การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 8 แม่ม่ายหลิวเล่นตุกติก
บทที่ 8 แม่ม่ายหลิวเล่นตุกติก
บทที่ 8 แม่ม่ายหลิวเล่นตุกติก
เมื่อเห็นเด็กหนุ่มปรากฏตัว ชายทั้งสองก็เยาะเย้ยและพูดว่า “แกยังไม่หนีไปอีกเหรอ ทำไมถึงออกมาล่ะ เด็กสาวตัวเล็ก ๆ คนนี้อยู่กับแกจริง ๆ สินะ ถึงไม่ยอมให้เรายุ่งกับเธอ”
ชายทั้งสองมองหน้ากัน นัยน์ตาของพวกเขาเต็มไปด้วยการคาดการณ์ พวกเขาจับถังซวงได้ด้วยความบังเอิญ และตราบใดที่พวกเขาจับตัวเด็กสาวไว้ เด็กหนุ่มจะต้องทำตามพวกเขาอย่างเชื่อฟังแน่นอน คิดถูกจริง ๆ ที่สงสัยเธอตั้งแต่ทีแรก
ถังซวงหัวเราะด้วยความโกรธเมื่อเห็นการกระทำของทั้งสองคน
“พวกนายสองคนไร้ยางอายจริง ๆ คิดว่าฉันเป็นลูกพลับนิ่มแล้วจะบีบทำลายได้ง่าย ๆ เหรอ? พวกนายจะต้องเสียใจที่คิดรังแกฉัน”
ขณะที่พูดแบบนั้น ถังซวงก็รีบออกตัว เผชิญหน้ากับชายสองคน และโจมตีไปที่ใบหน้าของพวกเขาอย่างรวดเร็ว
พวกเขาสองคนไม่ได้สนใจถังซวงตั้งแต่แรก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ทันระวังตัว ถูกต่อยเข้าที่ดั้งจมูกอย่างจัง
เด็กหนุ่มที่กำลังไปช่วยถังซวง เมื่อเขาเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เขาไม่ได้คาดคิดว่าเด็กสาวตัวเล็ก ๆ ที่บังเอิญเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเขาโดยไม่ตั้งใจ จะมีทักษะการต่อสู้สูงขนาดนี้
แม้ว่าถังซวงจะรู้ว่าเธอสามารถจัดการพวกนี้คนเดียวได้ แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มเมื่อเห็นทักษะของเด็กหนุ่ม ทั้งสองมีการแบ่งงานกันอย่างชัดเจน แต่ละคนต่างจัดการไปคนละหนึ่ง และก็ปราบอีกฝ่ายลงอย่างรวดเร็ว
“สองคนนี้มาตามหานาย เพราะงั้นฉันจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของนายนะ”
หลังจากมัดทั้งสองด้วยหวายแล้ว ถังซวงก็ส่งมอบให้เด็กหนุ่ม
เด็กหนุ่มมองไปที่ถังซวง และขอบคุณจากใจจริง “ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของเธอในวันนี้นะ ฉันจะจดจำมันไว้ในใจ ถ้ามีโอกาสในอนาคต ฉันจะตอบแทนเธอแน่”
ถังซวงโบกมืออย่างเฉยเมยเมื่อได้ยินคำพูดนั้น และพูดว่า “ไม่เป็นไร ฉันไม่คิดว่าสองคนนี้จะขยับตัวได้แล้วล่ะ เพราะงั้นไม่จำเป็นต้องขอบคุณฉันหรอก”
“ถึงอย่างนั้น ฉันก็ยังอยากจะขอบคุณเธอ ยังไงก็เถอะ ฉันชื่อโมเจ๋อหยวนนะ”
โมเจ๋อหยวนขอบคุณอีกครั้ง มองไปที่ถังซวงแล้วถามว่า “ฉันขอถามชื่อเธอได้ไหม” เพราะถ้ารู้ชื่อของอีกฝ่าย การค้นหาใครสักคนในอนาคตก็จะง่ายขึ้น
“ถังซวง”
