การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 637 ตอนจบ
บทที่ 637 ตอนจบ
กว่าถังซวงจะตื่นขึ้นก็เป็นเวลาเกือบเที่ยงของอีกวันหนึ่งแล้ว
ขนาดว่าเธอมีสภาพร่างกายที่แข็งแรงดี แต่ก็ยังรู้สึกปวดเนื้อปวดตัวไปหมด เธอมองรอบ ๆ กายก็ไม่พบโม่เจ๋อหยวน ในขณะที่กำลังจะลุกขึ้น โม่เจ๋อหยวนก็เข้ามา
“ซวงเอ๋อร์ ตื่นแล้วเหรอ”
ในขณะที่โม่เจ๋อหยวนเห็นถังซวงลุกขึ้นนั่ง เขาก็รีบก้าวเข้าไปหาและเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “หิวแล้วหรือยัง ฉันทำบะหมี่ไว้ ลุกขึ้นมาท่านสักหน่อยสิ”
ถังซวงเห็นท่าทีสดชื่นกระปรี้กระเปร่าของโม่เจ๋อหยวนก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมอง และกล่าวว่า “เป็นเพราะพี่เลย ทำฉันหลับจนถึงป่านนี้ ฉันหิวจนไส้จะกิ่วหมดแล้ว”
“ฉันผิดเอง ฉันผิดเอง”
โม่เจ๋อหยวนยอมรับผิดอย่างว่าง่าย จากนั้นก็ตัวติดถังซวงแจ เดี๋ยวช่วยบีบยาสีฟันให้ เดี๋ยวตักน้ำล้างหน้า ขนาดผ้าขนหนูเขายังส่งให้ถึงมือเธอ
ถังซวงเห็นโม่เจ๋อหยวนดูแลประคบประหงมเธอ ก็กล่าวอย่างอดไม่ได้ “พอเลย เดี๋ยวฉันทำเอง”
“ไม่เป็นไร ฉันทำเอง”
เมื่อถังซวงล้างหน้าล้างตาแล้วก็ตรงไปที่ห้องอาหารทันที ทั้งสองคนทานอาหารรวบทั้งมื้อเช้าและกลางวัน ถังซวงหันไปถามโม่เจ๋อหยวน “วันนี้พวกเราจะอยู่แต่บ้านใช่ไหม จะออกไปเดินเล่นข้างนอกหรือเปล่า”
ช่วงนี้โม่เจ๋อหยวนอยากจะอยู่แต่ที่บ้าน “วันนี้ก็อยู่บ้านแล้วกัน เมื่อวานเย็นเธอน่าจะเหนื่อย พักผ่อนดีกว่า”
ถังซวงได้ยินก็ถึงกับหน้าแดง ดวงตาสวยจ้องมองไปที่โม่เจ๋อหยวน แต่เธอก็รู้สึกเหนื่อยจริง ๆ นั่นแหละ ตอนบ่ายทั้งสองคนจึงอยู่บ้านตลอดโดยที่ไม่ได้ออกไปไหน แต่หลังจากผ่านไปถังซวงนึกย้อนแล้วก็เสียดายที่อยู่แต่บ้านตลอดสองวันเธอก็ไม่ได้ออกไปไหนเลย
คนลุ่มหลงคอยดึงเธอเอาไว้ไม่เป็นอันทำอะไร
เมื่อถึงวันกลับบ้านหลังจากแต่งงานวันแรก ในที่สุดถังซวงก็ได้ออกจากบ้านสักที “โม่เจ๋อหยวน เย็นวันนี้เราไปค้างที่บ้านพี่กันเถอะ แม่เขาโทรมาบอกแล้ว”
โม่เจ๋อหยวนได้ยินก็ลังเลขึ้นมา “พวกเรากลับไปบ้านเราดีกว่า…”
