การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 634 จิงเหวินหยวนมีคู่แล้ว
บทที่ 634 จิงเหวินหยวนมีคู่แล้ว
เมื่อจิงเจ้อหรงและถังหลานทราบว่าถังซวงกับโม่เจ๋อหยวนจะแต่งงานกันสิ้นปีนี้ ทั้งสองก็พากันตกตะลึง
ถังหลานเอ่ยปากถามออกไปตามตรง “ซวงเอ๋อร์ ลูกตัดสินใจดีแล้วจริง ๆ ใช่ไหม? เรียนจบแล้วจะแต่งงานกับเจ๋อหยวนเลยหรือ? ต้องรีบขนาดนี้เลยหรือ? เรามาเลือกวันกันก่อนดีไหมลูก แล้วก็ค่อยเตรียมตัวกันอีกที”
“แม่คะ อีกสองเดือนกว่าพวกเราจะเรียนจบ ยังไงก็ทันเวลาค่ะ”
โม่เจ๋อหยวนกล่าวเช่นกัน “ใช่ครับแม่ ยังไงก็ทันเวลาครับ”
เดิมทีถังหลานอยากจะคัดค้าน แต่เมื่อได้ยินเสียงโม่เจ๋อหยวนที่เรียกเธอว่าแม่แล้ว เธอก็ถึงกับไปไม่เป็น และไม่รู้ว่าจะพูดอะไรอีกดี
ส่วนจิงเจ้อหรงจ้องมองโม่เจ๋อหยวนอย่างอดไม่ได้ เขากล่าวด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์อย่างที่ไม่ค่อยได้เห็นมาก่อน “เธอเงียบไปเลย เธอยังไม่ได้แต่งงานกับซวงเอ๋อร์ จะมาเรียกว่าเมียฉันว่าแม่ได้อย่างไร แล้วอีกอย่างเหลือเวลาแค่ไม่กี่เดือนมันจะไปทันอะไร พวกเรายังต้องเตรียมสินเดิมให้ซวงเอ๋อร์อีกนะ”
“พ่อครับ ของพวกนี้ไม่จำเป็นหรอกครับ”
จิงเจ้อหรงเห็นว่าโม่เจ๋อหยวนไม่ยอมเปลี่ยนคำเรียก ซ้ำยังเรียกเขาว่าพ่ออีก ก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบสายตามองอีกฝ่ายอยู่นาน ทำไมเขาถึงไม่รู้มาก่อนว่าโม่เจ๋อหยวนจะหน้าหนาหน้าทนขนาดนี้ “จะไม่เป็นอะไรได้ยังไง ถ้าซวงเอ๋อร์ไม่ได้เตรียมสินเดิมให้เรียบร้อย จะไม่ถูกคนหัวเราะเยาะหรือไง”
โม่เจ๋อหยวนได้ยินก็นิ่งเงียบ แต่ถึงอย่างนั้นภายในดวงตาก็ปรากฏความกังวลใจเล็กน้อย ตอนนี้ซวงเอ๋อร์ยอมตกลงแล้ว แต่นึกไม่ถึงเลยว่าจิงเจ้อหรงและถังหลานกลับไม่ยินยอม
ถังหลานเห็นความกังวลใจในดวงตาของโม่เจ๋อหยวนในทันที ก็อดไม่ได้ที่จะใจอ่อน อีกอย่างลูกสาวก็ยอมตกลงกับอีกฝ่ายแล้วด้วย ดังนั้นเธอจึงหันไปบอกกับจิงเจ้อหรง “อาเจ้อ เช้าวันพรุ่งนี้พวกเราก็จัดเตรียมไว้เลยดีกว่าค่ะ น่าจะยังพอทันเวลาอยู่”
จิงเจ้อหรงเห็นว่าภรรยาเห็นด้วย เขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้ ในเมื่อลูกสาวและภรรยาต่างก็พูดแบบนี้แล้ว เขาจะยังทำอะไรได้อีกล่ะ
“ก็ได้ครับ ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้พวกเราก็เริ่มเตรียมตัวกันเลย แล้วเรื่องนี้ก็ควรจะต้องให้ทางฝั่งพ่อแม่เธอรับรู้ด้วย”