โมเจ๋อหยวนจดจำชื่อไว้ในใจ เขาต้องการถามถังซวงอีกครั้ง แต่เธอโบกมือแล้วเดินจากไป “เอาล่ะ ฉันมีอย่างอื่นต้องทำ นายจัดการเองนะ”
เมื่อเห็นด้านหลังของถังซวง ขณะที่เธอเดินออกไป โมเจ๋อหยวนก็ละสายตาและมองไปยังชายสองคนบนพื้นอย่างเย็นชา
ในอีกด้านหนึ่ง ถังซวงเดินต่อไปสักพักก่อนที่จะพบกระต่ายตัวหนึ่งกำลังกระโดดวิ่งเล่น เธอรีบวิ่งไปด้วยนัยน์ตาที่สดใส และคว้ากระต่ายตัวนั้นไว้อย่างง่ายดาย “ฮิฮิ… มีเนื้อกระต่ายให้กินด้วย”
ต่อมา ถังซวงก็โชคดีจับไก่ฟ้าได้
เมื่อมองไปที่เหยื่อในมือของเธอ ถังซวงก็เก็บไก่ฟ้าไว้กับตัว และเอาส่วนที่เหลือไปไว้ในพื้นที่มิติ
หลังจากที่เธอสลบไปเมื่อคราวที่แล้ว เฮ่อหลานกับถังเซวี่ยบอกเธอว่าหัวหน้าหมู่บ้านไม่เพียงจ่ายค่ารักษาพยาบาลล่วงหน้าให้เท่านั้น แต่ยังช่วยพามาที่โรงพยาบาลด้วย ดังนั้นเธอจึงต้องขอบคุณเขาเป็นธรรมดา แม้ว่าจะไม่มีทางชดใช้เงินที่ค้างอยู่ได้ แต่เธอก็ยังอยากจะแสดงความจริงใจ
“คุณลุงอยู่บ้านหรือเปล่าคะ?”
ถังซวงมาที่บ้านของถังเยว่หมิน และตะโกนเสียงดัง
“ถังซวง เธอนี่เอง อาการบาดเจ็บเป็นยังไงบ้าง?” ถังเยว่หมินถามด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นถังซวง
ถังซวงยิ้มและพูดว่า “คุณลุง ไม่ต้องห่วงค่ะ ฉันหายดีแล้ว” ในขณะที่พูด เธอรีบวางไก่ฟ้าลง “ขอบคุณสำหรับเรื่องครั้งก่อนนะคะ นี่คือไก่ฟ้าที่ฉันเพิ่งจับได้บนภูเขาเลยเอามาให้น่ะค่ะ”
ถังเยว่หมินโบกมือปฏิเเสธทันควัน “นังหนู เอามันคืนไปเถอะ ในเมื่อเธอจับมันได้ แล้วรักษาสุขภาพตัวเองให้ดีด้วย”
แต่ถังซวงรีบวิ่งหนีไปและพูดในขณะที่วิ่งว่า “คุณลุง รับไปเถอะค่ะ สองวันมานี้ฉันกินอิ่มดี และฉันก็ไม่อดอยากเนื้อหรอก”
“นี่… ถังซวง…”
เมื่อเห็นถังซวงวิ่งเร็วกว่ากระต่าย ถังเยว่หมินก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัว ตอนนี้มันยากสำหรับทุกครัวเรือนที่จะมีเนื้อกิน ดังนั้นเขาจึงยังคงวางแผนที่จะคืนไก่ฟ้า
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ภรรยาของถังเยว่หมินรีบก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ในเมื่อถังซวงเอามาให้เราแล้ว งั้นก็เพิ่มอาหารอีกจานเถอะ ช่วงนี้เสี่ยวซือโถวก็ร้องอยากกินเนื้อด้วย ไก่ฟ้าตัวนี้พอทำให้เขาอิ่มได้” เดิมทีเธอไม่พอใจที่สามีให้เฮ่อหลานยืมเงินจำนวนมาก เมื่อตอนนี้ถังซวงเอาของตอบแทนมามอบให้ที่ประตูแล้ว เธอย่อมไม่ปฏิเสธ
“คุณ…อาการบาดเจ็บของถังซวงจะไม่เป็นไรเหรอ และไก่ตัวนี้มันก็ช่วยให้เธอหายดีได้นะ เราจะกินมันได้อย่างไร?”
