การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 80 พัฒนาสำเร็จแล้วมอบเป็นของขวัญ
- Home
- การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย
- บทที่ 80 พัฒนาสำเร็จแล้วมอบเป็นของขวัญ
บทที่ 80 พัฒนาสำเร็จแล้วมอบเป็นของขวัญ
บทที่ 80 พัฒนาสำเร็จแล้วมอบเป็นของขวัญ
หลังจากที่ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนเข้าไปพร้อมกับจิงเจ้อหรงแล้ว หูจื่อเฉียงก็ทักทายพวกเขาเป็นการส่วนตัว
“คุณจิง ทำไมคุณถึงอยู่นี่ได้ล่ะครับ เข้ามาข้างในก่อนเถอะครับ”
จิงเจ้อหรงโบกมือให้หูจื่อเฉียง “ผมแค่มาดูเท่านั้น คุณไม่จำเป็นต้องทักทายอะไรผมเป็นพิเศษหรอก”
แน่นอน มันเป็นไปไม่ได้ที่หูจื่อเฉียงจะไม่ทักทาย แต่เขาก็รู้ว่าจิงเจ้อหรงมาที่นี่เพื่อดูอะไรบางอย่าง ดังนั้นเขาจึงพาทั้งสามคนไปที่ห้องเครื่องทันที “คุณจิง สหายโม่ สหายถัง ตามผมมาได้เลยครับ”
จิงเจ้อหรงพยักหน้าเมื่อได้ยินคำพูดนั้น จากนั้นมองไปที่ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนอย่างอยากรู้อยากเห็น เห็นได้ชัดว่าพอโม่เจ๋อหยวนกำลังยุ่งอยู่ ถังซวงก็จะคอยช่วยเหลืออยู่ข้าง ๆ ทั้งสองคนทุ่มเททำงานโดยไม่สนใจคุยกับเขาเลย
เมื่อเห็นความยุ่งเหยิงในห้องเครื่องขนาดเล็ก จิงเจ้อหรงเฝ้าดูอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ไปที่สำนักงานกับหูจื่อเฉียง
“ผู้จัดการหู นี่เป็นงานสำคัญมาก ผมหวังว่าโรงงานเครื่องจักรของคุณจะร่วมมือกับสหายโม่อย่างเต็มที่นะ”
“ไม่ต้องห่วงครับคุณจิง เราจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่แน่นอน”
จิงเจ้อหรงพูดอีกสองสามคำกับหูจื่อเฉียง จากนั้นก็กลับไปก่อน
หลังจากวันที่วุ่นวาย ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนก็รีบกลับบ้านโดยรถยนต์
แต่เมื่อทั้งสองกลับถึงบ้าน พวกเขาพบว่าไฟในบ้านดับหมดแล้ว และหลังจากเปิดไฟ พวกเขามองไปในบ้านก็ไม่พบใครอยู่ที่นี่เลย “แปลกจัง แม่กับเสี่ยวเซวี่ยไปไหน?”