“ไม่เอา ก็ไปค้างบ้านพี่ จากนั้นก็ไปบ้านฉันสักช่วงหนึ่ง หลังปีใหม่ค่อยกลับไปอยู่ที่บ้านพวกเรา เอาแบบนี้แหละ” ถังซวงคิดว่าถ้าต้องทำอะไรกับโม่เจ๋อหยวนอีก เธอคงทนไม่ไหว
“อย่างนั้นก็ได้”
โม่เจ๋อหยวนตอบรับอย่างไม่เต็มใจ หลังจากนั้นก็หิ้วกระเป๋าใบเล็กใบน้อยไปที่บ้านตระกูลจิง
ถังหลานเห็นว่าลูกสาวและลูกเขยกลับมาบ้านก็ตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างมาก
“ซวงเอ๋อร์ เจ๋อหยวน ลูกมาแล้วเหรอ รีบเข้ามาเร็วลูก”
“สวัสดีค่ะ แม่”
“สวัสดีครับ แม่”
ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนเรียกแม่เป็นเสียงเดียวกัน จากนั้นทั้งสองคนก็เดินตามถังหลานไปด้วยกัน
คุณนายจิงและคนอื่น ๆ เตรียมอาหารกลางวันเอาไว้นานแล้ว เมื่อเห็นว่าถังซวงและโม่เจ๋อหยวนกลับมาก็รีบทักทายด้วยรอยยิ้ม
ถังเซวี่ยและถังชุนหยานเห็นถังซวงก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก แม้จะไม่ได้เจอกันแค่เพียงสามวัน แต่กลับรู้สึกเหมือนว่าพวกเธอไม่ได้เจอหน้ากันนานมาก “พี่คะ พ่อแม่แล้วก็คุณย่าทำอาหารกันตั้งแต่เช้า อีกเดี๋ยวพี่กับพี่เขยต้องทานให้เยอะ ๆ นะ”
“ได้เลย”
ในตอนกลางวันคนตระกูลจิงทั้งหมดอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ในฐานะที่โม่เจ๋อหยวนเป็นลูกเขยคนใหม่ จึงดื่มเหล้ากับคุณชายจิง จิงเจ้อหรงและคนอื่น ๆ ไปไม่น้อย จนในท้ายที่สุดก็รู้สึกเมาขึ้นมา
ถังหลานเห็นว่าโม่เจ๋อหยวนหน้าแดงไปหมดแล้วก็รีบหันไปบอกกับจิงเจ้อหรง “ไม่ต้องดื่มแล้ว เจ๋อหยวนเมาแล้ว” เอ่ยจบก็หันไปกล่าวกับถังซวง “ซวงเอ๋อร์ รีบพาเจ๋อหยวนไปเอนหลังสักหน่อยนะลูก”
“ค่ะ”
ถังซวงเห็นว่าโม่เจ๋อหยวนเมาแล้วจึงรีบพยุงเขาไปที่ห้องของเธอ เมื่อโม่เจ๋อหยวนหลับไปแล้ว เธอก็ไม่ได้ห่างเขาไปไหน เพราะกลัวว่าหากเขานอนไปแล้วอยากจะอาเจียนขึ้นมา คอยดูเขาเอาไว้จะได้สบายใจหน่อย
แต่หลังจากที่โม่เจ๋อหยวนหลับไปแล้วเขาก็นิ่งมาก ไม่ได้มีอาการอยากจะอาเจียนแต่อย่างใด เมื่อถึงเวลาบ่ายเขาก็ตื่นขึ้นมา
“พี่ตื่นแล้วดื่มน้ำก่อนสิ”
โม่เจ๋อหยวนรู้สึกกระหายน้ำมาก จึงดื่มน้ำในแก้วที่ถังซวงยื่นให้เขาหมดภายในรวดเดียว
“เวียนหัวไหม?”
