การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 87 รายงานตัว(รีไรท์)
บทที่ 87 รายงานตัว(รีไรท์)
บทที่ 87 รายงานตัว(รีไรท์)
เมื่อเฮ่อหลานได้ยินสิ่งที่ลูกสาวคนโตพูด เธอก็ส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่เป็นไรจ้ะ แม่จะไปรายงานตัวที่โรงเรียนกับลูกสองคนในวันพรุ่งนี้นะ”
ถังซวงมองไปที่เฮ่อหลาน และพูดว่า “แม่คะ ระหว่างเรายังต้องมีอะไรปิดบังกันอีกหรือ?”
ในเวลานี้ ถังเซวี่ยก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไป เธอมองไปที่แม่ของเธอแล้วถามว่า “แม่คะ แม่ควรบอกเรานะ ไม่อย่างนั้นเราจะได้แต่เดาไปเรื่อย ๆ แบบนี้ไม่ดีเลย แม่ทำให้เรากังวลมากขึ้นไปอีกนะคะ”
เมื่อเห็นลูกสาวทั้งสองพูดเช่นนี้ เฮ่อหลานก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจและพูดว่า “ที่จริง… เป็นอาจารย์ของแม่น่ะ เธอจะกลับไปที่เมืองซูแล้ว และเธอต้องการให้แม่ไปที่นั่นกับเธอ ให้แม่ไปฝึกต่อที่เมืองซูสักระยะหนึ่ง แล้วเธอจะช่วยแนะนำงานเย็บปักให้แม่ แต่เพราะลูกสองคนยังเด็กมาก ทั้งยังกำลังจะไปโรงเรียนอีก แม่เลยลังเลนิดหน่อย คิดว่าพรุ่งนี้แม่จะไปขอโทษอาจารย์ที่ไปเมืองซูไม่ได้น่ะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ถังซวงก็พูดตรง ๆ ว่า “แม่คะ แม่ควรไปเมืองซูนะ”
ถังเซวี่ยเห็นด้วยทันที และพูดว่า “ใช่ค่ะแม่ โอกาสแบบนี้หายากมาก แม่ควรไปเมืองซูนะ พี่สาวกับหนูไม่เป็นไร อีกอย่างคุณปู่เองก็ย้ายมาอาศัยอยู่ข้างบ้านพวกเราแล้ว แบบนี้ก็ยิ่งไม่มีปัญหาอะไรเลย”
เมื่อเห็นว่าเฮ่อหลานลังเลอยู่ ถังซวงกล่าวเสริมว่า “แม่คะ เสี่ยวเซวี่ยกับหนูโตแล้ว แม่ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเราอีกต่อไป แม่ควรคิดถึงตัวเองให้มากนะคะ เพราะงั้นคว้าโอกาสนี้ไว้เถอะค่ะ”
“แม่คะ ไม่ต้องห่วงพวกเราจริง ๆ”
หัวใจที่ลังเลแต่เดิมของเฮ่อหลานค่อย ๆ แข็งแกร่งขึ้น ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยประกายแห่งความหวัง “ตกลงจ้ะ พรุ่งนี้แม่จะไปบอกกับอาจารย์ว่าจะไปเมืองซูกับเธอ”
เมื่อเฮ่อหลานเจอซูเหนียนอวิ๋นในวันถัดมา เธอก็คุยเกี่ยวกับการไปเมืองซูทันที
