การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 76 เพื่อนที่รู้จัก(รีไรท์)
บทที่ 76 เพื่อนที่รู้จัก(รีไรท์)
บทที่ 76 เพื่อนที่รู้จัก(รีไรท์)
เมื่อได้ยินคำพูดของเฉินกวงหยาง ถังซวงก็พยักหน้าทันที “ฉันเข้าใจแล้ว เดี๋ยวเร็ว ๆ นี้ ฉันจะมาอยู่ในตำบลแล้วล่ะ” อย่างไรก็ตาม เธอก็คงไม่สะดวกที่จะอยู่ที่นี่อยู่ดี ดังนั้นเธอจึงวางแผนที่จะอาศัยอยู่บ้านในตำบลที่พวกเธอเพิ่งซื้อไว้ก่อนหน้านี้ “พี่เฉิน นี่คือที่อยู่ของฉัน อยู่ไม่ไกลจากที่นี่”
เมื่อเห็นที่อยู่ที่ถังซวงส่งมาให้ เฉินกวงหยางพยักหน้าตอบรับ “เข้าใจแล้ว ถ้าอย่างนั้นกลับระวังด้วยนะ”
ถังซวงหันกลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง มองไปที่จวงเหวินเหอที่หลับอยู่ และในที่สุดก็จากไป แต่วันนี้เธอจะกลับไปที่หมู่บ้านเถาฮวาก่อน และเมื่อมาถึงหมู่บ้าน เธอก็พบว่าหลี่จงอี้กับโม่เจ๋อหยวนอยู่ที่นั่นแล้ว
“ซวงเอ๋อร์ ลูกกลับมาแล้วหรือ นั่งลงกินข้าวก่อนสิ”
ถังซวงส่ายหัวปฏิเสธ “แม่คะ หนูกินมาแล้ว แม่ล่ะคะ กินหรือยัง?”
“เรากำลังจะกิน ลูกอยากกินอะไรอีกไหม?”
เฮ่อหลานได้เตรียมอาหารในส่วนของเด็ก ๆ ไว้แล้ว
“แม่คะ หนูจะไปเก็บของก่อน แม่กินข้าวก่อนเลยค่ะ แล้วตอนเย็นหนูจะกลับเข้าตำบลแล้วไปอยู่ที่บ้านหลังนั้นเลยนะคะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฮ่อหลานก็ตกตะลึง “ทำไมจู่ ๆ ลูกถึงจะไปอยู่ในตำบลล่ะ?” และในตอนท้าย ดูเหมือนว่าเฮ่อหลานจะนึกอะไรบางอย่างออก และดูอึกอักไปเล็กน้อย “หรือว่าผู้เฒ่าจวง เขา…”
ถังซวงเองก็รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย เธอพยักหน้าให้เฮ่อหลาน “อาจารย์ปู่ เขาอาจมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่วัน…”
“ทำไมกัน…”
เฮ่อหลานรู้สึกเสียใจมาก
หลี่จงอี้กับโม่เจ๋อหยวนเองก็ได้ยินเรื่องการมอบตัวเป็นศิษย์ของถังซวงมาจากเฮ่อหลานแล้ว เมื่อได้ยินแบบนี้พวกเขาก็รู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน โม่เจ๋อหยวนถึงกับยืนขึ้นและพูดขึ้นว่า “ซวงเอ๋อร์ ให้ฉันไปกับเธอนะ”
“ไม่เป็นไร ฉันไปคนเดียวได้”
“ซวงเอ๋อร์ ฉันเคยเรียนเรื่องเครื่องจักรมาก่อน ดังนั้นฉันเพิ่งรู้ในวันนี้ว่าอาจารย์ที่เธอเคารพคือผู้เฒ่าจวง แม้ว่าครอบครัวของเราและผู้เฒ่าจวงจะไม่ค่อยคุ้นเคยกันนัก แต่ฉันก็เคยพบผู้เฒ่าจวงครั้งหนึ่งเมื่อตอนที่ยังเด็ก ฉันไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงมาที่นี่ เลยอยากพบเขาในวันพรุ่งนี้เหมือนกันน่ะ”
เมื่อได้ยินที่โม่เจ๋อหยวนพูด ถังซวงก็ชะงักไปสักพัก
“พี่รู้จักอาจารย์ปู่ด้วยหรือ?”