หลังจากที่โม่เจ๋อหยวนวางแก้วลงก็รีบส่ายหัวปฏิเสธ “ไม่นะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลย เดี๋ยวสักพักเราก็ออกไปที่บ้านพี่กันเถอะ”
“อืม ฉันจะลุกเดี๋ยวนี้แหละ”
แผนเดิมของวันนี้ก็คือมาบ้านตระกูลจิง หลังจากนั้นก็ไปที่ตระกูลโม่ พอใช้เวลาอยู่ที่ตระกูลโม่จนเลยหลังปีใหม่แล้วค่อยกลับไปอยู่ที่บ้านตระกูลจิงสักพัก
ถังหลานเห็นทั้งสองคนออกมาก็รีบเอ่ยถาม “เจ๋อหยวน รู้สึกดีขึ้นบ้างหรือยังลูก พ่อนี่ก็จริง ๆ เลย ชวนลูกให้ดื่มอยู่นั่นแหละ”
โม่เจ๋อหยวนได้ยินก็รีบตอบกลับ “แม่ครับ ผมไม่เป็นอะไรเลย วันนี้ผมรู้สึกดีใจมากด้วยซ้ำครับ”
ถังหลานได้ยินก็ยิ้มออกมา จากนั้นเธอก็เรียกพวกเขาให้ไปหาอะไรทานสักหน่อย “ตอนกลางวันพวกลูกดื่มเหล้าเยอะแล้ว ไม่ค่อยได้ทานอะไรเลย ตอนนี้ก็ไปหาอะไรกินก่อนแล้วค่อยกลับนะลูก”
“ครับ ขอบคุณครับแม่”
โม่เจ๋อหยวนเอ่ยขอบคุณเสียงหวาน
ในขณะที่พวกเขามุ่งหน้าเดินออกไป จูรุ่ยก็เข้ามา เธอทักทายถังหลานก่อน หลังจากนั้นก็หันไปพูดกับถังซวง “พี่สาวซวง ฉันขอคุยธุระกับพี่สักหน่อยได้ไหม?”
“ได้สิ”
ถังซวงพยักหน้าให้ถังหลานและโม่เจ๋อหยวนไปกันก่อน ส่วนเธอก็เดินไปหาจูรุ่ยและเอ่ยถาม “พี่สะใภ้รอง มีธุระอะไรเหรอ?”
“ฉัน…”
จูรุ่ยอ้าปากจะพูดแต่ก็รู้สึกกระดากอาย และสุดท้ายเธอก็พูดออกมา “พี่สาวซวง ฉันอยากให้พี่ช่วยดูให้ฉันหน่อยค่ะว่าทำไมผ่านไปนานแล้วฉันยังไม่ท้องสักที ฉันกับเหวินรุ่ยมีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ”
ถังซวงได้ยินก็พาจูรุ่ยมาที่ลานบ้าน
“พี่สะใภ้รองกับพี่รองแต่งงานกันไม่กี่ปีเอง อันที่จริงไม่มีอะไรต้องกังวลเลย”
“ตอนแรกฉันก็ไม่ได้กังวลใจอะไรหรอกค่ะ พอตอนนี้พวกเราอยากจะมีลูกบ้าง ก็เลยเป็นกังวล”
ถังซวงเองก็เข้าใจได้ หลังจากนั้นจึงให้จูรุ่ยยื่นมือมา “ถ้าอย่างนั้นฉันขอจับชีพจรหน่อยนะ”
จูรุ่ยมองถังซวงอย่างเป็นกังวล อยากจะรู้ว่าผลเป็นอย่างไร
เมื่อถังซวงชักมือกลับก็เอ่ยด้วยความยินดี “พี่สะใภ้รอง ฉันยินดีกับพี่และพี่รองด้วยนะ พวกพี่มีลูกแล้วล่ะ”
“อะ… อะไรนะ…”
จูรุ่ยนิ่งอึ้งอยู่นานกว่าจะตอบสนอง หลังจากเข้าใจในสิ่งที่ถังซวงพูดแล้ว ใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความตื่นเต้น “ซวงเอ๋อร์ ฉันท้องลูกจริง ๆ แล้วใช่ไหม ทำไมฉันถึงไม่รู้สึกอะไรเลย”
“เพราะพี่สะใภ้รองเพิ่งท้อง ไม่มีอาการใด ๆ นั่นก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ถึงอย่างนั้นก็จะต้องระมัดระวังให้มาก ยิ่งเป็นช่วงท้องสามเดือนแรกยิ่งต้องระวังเป็นพิเศษ”
จูรุ่ยได้ยินก็รีบพยักหน้าอย่างรวดเร็วและกล่าวว่า “ค่ะ ๆ ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะทำตามที่พี่บอกนะ” เมื่อกล่าวจบ เธอจึงเดินไปข้างหน้าด้วยสีหน้าตื่นเต้น “ไม่ได้การแล้ว ฉันจะต้องบอกเรื่องนี้กับเหวินรุ่ยให้ไวที่สุด”