ถังซวงขมวดคิ้วมุ่น และกังวลว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับพวกเขา
“ซวงเอ๋อร์ ไม่ต้องกังวล ไปดูที่บ้านของฉันกันก่อนก็ได้ เผื่อว่าพวกเขาอยู่ที่นั่นกัน”
“อื้ม”
เมื่อทั้งสองมาถึงสถานที่ที่โม่เจ๋อหยวนอาศัยอยู่ ทั้งสองก็ยังคงไม่เจอใครอยู่ที่นั่น
และตอนนี้ ถังซวงก็เป็นกังวลแล้วจริง ๆ
“พี่โม่ เราแยกกันดูนะ”
“ได้ แต่ไม่ว่าเธอจะพบหรือไม่ เราจะไปเจอกันที่บ้านของเธอในอีกครึ่งชั่วโมงนะ จากนั้นค่อยไปดูที่หมู่บ้านเถาฮวากันต่อ”
ถังซวงพยักหน้าอย่างเข้าใจ
ทั้งสองค้นหาแยกกันเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง แต่ก็ยังไม่พบ และในที่สุดทั้งสองก็กลับไปที่บ้านของถังซวง
“พี่โม่ ฉันว่าเราไปที่หมู่บ้านกันเถอะ”
โม่เจ๋อหยวนก็คิดเช่นนั้น แต่ก่อนที่พวกเขาจะจากไป หลี่จงอี้ เฮ่อหลาน และถังเซวี่ยก็กลับมา
“คุณปู่ แม่ เสี่ยวเซวี่ยไปไหนกันมาคะ ทำไมกลับมาช้าจัง” ถังซวงรีบวิ่งไปหาพวกเขาเมื่อเห็นว่าทั้งสามกลับมาแล้ว เมื่อเธอเข้าไปใกล้ เธอพบว่าทั้งสามคนได้รับบาดเจ็บ ก็ตะลึงงันไปชั่วครู่ก่อนเปลี่ยนเป็นแววตาเย็นยะเยือก “เกิดอะไรขึ้น? มีใครมาทำอะไรหรือเปล่า?”
“อย่ากังวลซวงเอ๋อร์ เราสบายดี”
เมื่อเห็นว่าการแสดงออกของลูกสาวคนโตเปลี่ยนไป เฮ่อหลานจึงอธิบายเรื่องนี้อย่างรวดเร็ว
ตามจริงแล้วเธอและถังเซวี่ยกลับไปที่หมู่บ้านเถาฮวาในตอนบ่ายเพื่อเอาของ แต่มีคนจากหมู่บ้านอื่นมาที่หมู่บ้านเถาฮวา เมื่อเขาเห็นว่าถังเซวี่ยหน้าตาดีก็หยอกล้อเด็กสาว แต่เฮ่อหลาน ป้าหวงและลูกชายสองคนของเธอที่อยู่ด้วยกันในเวลานั้นมาเห็นเข้าแล้วก็สอนบทเรียนให้แก่เขา
ด้วยเหตุนั้น ชายผู้นี้จึงได้เรียกพวกและชาวบ้านมาพูดคุย
เฮ่อหลานกังวลมากในเวลานั้น แต่โชคดีที่ผู้คนในหมู่บ้านเถาฮวาถือว่าสามแม่ลูกเป็นสมาชิกของหมู่บ้านแล้ว ตอนนี้เมื่อมีคนมารังแกพวกเขา ชาวบ้านก็ต่อสู้กับคนที่มาจากหมู่บ้านอื่นทันที เหตุการณ์จึงวุ่นวายไปกันใหญ่
หลี่จงอี้ยกยิ้มและพูดจากด้านข้างว่า “ตอนฉันไปถึง คนของหมู่บ้านเถาฮวาก็ได้เปรียบแล้ว และพอฉันรู้มาว่ามีคนกลั่นแกล้งเสี่ยวเซวี่ย ฉันเลยรีบไปช่วย หลังจากที่คนพวกนั้นถูกไล่ออกไป เราก็ไล่ขอบคุณชาวบ้าน ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงกลับมาช้ามากน่ะ”
ถังซวงถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเธอได้ยินอย่างนั้น แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “คราวหน้าเราต้องไปขอบคุณผู้คนในหมู่บ้านหน่อยแล้ว”
เฮ่อหลานพยักหน้าเห็นด้วยและพูดว่า “ใช่ แม่อยากจะขอบคุณพวกเขาจริง ๆ พวกเขาช่วยเหลือเราไว้มากเลย”
จากนั้นถังซวงก็ถามชื่อของบุคคลที่ต้องการกลั่นแกล้งถังเซวี่ย แต่หลี่จงอี้ตะคอกเธอเสียก่อน “เขามาจากหมู่บ้านตระกูลสือ ฉันไม่ได้สนใจชื่อของเขา แต่เรื่องนี้จะปล่อยไปไม่ได้ ไอ้เด็กนั่นต้องถูกสั่งสอน”
ถังซวงก็มีความคิดเช่นเดียวกัน และเธอก็ตัดสินใจในใจแล้วว่าเมื่อเธอจัดการธุระเสร็จ เธอจะไปสอนบทเรียนให้ชายคนนั้น
ไม่กี่วันต่อมา ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนออกเดินทางแต่เช้าและกลับดึกในทุกวัน ส่วนจิงเจ้อหรงก็ตามไปดูพวกเขาทุกวัน หลังจากผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ เสียงตื่นเต้นก็ดังออกมาจากห้องเครื่องขนาดเล็ก
“ซวงเอ๋อร์ สำเร็จแล้ว สำเร็จแล้วจริง ๆ!”