“ไม่เชิงว่ารู้จักนะ แต่ฉันเคยเจอเขาตอนเด็ก ๆ”
ถังซวงเงียบไปเมื่อได้ยิน แต่เธอไม่แน่ใจว่าอาจารย์ต้องการพบโม่เจ๋อหยวนหรือเปล่า
เมื่อเห็นว่าถังซวงไม่ได้พูดอะไร หลี่จงอี้จึงแนะนำว่า “เอาอย่างนี้ไหม ยัยหนูซวง ทั้งสามคนก็ไปอยู่ในตำบลด้วยกันเลย ยังไงอาหลานก็ต้องไปในตำบลทุกวันอยู่แล้ว ส่วนเสี่ยวโม่กับฉันก็จะไปในตำบลเหมือนกัน ฉันว่าจะอยู่กับเสี่ยวโม่สักสองสามวัน จะได้ประหยัดเวลาด้วย แล้วเสี่ยวโม่จะได้ไปเยี่ยมอาจารย์ของเธอด้วยดีไหม? หรือถ้าเธอลังเลก็ถามอาจารย์ก่อนก็ได้”
เมื่อได้ยินแบบนี้ก็ไม่มีใครคัดค้านอะไร สุดท้ายพวกเขาก็ทานอาหารอย่างรวดเร็วแล้วก็เริ่มเตรียมตัวเข้าตำบล
แต่เนื่องจากเวลานี้ช้าเกินไป จึงไม่มีเกวียนวัวเข้าตำบลแล้ว พวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเดินไปด้วยตัวเอง
เมื่อมาถึง หลี่จงอี้กับโม่เจ๋อหยวนมาส่งถังซวงและคนอื่น ๆ เข้าบ้านก่อน จากนั้นทั้งสองคนก็จากไป
“แม่คะ ไปล้างตัวแล้วนอนกันเถอะ”
“ดีเหมือนกันจ้ะ”
สามแม่ลูกเพียงแค่จัดระเบียบของนิดหน่อยเท่านั้น และผล็อยหลับไป
ในวันรุ่งขึ้น ก่อนที่เฮ่อหลานจะออกไปซื้ออาหารเช้า โม่เจ๋อหยวนก็นำซาลาเปาและแป้งทอดมาให้แล้ว “ป้าหลานครับ คุณป้าทานอาหารเช้าแล้วหรือยังครับ? ผมซื้อแป้งทอดกับซาลาเปานึ่งมา แต่ไม่รู้ว่าคุณป้าจะชอบกินไหม”
เมื่อเห็นโม่เจ๋อหยวนมาพร้อมกับอาหารเช้า เฮ่อหลานก็อดหัวเราะไม่ได้ “ป้ากำลังจะออกไปซื้อพอดีเลย แต่เธอซื้อมันซะแล้ว มา ๆ เสี่ยวโม่เข้ามาเร็ว” แต่เมื่อเห็นว่าโม่เจ๋อหยวนอยู่คนเดียว เธอจึงถามอย่างสงสัย “ลุงหลี่อยู่ที่ไหนหรือ?”
“คุณปู่หลี่ไปหาลุงหยางน่ะครับ”
“อ่อ……”
เฮ่อหลานไม่ได้ถามอะไรมาก
ทั้งสองเข้าไปในบ้านและพูดคุยกันสักพัก ในเวลานี้ ถังซวงและถังเซวี่ยก็ตื่นแล้วเช่นกัน
หลังจากรับประทานอาหารเช้าแล้ว เฮ่อหลานก็ออกไปเรียนเย็บปักถักร้อย ขณะที่โม่เจ๋อหยวนและถังเสวี่ยติดตามถังซวงไปยังบ้านของจวงเหวินเหอ
ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา เฉินกวงหยางไม่ได้งานยุ่งเท่าไหร่นัก จึงอยู่บ้านเป็นเพื่อนจวงเหวินเหอ เมื่อเห็นถังซวงมาหา เขาก็พูดด้วยรอยยิ้ม “น้องถังซวง ในที่สุดเธอก็มาถึงแล้ว ตั้งแต่ผู้เฒ่าตื่น เขาก็บ่นถึงแต่เธอยู่พักหนึ่งเลย” ในตอนท้าย เขามองไปที่โม่เจ๋อหยวนอย่างสอบถาม “นี่คือใครหรือ?”
“สวัสดีครับพี่เฉิน ผมชื่อโม่เจ๋อหยวน เป็นเพื่อนของซวงเอ๋อร์ ผมต้องการพบผู้เฒ่าจวงเหมือนกันครับ”
เมื่อเห็นเฉินกวงหยางขมวดคิ้วเล็กน้อย ถังซวงอธิบายเสริมว่า “พี่โม่เคยเจออาจารย์ตอนที่เขายังเด็กน่ะค่ะ ทั้งคู่ต่างมาจากตำบลหลวง เขาเพิ่งรู้ว่าอาจารย์ของฉันคือผู้เฒ่าจวงเมื่อวานนี้เอง ดังนั้นเขาจึงอยากมาเจออาจารย์ด้วยน่ะค่ะ”
“อ้อ งั้นเข้ามาก่อนสิ”
เฉินกวงหยางมองโม่เจ๋อหยวนอีกครั้ง โดยคิดว่าเด็กหนุ่มคนนี้ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ เพราะคนทั่วไปไม่ได้มีท่าทางและบุคลิกแบบนี้ เขาอดไม่ได้ที่จะคาดเดาตัวตนของเด็กหนุ่มคนนี้ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ
หลังจากเข้าไปในบ้าน ถังซวงและเฉินกวงหยางก็ไปหาจวงเหวินเหอก่อน
วันนี้จวงเหวินเหอมีกำลังใจดีขึ้น ดังนั้นถังซวงจึงพูดถึงโม่เจ๋อหยวนกับเขา
“ตระกูลโม่งั้นหรือ… ถ้าอย่างนั้นเขาก็มาจากตระกูลโม่ในเมืองหลวงใช่ไหม?”