โม่เจ๋อหยวนกล่าวออกมาทันทีโดยที่ไม่รอถังหลานพูดตอบ “พ่อกับแม่ไม่ต้องห่วงครับ พวกเราได้แจ้งทางฝั่งปู่ย่าตายายเรียบร้อยหมดแล้วครับ”
จิงเจ้อหรงได้ยินก็เหลือบสายตามองโม่เจ๋อหยวนและกล่าวว่า “ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ช่วงนี้เธอก็เตรียมตัวเอาไว้ให้ดีแล้วกัน ฉันหวังว่าซวงเอ๋อร์จะไม่ต้องมารับกรรม เพราะเวลากระชั้นชิดนะ”
โม่เจ๋อหยวนรับปากด้วยความแน่วแน่ “พ่อไม่ต้องห่วงครับ ผมจะเตรียมงานแต่งของพวกเราให้ดีที่สุด”
ความจริงแล้วแม้โม่เจ๋อหยวนไม่พูด จิงเจ้อหรงก็รู้ดีว่าอย่างไรอีกฝ่ายก็ต้องเตรียมตัวอย่างดีแน่นอน เพียงแต่เมื่อได้รู้ว่าลูกสาวคนโตของตนจะต้องแต่งงานอย่างกะทันหัน นั่นทำให้เขารู้สึกทำใจได้ยากยิ่งกว่าตอนที่ลูกสาวสองคนของตนหมั้นเสียอีก “อืม ฉันเชื่อใจเธอ”
เมื่อคุณชายจิงและคุณนายจิงทราบข่าวว่าถังซวงและโม่เจ๋อหยวนกำลังจะแต่งงาน ถึงแม้พวกเขาจะรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้รู้สึกตกใจ เพราะความสัมพันธ์ของทั้งสองคนอยู่ในสายตาพวกเขาตลอด และรู้มานานแล้วว่าในท้ายที่สุดทั้งสองคนจะอยู่คู่กันไปตลอดชีวิต
“ซวงเอ๋อร์ เจ๋อหยวน ในเมื่อทั้งสองคนคิดมาดีแล้ว งั้นก็แต่งงานกันเถอะ แต่อย่างไรก็ต้องเลือกวันดี ๆ นะ เดี๋ยวย่าจะให้คนไปดูให้”
โม่เจ๋อหยวนหันไปมองคุณนายจิงและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ครับ งั้นผมต้องรบกวนคุณย่าแล้วล่ะครับ”
“ไม่รบกวนหรอก ย่ามีความสุขจะแย่ พอหลานสองคนแต่งงานกัน ต่อไปก็เป็นตาเสี่ยวเซวี่ยกับเสี่ยวเยี่ยแล้ว พวกหลานเป็นฝั่งเป็นฝากันหมดแล้ว ดีจริง ๆ” กล่าวจบเธอก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา “สงสารแต่เหวินหยวนพี่ใหญ่ของพวกหลาน อายุก็เยอะขนาดนั้นแล้ว ป่านนี้ยังหาคนรักไม่ได้เลย ย่าไม่รู้จะพูดอย่างไรกับเขาดี”
“คุณย่าไม่ต้องเป็นห่วง อีกเดี๋ยวพี่ใหญ่ก็พาคนรักของเขามาครับ”
โม่เจ๋อหยวนกล่าวยิ้ม ๆ ความจริงแล้วก่อนหน้านี้มีอยู่ครั้งหนึ่งเขาเห็นจิงเหวินหยวนไปทานข้าวกับผู้หญิงแต่งตัวธรรมดา ๆ คนหนึ่ง จิงเหวินหยวนดูแลผู้หญิงคนนั้นอย่างดี มองแวบเดียวก็รู้ว่าทั้งสองคนคบกัน ตอนแรกเขาอยากจะไปทักทายสักหน่อย แต่ก็กลัวจะรบกวนเวลาทานข้าวของทั้งสอง สุดท้ายจึงไม่ได้เข้าไปทักทาย
คุณนายจิงได้ยินก็เอ่ยถามด้วยสีหน้าตกใจปนดีใจ “จริงหรือเปล่า เหวินหยวนจะพาคนรักมาที่นี่หรือ?”