เมื่อเห็นใบหน้าปลาบปลื้มของโม่เจ๋อหยวน ถังซวงก็อดไม่ได้ที่จะยิ้ม “พิมพ์เขียวของพี่สมบูรณ์แบบ ม้นต้องสามารถสร้างได้อยู่แล้ว” แม้ว่าเธอจะช่วยเสริมในบางจุด แต่พิมพ์เขียวทั้งหมดนั้นวาดโดยโม่เจ๋อหยวนเอง เขาทำงานหนักจริง ๆ และความสำเร็จก็ไม่มีข้อโต้แย้งเลย
แต่โม่เจ๋อหยวนไม่คิดเช่นนั้น
“ซวงเอ๋อร์ ขอบคุณมาก หากไม่มีเธอ เครื่องเก็บเกี่ยวแบบครบวงจรนี้อาจไม่สำเร็จก็ได้”
ถังซวงไม่กล้ารับความดีความชอบ “มันเป็นเพราะพี่ต่างหาก ไม่ใช่ฉัน”
จิงเจ้อหรงก็บังเอิญมาที่นี่เช่นกัน เมื่อเขาเห็นเครื่องเก็บเกี่ยวแบบครบวงจรที่พัฒนาขึ้นใหม่ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น “เราจะใช้เครื่องนี้ได้ยังไงหรือ? มันช่วยประหยัดกำลังคน ทั้งเก็บเกี่ยวและนวดข้าวได้จริงใช่ไหม?” เขารู้สึกไม่เชื่อเล็กน้อย
โม่เจ๋อหยวนยิ้มให้เขา “ลองดูแล้วคุณจะรู้ครับ”
“งั้นเราไปลองกันเลยเถอะ”
ทั้งจิงเจ้อหรงและหูจื่อเฉียงไม่สามารถรอได้ ในที่สุดทุกคนก็ไปที่ทุ่งชานเมือง และหลังจากสื่อสารกับหัวหน้าทีมที่นั่น พวกเขาก็เริ่มดำเนินการ
ไม่มีใครเคยเห็นเครื่องจักรนี้เลย นับประสาอะไรกับการใช้งาน โม่เจ๋อหยวนที่เป็นผู้อธิบาย และหลังจากที่เขาสาธิตวิธีใช้งานเท่านั้น จึงมีคนเริ่มทดลองใช้
“สุดยอดเลย… มันเก็บเกี่ยวได้จริง ๆ นี่มันยอดเยี่ยมเกินไป ในอนาคตจะไม่ต้องใช้คนในการเก็บเกี่ยวอีกแล้ว!”
