การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 66 ตรง ๆ(รีไรท์)
บทที่ 66 ตรง ๆ(รีไรท์)
บทที่ 66 ตรง ๆ(รีไรท์)
เมื่อเฮ่อหลานได้ยินสิ่งที่ลูกสาวคนโตพูด เธอก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วยและพูดว่า “เอาล่ะ งั้นก่อนเปิดเทอม เราจะอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเถาฮวาต่อไปอีกระยะหนึ่งนะ แล้วยิ่งเจ๋อหยวนยังอาศัยอยู่กับลุงหลี่อยู่ด้วย เราอยู่ที่บ้านเก่าต่อสักพักคงดีที่สุด”
หลี่จงอี้พยักหน้าเมื่อเขาได้ยินคำพูดนั้นและพูดว่า “แบบนั้นจะดีที่สุด เมื่อเสี่ยวจุนเจอบ้านที่เหมาะสม ฉันก็จะซื้อด้วย จากนั้นเราก็จะเป็นเพื่อนบ้านกันในอนาคต จะได้เดินทางสะดวกขึ้นไปหากันสะดวกขึ้นด้วย”
“เยี่ยมเลยค่ะ ฉันหวังว่าลุงจุนจะหาบ้านที่เหมาะกับคุณปู่ได้ในเร็ววันนะคะ”
เมื่อคิดถึงวันข้างหน้า ถังเซวี่ยก็รู้สึกมีความสุขมาก แม้แต่คุณปู่ก็ยังอยู่ใกล้พวกเธอ มันดีมากจริง ๆ
ด้านโม่เจ๋อหยวนก็มีความสุขเช่นกัน สถานที่นี้อยู่ไม่ไกลจากบ้านของเขา หลังจากที่ซวงเอ๋อร์และคนอื่น ๆ ย้ายเข้ามา มันก็สะดวกมากสำหรับเขาที่จะมาเยี่ยมในทุกวัน
“คุณปู่ แม่คะ วันนี้ไปกินข้าวที่ร้านอาหารของรัฐกันต่อเถอะค่ะ แล้วพรุ่งนี้ค่อยเริ่มทำอาหารที่บ้านกินกัน”
เมื่อได้ยินคำพูดของถังซวง คนอื่น ๆ ก็ไม่คัดค้านอะไร
หลังจากกินข้าวเสร็จ ทุกคนก็เดินทางกลับหมู่บ้าน
ในเช้าวันรุ่งขึ้น เฮ่อหลานไปที่ตำบลคนเดียว เพื่อเรียนเย็บปักกับซูเหนียนอวิ๋น ซึ่งจริง ๆ แล้ว เธอควรจะเริ่มเรียนตั้งแต่เมื่อวานนี้
ส่วนถังซวงและถังเซวี่ยก็อยู่ที่บ้านเพื่ออ่านหนังสือ
เมื่อโม่เจ๋อหยวนมาถึง เขาก็เห็นสองพี่น้องนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่บ้านเงียบ ๆ แต่เมื่อเขาเข้าไปใกล้ ๆ เขาพบว่าถังเซวี่ยกำลังอ่านหนังสือเรียนมัธยมต้น ในขณะที่ถังซวงกำลังอ่านหนังสือเล่มหนามากที่เกี่ยวกับเครื่องจักร
“ซวงเอ๋อร์ เธอสนใจเรื่องนี้มากเลยหรือ?”