ใบหน้าของซูเหนียนอวิ๋นเต็มไปด้วยความสุขเมื่อเธอได้ยินแบบนั้น “เยี่ยมมาก ฉันกำลังกังวลอยู่เลยว่าเธอจะไม่ไปกับฉัน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฮ่อหลานก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ที่จริง… ตอนแรกฉันก็ไม่อยากไปจริง ๆ ค่ะ ซวงเอ๋อร์กับเสี่ยวเซวี่ยกำลังจะเข้าโรงเรียนเร็ว ๆ นี้แล้ว และฉันก็เป็นห่วงพวกเธอมาก แต่พวกเธอกลับให้กำลังใจฉัน และบอกให้ฉันไปเมืองซูกับอาจารย์ เมื่อเห็นความคาดหวังในดวงตาของลูก ๆ ฉันจึงตอบตกลงค่ะ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า… ดูเหมือนว่าซวงเอ๋อร์กับเสี่ยวเซวี่ยจะชักจูงเก่งจริง ๆ นะ”
ซูเหนียนอวิ๋นพูดด้วยรอยยิ้ม จากนั้นมองไปที่เฮ่อหลาน “แต่พวกเขาทำได้ดีมากนะ เธอควรออกไปดูโลกกว้างให้มากขึ้น เรียนรู้ทักษะเพิ่ม พรสวรรค์ของเธอดีอยู่แล้ว ตราบใดที่เธอพยายามอย่างหนัก จะสามารถทำได้ดีในอนาคตแน่นอน ในฐานะผู้หญิงที่ ยืนหยัดด้วยตัวเองอย่างเธอ ต้องมีความมั่นใจให้มากขึ้น และเธอจะมีชีวิตที่ดีขึ้นแน่ อีกทั้งยังปกป้องคนที่รักได้ด้วย”
เฮ่อหลานพยักหน้าเมื่อได้ยินและพูดว่า “ค่ะอาจารย์ ฉันจะพยายามค่ะ”
“ดีมาก”
เมื่อเห็นแบบนี้ ซูเหนียนอวิ๋นก็มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้า
หลังจากที่เฮ่อหลานกลับมา เธอก็เริ่มเก็บข้าวของ แม้ว่าเธอจะตัดสินใจไปเมืองซูแล้ว แต่ก็ยังกังวลเกี่ยวกับลูกสาวทั้งสอง เอาแต่พูดย้ำให้พวกเธอดูแลตัวเองอย่าทำอะไรเสี่ยง ๆ เด็ดขาด
เมื่อได้ยินเธอพูดย้ำอยู่หลายรอบ ถังเซวี่ยก็มองไปที่เฮ่อหลานอย่างช่วยไม่ได้ “แม่คะ แม่พูดแบบนี้หลายครั้งแล้วนะ”
เฮ่อหลานจ้องไปที่ลูกสาวตัวน้อยของเธอแล้วพูดว่า “ก็เพราะว่าแม่เป็นห่วงพวกลูกน่ะสิ”
“แม่คะ หนูอยู่กับพี่สาวนะ ไม่มีอะไรต้องกังวลหรอกค่ะ อีกอย่างคุณปู่กับพี่โม่ก็อาศัยอยู่บ้านข้าง ๆ ดังนั้นแม่ไม่ต้องกังวลอะไรจริง ๆ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฮ่อหลานรู้สึกโล่งใจ แต่ก็ผิดหวังเล็กน้อย ลูกสาวสองคนดูเหมือนจะสามารถอยู่ด้วยตัวเองได้โดยไม่มีเธอ
เมื่อเห็นแม่เป็นแบบนี้ ถังซวงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “แม่คะ แม่ไม่ต้องห่วงเราจริง ๆ แม่ควรคิดเกี่ยวกับการฝึกหลังจากที่ไปเมืองซูนะ และควรหาของขวัญสักอย่างไปให้ศิษย์พี่ที่ไม่เคยพบหน้ากันด้วย”
“อา… ใช่ แม่ยังไม่ได้เตรียมของขวัญเลย”
“ไม่เป็นไร งั้นเราออกไปเดินเล่นตอนบ่ายกันเถอะค่ะ”
เฮ่อหลานยิ้มและพยักหน้า “ได้”
ถังซวงเห็นว่าเฮ่อหลานกำลังจัดเสื้อผ้าสีดำและสีน้ำเงินเข้ม เธอจึงอดไม่ได้ที่จะถามว่า “แม่คะ แล้วชุดสีน้ำตาลกับสีครีมสองชุดที่แม่มีก่อนหน้านี้ล่ะ ทำไมแม่ไม่เอาไปด้วย?”