หวังฮุ่ยเฟินจ้องสามีและพูดว่า “คุณเอาเงินทั้งหมดของบ้านให้สามแม่ลูกยืมนะ แล้วเราจะกินไก่ของพวกเขาสักตัวจะเป็นอะไรไป? เสี่ยวซือโถวก็อยากกินเนื้อ ฉันก็อยากจะซื้อให้เขาแต่ฉันจ่ายไม่ไหว คุณคิดว่าไงล่ะ?”
“เฮ้อ…”
เมื่อได้ยินคำพูดของภรรยา ถังเยว่หมินก็พูดไม่ออกอยู่พักหนึ่ง และในที่สุดไก่ฟ้าก็ถูกนำไปเข้าครัว
ว่ากันตามตรง ถังซวงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ในขณะนี้เธอคว้ากระต่ายออกมาจากพื้นที่มิติ และรีบกลับบ้านอย่างพึงพอใจ
แต่เมื่อเธอมาถึงบ้านตระกูลถัง ก็พบว่าถังเจี้ยนกั๋วกำลังเตะประตูพร้อมสาปแช่งให้แม่และน้องสาวเปิดประตูเพื่อออกมาทำงาน
“เฮ้อ…คนตระกูลถังตายกันไปหมดแล้วเหรอ? กับแค่เรื่องเล็กน้อย ไม่งั้นก็เอาเชือกแขวนคอตัวเองไปเลยเถอะ จะอยู่ให้เปลืองข้าวเปลืองน้ำทำไม”
เมื่อได้ยินคำพูดเย้ยหยันเหล่านี้ ถังเจี้ยนกั๋วก็หันศีรษะไปมอง และเมื่อเห็นถังซวงกลับมาจากข้างนอก เขาก็ถามด้วยใบหน้าถมึงทึง “แกทำไมไม่อยู่ในบ้าน แกออกไปทำอะไรแต่เช้า”
“ไม่ใช่ธุระอะไรของนายนี่”
ถังซวงไม่สนใจถังเจี้ยนกั๋ว เธอเดินไปที่ประตูแล้วพูดว่า “เสี่ยวเซวี่ย เปิดประตูหน่อย”
“พี่สาว กลับมาแล้วเหรอ”
ถังเซวี่ยได้ยินเสียงของถังซวง และรีบเปิดประตู
เมื่อถังเจี้ยนกั๋วเห็นว่าลูกสาวตัวน้อยของเขาไม่ฟังเขาเลย แต่กลับฟังถังซวง นังเด็กที่น่าจะตายไปแล้ว ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงด้วยความโกรธ
“นังขี้แพ้สองคน ฉันเลี้ยงแกมาจนโต แต่มาทำให้ฉันโกรธแบบนี้เหรอ ฉันได้ยินมาจากแม่เฒ่าถังว่าแกสามคนแม่ลูกกินไก่เป็นอาหารเช้า แถมยังทุบตีไห่โปอีก คิดจะทำการใหญ่งั้นเหรอ ฉันละเกลียดจริง ๆ ที่ไม่ได้ทำให้แกจมน้ำตายไปทั้งสองคน”
“เฮ้อ… ในเมื่อไม่ต้องการเรามากนัก ก็ควรหย่ากับแม่ของฉันไปเร็ว ๆ นะ เราจะได้ออกจากตระกูลถังกันสักที” ถังเซวี่ยนึกขึ้นได้เมื่อตอนที่พี่สาวของเธอเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล มันไม่มีที่ว่างสำหรับพวกเธอสามคนในครอบครัวนี้ ดังนั้นเป็นการดีกว่าที่จะฟังพี่สาว ให้แม่หย่ากับถังเจี้ยนกั๋ว แล้วพวกเขาจะจากไปพร้อมกัน
เมื่อถังเจี้ยนกั๋วได้ยินเกี่ยวกับการหย่าร้างอีกครั้ง เขาก็เย้ยหยันและพูดว่า “แกอย่าได้คิดเลย ฝันไปเถอะ” แม้ว่าเขาจะเกลียดการเห็นเฮ่อหลาน แต่ถ้าไม่มีสามแม่ลูกที่บ้านแล้ว งานทั้งหลายก็ไม่มีใครสามารถทำได้เลยน่ะสิ
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ถังซวงก็เข้าไปใกล้ถังเจี้ยนกั๋ว และเตือนด้วยเสียงต่ำ “ถังเจี้ยนกั๋ว ฉันแนะนำให้หย่ากับแม่โดยเร็วที่สุดนะ ไม่งั้นฉันจะลากนายออกไปเดินขบวนตามท้องถนนแน่”
“แก แก…”
ถังเจี้ยนกั๋วหวาดกลัวมากจนก้าวถอยหลัง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ
“แกรู้ได้ยังไง”
หลังจากพูดแบบนี้ เขาก็ปิดปากอย่างรวดเร็ว แต่การกระทำของเขาดูเหมือนจะเป็นไปตามที่ถังซวงคิดและยืนยันสิ่งที่ถังซวงพูดเมื่อกี้
“ถังเจี้ยนกั๋ว คุณ..”