เมื่อเห็นเช่นนี้ โม่เจ๋อหยวนก็อดไม่ได้ที่จะถาม
ถังซวงพยักหน้าและพูดว่า “ใช่ ฉันสนใจมันมาก”
“คราวหน้าฉันจะหาหนังสือเกี่ยวกับเรื่องนี้มาให้เธอ อีกสักสองสามเล่มนะ”
ดวงตาของถังซวงเป็นประกายเมื่อเธอได้ยินคำพูดนั้น และพูดว่า “ขอบคุณนะ”
เมื่อเห็นดวงตาที่สดใสของเด็กสาว โม่เจ๋อหยวนก็อดไม่ได้ที่จะยิ้ม ดูเหมือนว่าเขาควรจะหาหนังสือแบบนี้มาก ๆ ซวงเอ๋อร์จะได้มีความสุข
“พี่โม่ พี่คงไม่เคยเดินเที่ยวเล่นที่นี่มาก่อน ฉันจะพาพี่ออกไปเดินเล่นที่ภูเขานะ”
“ได้สิ”
โม่เจ๋อหยวนต้องการออกไปเดินเล่นจริง ๆ นั่นแหละ และต้องการไปที่ภูเขาเพื่อดูว่าเขาจะจับสัตว์อะไรได้หรือไม่ เพื่อที่จะได้มีจานอาหารบนโต๊ะเพิ่ม
ถังเซวี่ยเงยหน้าขึ้นมองถังซวงและโม่เจ๋อหยวน แล้วพูดว่า “พี่สาว พี่ชายโม่ พวกพี่ไปกันสองคนเลยนะ ฉันว่าจะอ่านหนังสือต่ออีกสักพัก”
“เสี่ยวเซวี่ย เธอไม่อยากไปด้วยกันหรือ? ไม่ต้องรีบร้อนขนาดนั้นก็ได้”
ถังเซวี่ยส่ายหัวและพูดว่า “พี่สาว ฉันไม่อยากไปน่ะ พี่กับพี่ชายโม่ไปกันเถอะ ฉันคิดว่าการอ่านเป็นเรื่องที่น่าสนใจกว่ามาก” แม้ว่าเธอจะค่อนข้างฉลาด แต่เธอก็ยังตามหลังพี่สาวอยู่มาก ดังนั้นเธอจึงต้องพยายามมากขึ้น
เมื่อเห็นใบหน้าที่มุ่งมั่นของถังเซวี่ย ถังซวงก็ไม่ได้พูดอะไรอีก แต่พาโม่เจ๋อหยวนออกไป
ทุกวันนี้ถังซวงเติบโตขึ้นมาก คิ้วที่โค้งได้รูป จมูกที่รับกับใบหน้า ริมฝีปากที่อวบอิ่ม เธอทั้งสดใสและเปล่งประกาย สะดุดตาคนที่มองมาเป็นอย่างมาก และโม่เจ๋อหยวนที่อยู่ข้าง ๆ เธอนั้นก็ทั้งสง่างามและหล่อเหลา เมื่อทั้งสองเดินข้างกัน ช่างราวกับกิ่งทองใบหยก เด็กหนุ่มและเด็กสาวต่างดึงดูดความสนใจของผู้คนนับไม่ถ้วน
“ชายหนุ่มคนนี้เคยไปบ้านของอาหลาน ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นเพื่อนกับถังซวงนะ รูปหล่อมากเลย”
“ใช่ ๆ ฉันไม่เคยเห็นชายหนุ่มที่หล่อเหลาขนาดนี้มาก่อนเลย อยากรู้จริง ๆ ว่าเขามีคนรักแล้วหรือยัง”
“ฉันได้ยินมาว่าชายหนุ่มคนนี้มาจากในตำบลด้วยนะ แค่รูปร่างหน้าตาและบุคลิกก็รู้แล้วว่ามาจากครอบครัวที่มีฐานะดี ไม่รู้ว่าเขาจะชอบชุ่ยชุ่ยของเราหรือเปล่า”
“เฮ้อ… อย่าไปคิดเลย หน้าตาอย่างชุ่ยชุ่ยของเธอ ชายหนุ่มคนนั้นไม่ชอบหรอก”
“นี่… เธอหมายความว่ายังไง? จะบอกว่าชุ่ยชุ่ยของฉันน่าเกลียดงั้นหรือ?”
ทั้งสองเถียงกันในที่สุด…
บุคคลที่ถูกกล่าวถึงอย่างโม่เจ๋อหยวนก็ได้ยินการสนทนารอบตัวเขาเช่นกัน และอดไม่ได้ที่จะยิ้มมุมปาก ไม่ใช่ว่าเขาอยากได้ยิน แต่คนเหล่านี้พูดเสียงดังเกินไปต่างหาก
ส่วนถังซวงที่มีสายตาและการได้ยินที่ดี เธอจึงได้ยินเช่นกัน ซึ่งเธอก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่โม่เจ๋อหยวนที่อยู่ข้าง ๆ และยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ๆ
โม่เจ๋อหยวนที่เห็นอย่างนั้นก็รู้สึกเขินอายขึ้นมา
“ซวงเอ๋อร์ เธอกำลังมองอะไรอยู่?”
“ดูความหล่อเหลาอันเปล่งประกายของพี่โม่ของเราน่ะสิ”
โม่เจ๋อหยวนเหมาะสมกับคำว่าเปล่งประกายและหล่อเหลาจริง ๆ นั่นแหละ
“ซวงเอ๋อร์…” เมื่อได้ยินเช่นนี้ โม่เจ๋อหยวนก็ตกตะลึงเล็กน้อย
ทั้งสองหยุดก่อนจะเดินไปต่อ เพราะมีคนมาขวางทางไว้
“ถังซวง เขาเป็นญาติกับครอบครัวเธอหรือเปล่า?”