ขณะที่กล่าวคุณนายจิงก็ถามอย่างร้อนใจ “เจ๋อหยวน หลานรู้อะไรมาใช่หรือเปล่า บอกพวกเราหน่อยได้ไหม”
แม้แต่ถังซวงก็ยังมองโม่เจ๋อหยวนด้วยความรู้สึกสงสัยและเอ่ยถาม “พี่ใหญ่มีคนรักแล้วจริง ๆ หรือ? ทำไมฉันถึงไม่รู้เรื่องเลยล่ะ?”
“ฉันแค่เห็นพี่ใหญ่ไปทานข้าวกับผู้หญิงคนหนึ่งน่ะ”
“จริงหรือ อย่างนั้นก็ดีเลยสิ”
คุณนายจิงรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก เมื่อได้รู้ว่าหลานชายคนโตที่อายุเกือบจะสามสิบปี ในที่สุดก็มีคนรักกับเขาสักที เธอและอวี๋มินต่างเป็นกังวลแทบแย่ เธอเกือบจะคิดว่าหลานชายคนโตมีอาการทางร่างกายผิดปกติซะแล้ว
ในขณะที่พวกเขาพูดคุยกันอยู่นี้เอง จิงเหวินหยวนก็เข้ามาพอดี
คุณนายจิงเห็นจิงเหวินหยวน จึงรีบกวักมือเรียกเขาด้วยแววตาเป็นประกาย “เหวินหยวน หลานรีบมาทางนี้เร็ว ย่าจะถามอะไรหน่อย”
จิงเหวินหยวนไม่คิดว่าถังซวงและโม่เจ๋อหยวนจะอยู่ด้วย ถึงอย่างนั้นวันนี้เขาก็มีเรื่องที่อยากจะพูดกับคุณปู่คุณย่าจริง ๆ ด้วยเหตุนี้จึงเอ่ยออกไปตรง ๆ “คุณปู่คุณย่า พรุ่งนี้ผมอยากจะพาคนคนหนึ่งมาทานอาหารที่บ้านด้วยน่ะครับ”
คุณนายจิงได้ยินก็นึกถึงที่โม่เจ๋อหยวนเพิ่งได้พูดไปทันที จึงรีบเอ่ยถามเขาว่า “ใช่คนรักของหลานหรือเปล่า?”
จิงเหวินหยวนได้ยินก็มองคุณนายจิงด้วยความประหลาดใจและเอ่ยถามว่า “คุณย่ารู้ได้ยังไงครับ ใช่ครับ ผมอยากจะพาผู้หญิงคนหนึ่งมา แต่…”
คุณนายจิงเห็นท่าทีลำบากใจของหลานชายคนโต เธอกลัวว่าจะไม่เป็นอย่างที่ตัวเองคิด จึงรีบเอ่ยถาม “แต่อะไร?”