“เครื่องนี้สะดวกมาก คงจะดีมากถ้าทีมฝ่ายผลิตของเรามีเครื่องแบบนี้”
“แต่ฉันเพิ่งได้ยินมาว่าเครื่องนี้สามารถนวดข้าวได้ด้วยนะ แต่ก็ไม่รู้ว่าจริงไหม”
คนในหมู่บ้านพูดคุยกันมากมาย และพวกเขาต่างก็เฝ้าดูเครื่องจักรเกี่ยวข้าวด้วยความอยากรู้อยากเห็น
จิงเจ้อหรงจับเวลาและพบว่าเครื่องจักรนี้เก็บเกี่ยวข้าวทั้งหมดโดยใช้เวลาไม่นานจริง ๆ “มันช่วยประหยัดแรงงานและเวลาได้จริง ๆ และถ้ามันเป็นที่นิยมในอนาคต มันจะมีบทบาทสำคัญด้านการเกษตรอย่างแน่นอน”
หลังจากได้เห็นรถเกี่ยวข้าวกำลังเก็บเกี่ยวข้าว หูจื่อเฉียงก็กล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “เยี่ยมมาก สำเร็จแล้ว สำเร็จแล้วจริง ๆ” โรงงานเครื่องจักรของพวกเขาเป็นที่แรกที่ผลิตเครื่องจักรนี้ และเขาสามารถคาดการณ์อนาคตของโรงงานได้เลยว่ามันจะได้รับความนิยมแค่ไหน
แต่เครื่องนี้คิดค้นโดยโม่เจ๋อหยวน ดังนั้นเขาต้องถามเด็กหนุ่มอีกครั้งเมื่อถึงเวลา
แน่นอนว่าจิงเจ้อหรงก็คิดถึงเรื่องนี้เช่นกัน เขามองไปที่โม่เจ๋อหยวนแล้วถามว่า “เธอคิดที่จะประชาสัมพันธ์เรื่องเครื่องนี้ไหม? ผู้คนจะต้องขอบคุณเธออย่างแน่นอน”
โม่เจ๋อหยวนพยักหน้าและพูดว่า “แน่นอนครับ ผมต้องการทำให้ผู้คนรู้จัก เพราะผมศึกษาเรื่องนี้เพื่อความสะดวกสะบายของคนจีน”
“ดี ๆ ตราบใดที่เธอมีความคิดนี้ก็เยี่ยมมาก”
จิงเจ้อหรงตบไหล่โม่เจ๋อหยวนเบา ๆ เขารู้สึกชื่นชมและดีใจกับเด็กหนุ่มผู้มีเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง และทำเพื่อประเทศชาติ แต่เขายังไม่ลืมถังซวงและชมเธอ “สหายเสี่ยวถังเองก็ทำงานหนักมากนะ เธอสองคนเก่งจริง ๆ”
“พี่โม่ต่างหากที่สุดยอด”
ถังซวงมีความสุขมากที่โม่เจ๋อหยวนทำสำเร็จ ด้วยสิ่งประดิษฐ์นี้ เส้นทางของเขาในอนาคตจะต้องราบรื่นแน่
ในเวลานี้ จู่ ๆ หูจื่อเฉียงก็มองไปที่โม่เจ๋อหยวนและถามว่า “สหายเสี่ยวโม่ นายมีแผนจะทำอะไรกับรถเกี่ยวข้าวคันแรกนี้? นายมีความคิดอะไรบ้างหรือยัง?”
โม่เจ๋อหยวนไม่พูดแต่มองตรงไปที่ถังซวงแล้วถามว่า “ซวงเอ๋อร์ เธอต้องการรถเกี่ยวข้าวนี้ไหม?”
ถังซวงไม่คาดคิดว่าโม่เจ๋อหยวนจะถามคำถามเช่นนี้กับเธอ จึงชะงักไปชั่วขณะ
แต่โม่เจ๋อหยวนคิดไว้แล้ว “ซวงเอ๋อร์ ฉันต้องการมอบรถเกี่ยวข้าวคันนี้ให้เธอ”
เมื่อเห็นดวงตาที่เป็นประกายและใบหน้าที่จริงใจของเขา ถังซวงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ถ้าพี่ให้ฉันจริง ๆ ก็ต้องขอบคุณมากนะ แต่ฉันอยากจะมอบเครื่องจักรนี้ให้กับฝ่ายผลิตในหมู่บ้านเถาฮวาน่ะ”