู่ตลอด ในตอนนี้นอกเหนือจากก่างเฉิง ปักกิ่งและเมืองเผิงแล้ว ซวงฮวาก็ได้เปิดร้านอยู่ที่กวางโจวอีกแห่งหนึ่งด้วย และกิจการก็ไปได้ด้วยดีเช่นกัน ดั่งคำกล่าวของพานลี่ฮวาที่ว่าซวงฮวากำลังจะเบ่งบานไปทั่วทั้งประเทศ
ถังซวงก็มีความคิดเช่นนี้เหมือนกัน แต่ถึงอย่างนั้นในตอนนี้เธอให้ความสำคัญกับเรื่องการส่งออกมากกว่า เพราะทางด้านของซูซานและเจนนี่เร่งเร้ามาหลายครั้ง ทั้งยังบอกชัดเจนว่าเธอจะเพิ่มปริมาณการสั่งซื้อในเทศกาลจัดแสดงสินค้าประจำฤดูใบไม้ผลิครั้งถัดไปด้วย
ด้วยเหตุนี้ทั้งถังซวงและโม่เจ๋อหยวนต่างคนต่างยุ่งจนไม่มีเวลาจะเจอหน้ากันเลย
เดิมทีถังเซวี่ยตั้งใจว่าจะไปกลับมหา’ลัยพร้อมกันกับพวกเขาทั้งสองคน แต่หลังจากผ่านไปสักพักเธอกลับพบว่าตัวเองช่างไม่รู้อะไรเลย เพราะทั้งพี่สาวและพี่เขยต่างก็ยุ่งกันมาก สุดท้ายแล้วเธอจึงต้องไปกลับมหา’ลัยเพียงคนเดียวอยู่ดี
และเมื่อเฟิงเยี่ยหานรู้ เขาก็มาหาถังเซวี่ยทันที
“เสี่ยวเซวี่ย คุณน่าจะบอกผมให้เร็วกว่านี้หน่อย ผมจะได้ไปกลับมหา’ลัยเป็นเพื่อนคุณ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ คุณก็ยุ่งขนาดนี้ ฉันไปกลับมหา’ลัยเองได้นะ”
เฟิงเยี่ยหานกล่าวอย่างอดไม่ได้ “เสี่ยวเซวี่ย แต่ผมอยากจะไปเป็นเพื่อนคุณจริง ๆ นะ ก่อนหน้านี้เพราะมีพี่สาวซวงกับโม่เจ๋อหยวน ผมเลยไม่ได้มีโอกาส ตอนนี้พอจะมีโอกาสแล้ว คุณยังจะทำลายโอกาสของผมอีกหรือ”
ถังเซวี่ยมองเฟิงเยี่ยหานด้วยความประหลาดใจ และกล่าวว่า “แต่คุณไม่คิดว่าการไป ๆ มา ๆ มันลำบากบ้างหรือคะ?”
“ไม่ลำบากครับ ผมแค่อยากจะใช้เวลาทุกวันกับคุณให้มากขึ้นเท่านั้นเอง”
สุดท้ายเฟิงเยี่ยหานก็ไปรับไปส่งถังเซวี่ยทุกวัน ตลอดทางทั้งสองพูดคุยกันไม่หยุด และเฟิงเยี่ยหานเองก็พูดเรื่องไปกวางโจวกับถังเซวี่ยขึ้นมา “ถึงเทศกาลจัดแสดงสินค้าประจำฤดูใบไม้ผลิเมื่อไหร่ พวกเราค่อยไปที่นั่นด้วยกันนะครับ ถือว่าไปเป็นเพื่อนพี่สาวกับพี่เขยของคุณด้วย”
“แต่เทศกาลจัดแสดงสินค้าประจำฤดูใบไม้ผลิคงจัดหลายวันนะคะ ฉันกลัวว่าจะลาหยุดนานขนาดนั้นไม่ได้ อีกอย่างถ้าพวกเราไปด้วย จะไม่เพิ่มภาระให้พี่หรือ?”
“ไม่หรอก คุณไม่ต้องห่วง ผมคุยเรื่องนี้กับพี่สาวคุณแล้ว”
“ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?”
ถังเซวี่ยมองเฟิงเยี่ยหานด้วยความตกใจ เธอคิดไม่ถึงเลยว่าเฟิงเยี่ยหานจะเตรียมการไว้ให้เธอหมดแล้ว
เมื่อเทศกาลจัดแสดงสินค้าประจำฤดูใบไม้ผลิมาถึง ทั้งถังเซวี่ยและเฟิงเยี่ยหานก็ตามไปพร้อมกันด้วย