“เธอ… อายุยังน้อย อีกอย่างฐานะทางบ้านก็ไม่ได้ดีมาก”
“ขอแค่นิสัยดี ฐานะทางบ้านก็ไม่ใช่ปัญหาหรอก แต่ที่บอกว่าอายุยังน้อยน่ะเท่าไหร่?” ตอนนี้คุณนายจิงไม่มีเงื่อนไขอะไรต่อคนรักของหลานชายคนโตอีกแล้ว ขอแค่นิสัยดีก็พอ
จิงเหวินหยวนกล่าวอย่างเขินอายเล็กน้อย “เธออายุน้อยกว่าผมเก้าปี ปีนี้เพิ่งอายุเต็มยี่สิบปีครับ”
คุณชายจิงและคุณนายจิงไม่คาดคิดจริง ๆ ว่าหลานชายคนโตจะเจอคนรักที่อายุน้อยกว่าเขามากขนาดนี้ พวกเขาจึงขมวดคิ้วเล็กน้อย
แต่ถังซวงกลับกล่าวยิ้ม ๆ “คุณปู่คุณย่าคะ เก้าปีก็ไม่ถือว่าห่างกันมาก ขอแค่อีกฝ่ายหนึ่งรักพี่ใหญ่จริง ๆ แค่นั้นก็พอแล้วไม่ใช่หรือคะ”
คุณนายจิงได้ยินถังซวงกล่าวก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้าเห็นด้วย “ก็จริง ในเมื่อทั้งสองคนรักชอบกันก็พอแล้ว ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ก็พาเธอมาเลยนะ”
คุณนายจิงกล่าวจบก็เอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง “พ่อแม่ของหลานทราบเรื่องนี้แล้วหรือยัง?”
“ยังไม่ทราบครับ ผมมาบอกคุณปู่คุณย่าก่อนครับ”
“งั้นหลานก็ไปบอกกับพ่อแม่สักหน่อยนะ”
จิงเหวินหยวนพยักหน้าทันทีและตอบรับ “ครับ”
เมื่อพูดคุยธุระกันเสร็จ จิงเหวินหยวนอดไม่ได้ที่จะหันไปถามถังซวงและโม่เจ๋อหยวน “ช่วงนี้พวกเธอยุ่งตลอดเลย ตอนนี้ก็เสร็จสิ้นแล้วสิ?”
คุณนายจิงกล่าวขึ้นมาด้วยความดีใจ โดยไม่ทันที่จะให้ถังซวงได้ตอบ “ซวงเอ๋อร์กับเจ๋อหยวนกำลังจะแต่งงานกันแล้ว ที่มาหาพวกเราก็เพื่อมาบอกกำหนดวันแต่งงานน่ะ”
“ยินดีด้วยนะที่พวกเธอกำลังจะได้แต่งงาน”
จิงเหวินหยวนไม่คิดเลยจริง ๆ ว่าถังซวงและโม่เจ๋อหยวนกำลังจะแต่งงานกันแล้ว พวกเขาอายุยังน้อยอยู่เลยแท้ ๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี
ในระยะเวลาไม่นานตระกูลจิงทั้งหมดต่างก็รับรู้ว่าถังซวงและโม่เจ๋อหยวนกำลังจะแต่งงานกัน และรู้ด้วยว่าจิงเหวินหยวนจะพาคนรักมา ในวันนั้นเองบรรยากาศในบ้านก็ครึกครื้นมีชีวิตชีวาขึ้นทันที
ถังเซวี่ยกับถังชุนหยานมาหาถังซวงพร้อมกัน และกล่าวแสดงความยินดีอย่างไม่ขาดปาก
อีกด้านหนึ่งเฟิงเยี่ยหานกล่าวด้วยน้ำเสียงเจือความอิจฉา “ยินดีด้วยนะ จะได้แต่งงานเร็วซะขนาดนี้”
โม่เจ๋อหยวนเห็นท่าทีอิจฉาของเฟิงเยี่ยหานก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “ขอบคุณที่อวยพรนะ ผมก็ขอให้พี่ได้แต่งงานกับเสี่ยวเซวี่ยไว ๆ เหมือนกัน”
“อืม”
เฟิงเยี่ยหานตั้งมั่นอยู่ในใจว่าหลังจากที่เสี่ยวเซวี่ยเรียนจบ เขาจะต้องได้แต่งงาน ต้องได้แต่งแน่นอน!