แม้ว่าตอนนี้เสื้อผ้าที่เฮ่อหลานเตรียมจะมีแต่สีเข้ม ๆ แต่เสื้อผ้าสีอ่อนก็ยังพอมีอยู่บ้าง ส่วนสองชุดนั้น ถังซวงได้ผ้ามาก่อนหน้านี้เลยขอให้แม่ทำชุดให้ตัวเอง แต่แม่ก็ไม่ได้ใส่พวกมันบ่อยนัก และยังคงสวมเสื้อผ้าสีเทาหรือดำตลอดเวลา
“เพราะไม่มีโอกาสจะใส่ แม่เลยไม่ได้ใส่น่ะ”
ในความเป็นจริง เธอมักจะลังเลที่จะสวมกระโปรงสองตัวนี้ และเธอจะสวมมันเมื่อมีโอกาสสำคัญเท่านั้น
“เอาไปด้วยสิคะ เสื้อผ้าน่ะมีไว้สำหรับใส่นะ หรือถ้าแม่เห็นเสื้อผ้าสวย ๆ ในเมืองซู แม่ก็ซื้อให้เสี่ยวเซวี่ยกับหนูด้วยก็ได้นะคะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฮ่อหลานก็พยักหน้าอย่างเป็นธรรมชาติและพูดว่า “ได้สิ ถ้าแม่เห็นอะไรที่ดูดี แม่จะซื้อให้ลูกนะ”
ในที่สุด เฮ่อหลานก็นำชุดทั้งสองชุดไปด้วย และในตอนบ่าย สามแม่ลูกก็ไปซื้อของกัน รวมทั้งซื้อของขวัญด้วย และก็ไปที่ตลาดเพื่อซื้อผัก
“ซวงเอ๋อร์ ไปเรียกลุงหลี่กับเสี่ยวโม่มากินข้าวเย็นกัน”
“ค่ะ”
เมื่อหลี่จงอี้และโม่เจ๋อหยวนมาถึง เฮ่อหลานก็ได้เตรียมอาหารไว้แล้ว
“ลุงหลี่คะ ฉันจะไปเมืองซูกับอาจารย์ในเดือนหน้า ฉันรบกวนฝากซวงเอ๋อร์กับเสี่ยวเซวี่ยให้คุณดูแลแทนฉันด้วยนะคะ”
หลี่จงอี้ได้ยินถังซวงพูดถึงเรื่องนี้เมื่อไม่นานมานี้ ดังนั้นเขาจึงโบกมืออย่างไม่ถือสา “อาหลาน เธอไปเมืองซูโดยไม่ต้องกังวลได้เลย ฉันจะดูแลซวงเอ๋อร์กับเสี่ยวเซวี่ยเอง เธอไม่จำเป็นต้องเป็นห่วง”
เฮ่อหลานยิ้มและพูดว่า “ค่ะ รบกวนลุงหลี่ด้วยนะคะ”
โม่เจ๋อหยวนที่อยู่ข้าง ๆ ก็ยืนยันเช่นกัน “ป้าหลานครับ ผมจะดูแลซวงเอ๋อร์กับเสี่ยวเซวี่ยอย่างดีเช่นกันครับ ดังนั้นคุณป้าไม่ต้องกังวลจริง ๆ”
“ได้จ้ะ ต้องลำบากใจเสี่ยวโม่แล้วนะ”
ในวันรุ่งขึ้น เฮ่อหลานติดตามซูเหนียนอวิ๋นไปยังเมืองซูในตอนเช้าตรู่ ในขณะที่ถังซวงกับถังเซวี่ยตามโม่เจ๋อหยวนเไปรายงานที่โรงเรียนมัธยมอันดับหนึ่งของตำบล
“ซวงเอ๋อร์ เสี่ยวเซวี่ย โรงเรียนมัธยมต้นอยู่ข้างหน้า ฉันจะพาพวกเธอไปที่นั่นนะ”
โม่เจ๋อหยวนส่งถังซวงกับถังเซวี่ยที่อาคารเรียนของชั้นมัธยมต้นปีที่หนึ่ง ช่วยพวกเธอหาชั้นเรียนและห้องเรียน
“สวัสดีนักเรียนทุกคน พวกเธอเป็นนักเรียนชั้นมัธยมต้น ฉันหวังว่าทุกคนจะตั้งใจเรียนและก้าวหน้าไปด้วยกันนะ”
ครูประจำชั้นฮั่วไห่เหล่ย ยืนอยู่บนเวที มองไปที่นักเรียนด้านล่างด้วยรอยยิ้ม
มีนักเรียนมากกว่าสามสิบคนในชั้นเรียน มีนักเรียนหญิงอยู่ไม่มากนัก ถังซวงกับถังเซวี่ยถือว่าเป็นคนที่มีอายุมากที่สุดในชั้นเรียนนี้ หลังจากนั้นครูก็เริ่มขานชื่อ และทุกคนก็จำชื่อกันได้หมด ในที่สุดทุกคนก็จ่ายค่าเล่าเรียนและรับหนังสือ จากนั้นการลงทะเบียนก็จบลง
“นักเรียน จำไว้ว่าพรุ่งนี้เธอจะต้องมาถึงโรงเรียนตอนเจ็ดโมงเช้านะ ดังนั้นอย่ามาสาย”
“เข้าใจแล้วค่ะ/ครับ อาจารย์”
หลังจากที่ครูเดินออกจากห้องเรียน นักเรียนก็ลุกขึ้นยืนและออกจากห้องเรียนไปทีละสองสามคน
ถังเซวี่ยตามถังซวงออกมา และพูดอย่างตื่นเต้นว่า “พี่สาว จากนี้ไปเราจะเป็นนักเรียนของโรงเรียนมัธยมอันดับหนึ่งของตำบลกันแล้วนะ”