หลังจากนั้นคนตระกูลจิงทั้งหมดก็ทราบข่าวการตั้งครรภ์ของจูรุ่ยอย่างรวดเร็ว
คุณชายจิงและคุณนายจิงรู้สึกดีใจเป็นพิเศษ คุณนายจิงดึงมือของถังซวงเอาไว้และกล่าวกับเธอว่า “ซวงเอ๋อร์ วันนี้เรื่องมงคลเกิดขึ้นที่บ้านเราแล้ว ทั้งหลานกับเจ๋อหยวนกลับมาที่บ้าน ทั้งเรื่องเสี่ยวรุ่ยตั้งครรภ์ มันดีจริง ๆ เลย”
“ถ้าอย่างนั้นเย็นนี้คุณย่าก็ต้องจัดงานฉลองแล้วล่ะค่ะ”
คุณนายจิงได้ยินก็กล่าวด้วยความรู้สึกเสียดายเล็กน้อย “เดี๋ยวพวกหลานต้องไปตระกูลโม่แล้ว น่าเสียดายจัง ไม่อย่างนั้นพวกเราจะได้ฉลองด้วยกัน” ถึงอย่างนั้น วันนี้ถังซวงและคนอื่น ๆ มาช้าไปหน่อยจึงไม่สะดวกจริง ๆ ดังนั้นหลังจากที่คุณนายจิงชวนให้ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนทานอาหารเสร็จ ทั้งสองก็โบกมือลาพวกเขา “พวกลูกขับรถกันดี ๆ นะ รีบกลับตระกูลโม่เถอะ”
ตอนนี้ดึกมากแล้ว ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนอยู่ได้ไม่นาน จึงตรงไปที่บ้านตระกูลโม่
หลินเหม่ยเจินเห็นทั้งสองคนเดินเข้ามา สีหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ ทักทายพวกเขาอย่างอบอุ่น และเมื่อเธอรู้ว่าพวกเขาจะพักอยู่ที่บ้านตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงหลังปีใหม่ รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็กว้างยิ่งขึ้น
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลยลูก ที่บ้านเราจะต้องครึกครื้นแน่ ๆ เลย”
เธอปรารถนาว่าสามีภรรยาข้าวใหม่ปลามันนี้จะอยู่ที่บ้านหลังนี้ตลอดไปด้วยซ้ำ แต่เธอก็รู้ดีว่าคนหนุ่มสาวในตอนนี้ชอบที่จะอยู่เพียงลำพังมากกว่า ดังนั้นเธอจึงไม่ได้ตื๊ออะไรพวกเขา ขอแค่พวกเขากลับมาพักที่บ้านสักช่วงเวลาหนึ่งเธอก็ดีใจมากแล้ว
ตั้งแต่วันนี้ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนก็พักอยู่ที่บ้านตระกูลโม่ตลอด จนกระทั่งถึงคืนก่อนปีใหม่ ครอบครัวของตระกูลโม่ทั้งหมดมาร่วมรับประทานอาหารค่ำด้วยกันอย่างคึกคัก
หลังจากทานอาหารเสร็จ เสียงประทัดก็ดังสนั่นมาจากด้านนอก โม่เจ๋อหยวนเองก็พาถังซวงออกไปจุดประทัดเช่นกัน
ฟังเสียงดังเปรี้ยงปร้างสนั่นแสบแก้วหู ในขณะที่มองพลุที่กระจายออกบนท้องฟ้า ในแววตาของถังซวงเต็มไปด้วยแสงละมุน นี่คือปีใหม่ปีแรกหลังจากที่เธอแต่งงาน และเป็นปีใหม่ที่เต็มไปด้วยความสุขสมหวัง เธอมาที่นี่ เธอมีคนในครอบครัวที่รักเธอ และมีคนรักให้ร่วมใช้ชีวิตด้วยกัน มันช่างแสนวิเศษจริง ๆ
โม่เจ๋อหยวนเห็นถังซวงมองพลุบนท้องฟ้า ก็เดินเข้าไปหาเธออย่างช้า ๆ และโอบเธอเข้าสู่อ้อมแขนอย่างแผ่วเบา
“ซวงเอ๋อร์ มีเธออยู่ด้วยมันดีจริง ๆ” เอ่ยจบเขาก็กล่าวเสียงเบาจนเกือบจะเป็นเสียงกระซิบว่า “ฉันรักเธอนะ”
ถังซวงได้ยินก็หันหน้ามองเขา
“ฉันก็รักพี่เหมือนกัน”