การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 635 งานแต่ง (1)
บทที่ 635 งานแต่ง (1)
อวี๋มินตั้งตารอเป็นอย่างมากเมื่อรู้ว่าลูกชายจะพาคนรักกลับมาด้วย “เหวินหยวน คนรักของลูกชื่ออะไรหรือ เธอชอบทานอะไร แม่จะได้เตรียมเอาไว้อย่างดีเลย”
“เธอชื่อเซินลู่ลู่ครับแม่ ตอนนี้เพิ่งเข้าเรียนมหา’ลัย แม่ทำอะไรเตรียมไว้ก็ได้เลย เธอทานได้ทุกอย่างครับ”
อวี๋มินอดกังวลไม่ได้เมื่อรู้ว่าคนรักของลูกมีอายุน้อย “แม่ดีใจมากที่ลูกได้เจอคนรักของตัวเอง แต่เธอยังเด็กอยู่เลย ถ้าจะรอจนกว่าพวกลูกจะแต่งงานมันไม่นานเกินไปหน่อยเหรอลูก”
“แม่ครับ แม่ไม่ต้องห่วง ลู่ลู่อายุยี่สิบปีบริบูรณ์แล้ว ขอแค่พวกแม่ยินยอม พวกเราก็พร้อมที่จะแต่งงานให้ไวที่สุดครับ”
อวี๋มินได้ยินแววตาก็เป็นประกาย “จริงเหรอลูก ถ้างั้นก็ดีเลยลูก”
อวี๋มินกล่าวไม่ทันจบก็เอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้งอย่างอดไม่ได้ “ลูกเคยพบพ่อแม่ของฝ่ายหญิงเขาไหม? เสี่ยวเซินเป็นคนจากที่ไหนหรือ?”
“ผมเคยพบพวกท่านแล้วครับ”
“อะไรนะ…”
อวี๋มินมองลูกชายของตนอย่างไม่เชื่อสายตาและเอ่ยถามว่า “ลูกไปพบตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมถึงไม่บอกอะไรพวกเราเลยล่ะลูก แม่จะได้เตรียมตัวให้ไวกว่านี้หน่อย”
“แม่ครับ ผมก็เจอพวกท่านโดยบังเอิญเหมือนกัน คนในครอบครัวของลู่ลู่เขาดีมากครับ เธอยังมีน้องสาวอีกหนึ่งคนด้วย ถึงพวกท่านจะมีลูกสาวแค่สองคน แต่ก็ไม่ได้มีความคิดให้ความสำคัญกับผู้ชายมากกว่าผู้หญิงแบบนั้นเลย การที่ทั้งสองให้ลู่ลู่กับน้องสาวได้เรียนหนังสือมาโดยตลอดก็รู้แล้วว่าคนในครอบครัวของเธอนั้นเป็นคนที่ดีมากครับ”
อวี๋มินได้ยินก็พยักหน้าอย่างอดไม่ได้และกล่าวว่า “งั้นเอาแบบนี้ พรุ่งนี้ก็รอเจอเธอก่อน ถ้าเหมาะสมกันจริง ๆ พวกลูกก็รีบแต่งงานให้ไวที่สุดได้เลย” เธอรีบร้อนมากจริง ๆ เพราะปีหน้าลูกชายก็จะอายุสามสิบแล้ว
เมื่อถึงวันรุ่งขึ้น จิงเหวินหยวนรีบออกไปรับเซินลู่ลู่ตั้งแต่เช้าตรู่ พอมาถึงอวี๋มินก็ต้อนรับทั้งสองคนเข้าบ้านด้วยรอยยิ้ม
เมื่อเห็นรูปลักษณ์สวยปราดเปรียวของเด็กสาว อวี๋มินก็แอบพยักหน้า แม้จะมาจากชนบท แต่เด็กสาวคนนี้กลับไม่มีท่าทีกระโดกกระเดกเลย หน้าตาก็สะสวย เห็นแล้วก็รู้สึกสบายตา
และแม้ว่าเซินลู่ลู่จะทราบฐานะทางบ้านของจิงเหวินหยวน แต่หลังจากมาถึงบ้านตระกูลจิงแล้วเธอก็ต้องตกใจ มันไม่เหมือนกับที่เธอคิดเอาไว้เลยสักนิดเดียว ฐานะทางบ้านเขาไม่ใช่แค่ไม่แย่ แต่กลับมีฐานะที่ดีมากเลยต่างหาก เดิมทีเธอก็ไม่ได้คิดอะไรมาก พอเห็นแบบนี้แล้วก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะหวาดระวัง
แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อเซินลู่ลู่ได้เห็นท่าทีที่มีน้ำใจไมตรีของคนตระกูลจิง เธอก็เบาใจลง ในขณะที่มีการเริ่มพูดคุยก็ไม่ได้รู้สึกประหม่าอะไร
ถังซวงแอบประเมินเซินลู่ลู่ด้วยสายตา ก็พบว่าเด็กสาวคนนี้แววตาใสซื่อ กิริยาท่าทางสุภาพเรียบร้อย ถือได้ว่าเป็นคนที่ใช้ได้เลยทีเดียว ดูท่าแล้วสายตาของพี่ใหญ่ก็ดีไม่เบา คนรักคนนี้ค่อนข้างดีเลยล่ะ
เซินลู่ลู่สังเกตเห็นถังซวงทันที เพราะถังซวงมีหน้าตาที่สวยมาก บวกกับคนที่นั่งอยู่ข้างเธออย่างโม่เจ๋อหยวน รวมถึงถังเซวี่ยและเฟิงเยี่ยหานสี่คนนี้พอนั่งอยู่ด้วยกันแล้วพลังทำลายล้างสูงมากและดึงดูดสายตาผู้คนตั้งแต่แรกเห็น เมื่อเห็นว่าถังซวงกำลังมองมา เซินลู่ลู่ก็ยิ้มให้ จากนั้นก็รีบเบือนสายตาหนี