จางย่าหนานจ้องไปที่โม่เจ๋อหยวน ดวงตาของเธอจับจ้องไปที่เขาอย่างเอาเป็นเอาตาย
เมื่อเห็นเช่นนี้ โม่เจ๋อหยวนก็ขมวดคิ้วทันที
ถังซวงยืนบังหน้าโม่เจ๋อหยวนอย่างไม่สบอารมณ์ และมองไปที่จางย่าหนานและพูดว่า “ใช่ เขาเป็นญาติของครอบครัวเรา แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอ?”
จางย่าหนานเป็นลูกสาวของข่งหม่านจู เธอยังจำได้ว่าข่งหม่านจูพูดถึงแม่ของเธออย่างไร ดังนั้นเธอจึงไม่ชอบลูกสาวของข่งหม่านจูไปโดยธรรมชาติ และอีกอย่าง เธอก็ไม่ชอบที่อีกฝ่ายจ้องโม่เจ๋อหยวนด้วยสายตาแบบนั้น น่าขยะแขยงจริง ๆ
ในตอนแรกโม่เจ๋อหยวนนั้นไม่พอใจ แต่หลังจากเห็นการกระทำของถังซวง มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อยและดวงตาของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เด็กสาวตัวเล็ก ๆ คนนี้กำลังปกป้องเขางั้นหรือ?
เมื่อจางย่าหนานได้ยินคำพูดของถังซวง เธอก็ถามไปตรง ๆ ว่า “เขาชื่ออะไร? แล้วมาจากไหน?”
ปกติแล้วเธอจะไม่ถามคำถามตรง ๆ แบบนี้กับคนอื่น แต่โม่เจ๋อหยวนนั้นหล่อมาก จางย่าหนานแค่รู้สึกว่าหัวใจของเธอเต้นไม่หยุด ดังนั้นเธอจึงไม่สนใจว่าจะถูกมองยังไงและถามออกไปตามตรง
“ไม่ใช่ธุระอะไรของเธอ”
ครั้งนี้ถังซวงไม่สร้างภาพลักษณ์ที่ดีอะไรแล้ว และน้ำเสียงของเธอก็เย็นชามาก
จางย่าหนานจ้องมองโม่เจ๋อหยวนไม่ละสายตา แต่เมื่อเธอได้ยินคำพูดของถังซวง เธอก็หันไปมองถังซวงด้วยความไม่เชื่อและพูดว่า “ไม่ใช่เรื่องของฉัน? ฉันถามเธอดี ๆ นะ ทำไมเธอถึงพูดแบบนี้”
“แบบไหน? คิดว่าตัวเองเป็นเจ้าหน้าที่ตรวจสอบทะเบียนบ้านหรือไง? มาบอกให้คนอื่นเขาบอกชื่ออีกคนเนี่ยนะ หมดคำจะพูดเลยจริง ๆ อีกอย่าง เธอกำลังขวางทางเราอยู่นะ หลีกไปให้พ้น”
“เธอ เธอ…”
จางย่าหนานไม่คาดคิดว่าถังซวงจะหยาบคายขนาดนี้ แต่หลังจากถูกพูดแบบนั้น เธอก็ไม่รู้จะพูดอะไรอีก
ในขณะนี้ ข่งหม่านจูที่เพิ่งมาถึงและได้ยินสิ่งที่ถังซวงพูดเมื่อกี้ เธอก็ดึงลูกสาวของเธอมาทันที จากนั้นมองไปที่ถังซวง แล้วพูดว่า “ช่างเป็นเด็กสาวปากเก่งเสียจริง เธอควรเรียนรู้จากแม่ของตัวเองบ้างนะที่ทั้งสุภาพและอ่อนน้อม ไม่เหมือนเธอสักนิด”
“ฉันยอมรับว่าแม่ฉันเป็นคนสุภาพมากจริง ๆ ส่วนคุณ… คุณมันไม่สุภาพเอาซะเลย พูดถึงแม่ของฉันลับหลังทุกวัน คิดว่าฉันไม่รู้จริง ๆ หรือ?”
“เธอ…”
เดิมทีข่งหม่านจูคิดว่าถังซวงคงจะไม่กล้าต่อล้อต่อเถียงต่อกับเธอเพราะเรื่องอายุ แต่เธอไม่คาดคิดว่าเด็กสาวคนนี้จะกล้าพูดถึงขนาดนี้ แต่เมื่อนึกถึงข่าวที่ได้ยินมา เธอทำได้เพียงทนกับน้ำเสียงนั่น มองไปที่ถังซวงและถามว่า “ฉันได้ยินว่าแม่ของเธอทำพิธีรับอาจารย์? จริงหรือ? เป็นไปได้ไหมว่าเธอได้รับการทาบทามโดยคนจากในตำบล?”