ตอนนี้เฮ่อหลานได้ยินสิ่งที่เขาพูดแล้ว เดิมทีเธอคิดเพียงว่าถังเจี้ยนกั๋วขี้เกียจและมีนิสัยที่ไม่ดีเท่านั้น แต่เขาจะกลับมาหาภรรยาและลูกสาวของเขาทุกครั้ง แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าชายคนนี้เน่าเสียจากภายในจริง ๆ เขามีความสัมพันธ์กับแม่ม่ายหลิว
“ถังซวง แกพูดไร้สาระแบบนั้นไม่ได้นะ ฉันจะไม่คุยกับแกอีกแล้ว”
ใบหน้าของถังเจี้ยนกั๋วตกใจเล็กน้อยและเขาก็วิ่งออกไปในขณะที่พูด โดยไม่สนใจภรรยาและลูกสาว เขาเคยเห็นคนพวกนั้นที่ถูกลากออกไปตามถนนมาก่อน พอคิดว่าตัวเองจะต้องตกอยู่ในสภาพแบบนั้น หนังศีรษะของเขาก็พลันลุกขึ้นมา
เมื่อเห็นถังเจี้ยนกั๋ววิ่งหนี ใบหน้าของถังซวงเต็มไปด้วยความสะใจ
ในไม่ช้าทั้งสามแม่ลูกก็จะสามารถออกไปจากตระกูลถังได้ หากแม่ม่ายหลิวลงมือไม่เร็วพอ เธอก็ไม่รังเกียจที่จะคอยผลักดันแผนของเธออยู่ด้านหลังหรอกนะ
“พี่สาว นี่กระต่ายที่จับได้หรือเปล่า เที่ยงนี้เรากินเนื้อกระต่ายได้ไหม?”
เมื่อได้ยินคำพูดของถังเซวี่ย ถังซวงพยักหน้าด้วยรอยยิ้มและพูดว่า “ใช่ เรามีเนื้อกระต่ายเป็นอาหารกลางวัน”
“เยี่ยมเลย”
ถังเซวี่ยรู้สึกมีความสุขมาก กินไก่ในตอนเช้าและเนื้อกระต่ายในตอนเที่ยง ทำให้พวกเขามีความสุขมากกว่าวันปีใหม่เสียอีก
แต่เฮ่อหลานมองตรงไปที่ถังซวงและถามว่า “ซวงเอ๋อร์ พ่อของลูก… มีสัมพันธ์กับแม่ม่ายหลิวจริง ๆ เหรอ?”