เด็กสาวอยู่จนถึงบ่าย และกลับไปพร้อมกับจิงเหวินหยวน
หลังจากที่จิงเหวินหยวนและเซินลู่ลู่ออกไปแล้ว อวี๋มินรีบหันไปถามคุณนายจิงและถังซวง “แม่ ซวงเอ๋อร์ คิดว่าเด็กสาวคนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”
คุณนายจิงพยักหน้าทันทีและกล่าวว่า “แม่ว่าคนนี้ก็ไม่เลวนะ”
ถังซวงพยักหน้าตาม “ใช่ค่ะ หนูก็ว่าดีนะคะ ดูแล้วสายตาพี่ใหญ่ก็ไม่แย่”
อวี๋มินได้ยินทั้งสองคนกล่าวเช่นนี้ก็รู้สึกวางใจ “ป้าเองก็รู้สึกว่าเสี่ยวเซินก็ไม่ได้แย่เลย เดี๋ยวป้าจะไปหาข้อมูลเกี่ยวกับครอบครัวของเธอสักหน่อย และถ้าเป็นไปได้ ป้าจะให้เหวินหยวนลงหลักปักฐานกับเธอ” ตอนนี้เธอเข้าใจแล้วว่าจะหาภรรยาให้ลูกชายนั้นไม่จำเป็นจะต้องหาคนปักกิ่งหรือหาคนที่ฐานะเหมาะสมกัน ขอแค่เพียงลูกชายของตนชอบ และเป็นคนดีเธอก็พอใจแล้ว
คุณนายจิงหันไปกล่าวกับอวี๋มิน “เธอตัดสินใจเอาเองเถอะ แล้วตอนไปหาข้อมูลช่วยหาให้ละเอียดหน่อยนะ เพราะอย่างไรเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องสำคัญของเหวินหยวน”
“ฉันทราบแล้วค่ะแม่”
อวี๋มินค่อนข้างร้อนใจ หลังจากที่พูดคุยกับคุณนายจิงสักพักก็รีบไปจัดการธุระพวกนี้อย่างรวดเร็ว
คุณนายจิงเห็นท่าทีร้อนใจของอวี๋มินก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้ายิ้ม ๆ หลังจากนั้นจึงหันไปถามถังซวงและโม่เจ๋อหยวน “หลานทั้งสองคนก็รีบจัดการเรื่องของหลานเข้านะ พอถึงเวลาจะได้ไม่ต้องฉุกละหุก”
“ไม่ต้องห่วงค่ะคุณย่า ทางพ่อแม่และครอบครัวของอาหยวนต่างก็กำลังเตรียมตัวกันอยู่ พอถึงเวลาแล้วอย่างไรก็ไม่ฉุกละหุกหรอกค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี”
คุณนายจิงพยักหน้ายิ้ม ๆ แล้วก็เอาวันที่เหมาะสมที่เธอสั่งคนไปดูให้พวกเขามาและกล่าวว่า “หลานดูสองวันนี้แล้วก็เลือกมาอันหนึ่งนะ”
ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนมองดูก็บอกว่าทั้งสองวันนั้นใกล้เข้ามาแล้ว สุดท้ายโม่เจ๋อหยวนก็เลือกวันที่ใกล้ที่สุดนั่นก็คือวันที่ 9 ธันวาคม
คุณนายจิงเห็นวันที่โม่เจ๋อหยวนเลือกก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาและกล่าวว่า “เจ๋อหยวน ดูสิว่าหลานรีบขนาดไหน อีกไม่กี่วันแท้ ๆ ก็ยังไม่อยากจะรอ”
“ครับ ตอนนี้ผมอยากจะรีบแต่งงานกับซวงเอ๋อร์จนแทบทนไม่ไหวแล้วครับ”
“ฮ่า ๆๆๆ…”
คุณนายจิงยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้ เฟิงเยี่ยหานที่ยืนอยู่ด้านข้างทำได้เพียงอิจฉาตาร้อน ช่างน่าเสียดายจริง ๆ ที่ตอนนี้เสี่ยวเซวี่ยกำลังเรียนหนังสืออยู่ อีกนานกว่าจะเรียนจบ แต่พอนึกถึงจิงเหวินหยวนแล้ว เขากลับรู้สึกว่าตัวเองก็พอทนได้อยู่ เพราะอย่างไรเสี่ยวเซวี่ยก็บรรลุนิติภาวะแล้ว
เฟิงเยี่ยหานคิดได้ดังนั้นก็มีแรงผลักดันขึ้นมา
หลังจากจิงเจ้อหรงและถังหลานมาถึงบ้านก็ทราบเรื่องวันที่โม่เจ๋อหยวนเลือก ทั้งสองไม่ได้พูดอะไร เพราะไม่ว่าอย่างไรวันที่คุณนายจิงให้เลือกก็เป็นวันที่ใกล้เข้ามาถึงแล้วมาก ๆ จึงเหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่วันเท่านั้น ทั้งสองคนเร่งเตรียมของและเตรียมบัตรเชิญจนเสร็จ