ถังซวงพยักหน้าและพูดว่า “ใช่ค่ะ พี่โม่เป็นหลานชายของผู้เฒ่าโม่ค่ะ”
“ให้เด็กคนนั้นเข้ามาเถอะ ฉันอยากเจอเขา”
หลังจากที่โม่เจ๋อหยวนเข้ามาแล้ว จวงเหวินเหอก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “เธอเป็นหลานชายของโม่หยานซงจริง ๆ ด้วย เธอดูคล้ายกับตาเฒ่านั่นตอนที่ยังเด็กมากเลย”
เมื่อเขาเห็นจวงเหวินเหอ ซึ่งทั้งผอมและป่วย โม่เจ๋อหยวนก็ตกใจไม่น้อย เขาก้าวไปตรงหน้าชายชราทันที และเอ่ยเรียกออกมาว่า “คุณปู่จวง” เขายังจำได้ดีว่าชายชราเป็นอย่างไรเมื่อตอนที่เขายังเป็นเด็ก ชายชราในตอนนั้นและชายชราที่กำลังจะตายตรงหน้าเขาดูเหมือนคนละคน
“เด็กน้อย ฉันไม่นึกเลยว่าจะได้เจอหลานชายของเพื่อนเก่าอีกครั้ง”
แม้ว่าเขาและโม่หยานซงจะไม่ได้คุ้นเคยกันมากนักและเป็นเพียงแค่คนรู้จักที่เจอเมื่อไหร่ก็แค่พยักหน้าให้กัน แต่พวกเขาก็ยังถือได้ว่าเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ หรือเพื่อนที่รู้จัก
หลังจากนั้น จวงเหวินเหอก็ชวนโม่เจ๋อหยวนคุยอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นโบกมือให้เด็กหนุ่มแล้วพูดขึ้นว่า “เสี่ยวโม่ ฉันจะเริ่มสอนการแพทย์ให้ซวงเอ๋อร์แล้ว เธอออกไปนั่งข้างนอกสักพักก่อนนะ”
“ครับ”
โม่เจ๋อหยวนพยักหน้าทันที จากนั้นมองไปที่ถังซวงและออกไปในที่สุด
หลังจากที่โม่เจ๋อหยวนและคนอื่น ๆ ออกไปแล้ว จวงเหวินเหอก็มองถังซวงอย่างกับมีอะไรบางอย่าง
“มีอะไรหรือคะอาจารย์ปู่?”
ถังซวงอดไม่ได้ที่จะถาม
จวงเหวินเหอได้ยินอย่างนั้นก็หัวเราะให้กับท่าทางเย็นชาและงงงวยของลูกศิษย์ “ฮ่าฮ่าฮ่า… ไม่มีอะไรหรอก มาเริ่มเรียนวันนี้กันเถอะ”
“ค่ะ”
แต่ในระหว่างการบรรยายทางการแพทย์ในวันนี้ ถังซวงพบว่าจวงเหวินเหออารมณ์ดีเป็นพิเศษ และบางครั้งก็มองเธออย่างกับอยากพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ยังคงนิ่งเงียบ ซึ่งทำให้เด็กสาวสับสนเล็กน้อย
“ซวงเอ๋อร์ เธอมีพรสวรรค์มาก อาจารย์หวังเพียงว่าในอนาคตเธอจะตั้งใจเรียนรู้และไม่ย่อท้อนะ”
ทุกครั้งที่เขาสอนถังซวง จวงเหวินเหอก็มักทอดถอนหายใจด้วยอารมณ์ปลื้มปีติ ลูกศิษย์คนนี้เก่งมาก ถ้าเธอยังเรียนรู้ต่อไป เธอจะไปถึงระดับเทียบเท่ากับเขาในอดีตอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงพอใจและภูมิใจในตัวลูกศิษย์เป็นอย่างมาก และรู้สึกเพียงว่าตัวเองโชคดีจริง ๆ
“อาจารย์ปู่ไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันจะเรียนรู้ต่อไปจนแก่เฒ่าเลย”
“ดี…”