“แม่ สิ่งที่ถังเจี้ยนกั๋วเพิ่งพูดได้อธิบายทุกอย่างแล้ว เขามีความสัมพันธ์กับแม่ม่ายหลิว และทั้งสองคนมีลูกด้วยกันด้วย” ถังซวงพูดโดยไม่สนใจว่าเด็กในท้องของแม่ม่ายหลิวจะเป็นลูกของถังเจี้ยนกั๋วหรือไม่ เพราะเดิมทีแม่ม่ายหลิววางแผนที่จะทำเช่นนั้นอยู่แล้ว
“อะไรนะ…”
ครั้งนี้เฮ่อหลานไม่รู้สึกว่าโชคดีที่ได้รู้ เพราะก่อนที่เธอจะรู้ตัว ครอบครัวนี้มันก็ได้ตายไปนานแล้ว
แม้ว่าถังเซวี่ยจะยังไม่เป็นผู้ใหญ่เต็มตัว แต่เธอก็รู้แล้วว่ามันคืออะไร
“แม่คะ พี่สาวพูดถูก หย่ากับพ่อดีกว่า”
เมื่อเห็นว่าลูกสาวคนเล็กพูดเช่นนั้น เฮ่อหลานก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ เธอมองไปที่ลูกสาวทั้งสองด้วยท่าทางแน่วแน่ตรงหน้า พร้อมถอนหายใจและพูดว่า “เอาล่ะ แม่เข้าใจแล้ว แม่จะหย่ากับพ่อของลูก”
“แม่ ในเมื่อตัดสินใจแล้ว เราก็ออกจากตระกูลถังให้เร็วที่สุดเถอะ” เมื่อเห็นว่าเฮ่อหลานตัดสินใจได้ในที่สุด ถังซวงก็มีรอยยิ้มในดวงตา จากนั้นก็มองไปที่ถังเซวี่ยอย่างมีความสุขและพูดว่า “ไปกันเถอะ ไปทำอาหารกัน กินเนื้อกระต่ายตุ๋นตอนเที่ยงกันนะ”
“อื้ม”
เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของลูกสาวทั้งสอง เฮ่อหลานก็รู้สึกว่าการหย่าร้างอาจเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
เนื่องจากการนำของถังซวง แม่และลูกสาวจึงกินข้าวมันเทศและเนื้อกระต่ายตุ๋นเป็นมื้อเที่ยง ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าชีวิตเล็ก ๆ ของพวกเขามันดีขึ้นมากแค่ไหน
แต่ในบ้านใหญ่ บรรยากาศตึงเครียดมาก
“เจี้ยนกั๋ว ทำไมเมื่อตอนเที่ยงแกไม่จัดการพวกมันซะ? แกไม่เห็นแผลบนร่างกายของไห่โปเหรอ? แกลืมไปแล้วหรือว่าถังซวงนังสารเลวนั่นสร้างปัญหาให้ที่บ้านในสองวันมานี้”
เมื่อนึกถึงคำเตือนของถังซวง ถังเจี้ยนกั๋วก็ไม่สามารถนั่งนิ่งได้ เขาลุกขึ้นทันทีและพูดว่า “แม่ ผมมีเรื่องต้องออกไปจัดการ เดี๋ยวมา” หลังจากพูดแล้วเขาก็รีบวิ่งหนีไป
“เจี้ยนกั๋ว…!”
เมื่อเห็นถังเจี้ยนกั๋ววิ่งหนี แม่เฒ่าถังก็แทบทรุดลงด้วยความโกรธ
ถังซวงสังเกตเห็นว่าถังเจี้ยนกั๋วออกไปแล้ว เธอเยาะเย้ยและออกไปหลังจากนั้นครู่หนึ่ง
เช้าวันรุ่งขึ้น ทันทีที่แม่เฒ่าถังเปิดประตูลานบ้าน แม่ม่ายหลิวก็เดินโซซัดโซเซเข้ามา
“คุณแม่…คุณแม่ต้องตัดสินใจให้ฉันนะคะ”
“เอ๊ะ… ใครน่ะ”
แม่เฒ่าถังตกใจอยู่พักหนึ่ง และถูกแม่ม่ายหลิวจับไว้ หลังจากที่เธอเห็นคนตรงหน้าอย่างชัดเจน เธอก็ตะโกนด้วยความโกรธว่า “แม่ม่ายหลิว แกจะตายหรือไง แล้ววิ่งมาที่บ้านฉันทำไม พูดเรื่องไร้สาระอะไรแต่เช้า บัดซบจริง ๆ กลับไปซะ”
เมื่อได้ยินเสียงดังเอะอะโวยวายของแม่เฒ่าถัง ตระกูลถังคนอื่น ๆ ก็ออกมาทีละคน
ถังเจี้ยนกั๋วยังคงพักผ่อนอยู่ในบ้านใหญ่เมื่อคืนนี้รู้สึกหวาดกลัวเมื่อเห็นแม่ม่ายหลิว เขากำลังจะบอกเป็นนัยให้แม่ม่ายหลิวกลับไปก่อน แต่อีกฝ่ายพูดก่อน
“เจี้ยนกั๋ว ทำไมคุณใจร้ายจัง ฉันท้องลูกคุณอยู่นะ แต่คุณยังไม่ยอมหย่าและแต่งงานกับฉันอีก คุณอยากเห็นฉันกับลูกตายเหรอ?”