การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 89 การแข่งขันคณิตศาสตร์
บทที่ 89 การแข่งขันคณิตศาสตร์
บทที่ 89 การแข่งขันคณิตศาสตร์
ถังซวงไม่แปลกใจเลยที่ได้ยินว่าเธอได้คะแนนเต็มในการสอบ เพราะยังไงแล้วข้อสอบพวกนั้นก็ไม่ยากสำหรับเธอเลย และเธอไม่ต้องการเรียนมัธยมต้นไปสามปี ดังนั้นเธอจึงไม่ซ่อนความสามารถที่แท้จริงเอาไว้
ถังเซวี่ยที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ถังซวงได้ยินคะแนนของพี่สาว ก็พูดอย่างอิจฉาว่า “พี่สาวเก่งจัง”
“เธอก็ทำได้ รอให้ได้กระดาษข้อสอบกลับมาก่อน แล้วดูกันว่าเธอผิดพลาดตรงไหน”
“ค่ะ”
ถังเซวี่ยพยักหน้าอย่างจริงจัง
หลังจากได้กระดาษข้อสอบมา ถังเซวี่ยก็ได้ตรวจสอบอย่างใกล้ชิดและพบว่าเธอทำได้ดีไม่น้อย มีเพียงสองสามข้อเท่านั้นที่ตอบผิดไป “พี่สาว ฉันใส่คำตอบผิดไป ในคำถามย่อยข้อที่สามของคำถามใหญ่ข้อสุดท้าย”
“ไว้ฟังคำอธิบายของอาจารย์เรื่องข้อสอบก่อนนะ ถ้ามีอะไรไม่เข้าใจเดี๋ยวพี่จะมาอธิบาย”
“ค่ะ”
หลังจากที่กระดาษข้อสอบถูกส่งกลับมา ทุกคนก็ตั้งใจฟัง แต่นักเรียนบางคนในชั้นก็ไม่ค่อยตั้งใจฟังนัก สมัยนี้เด็กหลายคนไม่ค่อยให้ความสนใจกับการเรียน ซึ่งเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่นักเรียนบางคนจะไม่จริงจังกับการเรียนมากนัก
แต่ฮั่วไห่เหล่ยก็ยังคงอธิบายข้อสอบอย่างละเอียด ถังซวงอดไม่ได้ที่จะคอยพยักหน้าไปพลาง ๆ เพราะวิธีการบรรยายของอาจารย์นั้นค่อนข้างเข้าใจง่าย มีการอธิบายทุกขั้นตอนอย่างละเอียด และในขั้นตอนไหนที่มีแนวโน้มที่จะเกิดข้อผิดพลาดเขาก็อธิบายเช่นกัน
เมื่อฮั่วไห่เหล่ยอธิบายเสร็จ ชั้นเรียนคณิตศาสตร์ก็จบลง
ถังซวงมองไปที่ถังเซวี่ยและถามว่า “เป็นยังไงบ้าง เข้าใจทุกอย่างไหม? มีไม่เข้าใจอะไรตรงไหนหรือเปล่า?”
ถังเซวี่ยพยักหน้าอย่างรวดเร็วและพูดว่า “ฉันเข้าใจแล้ว”
“งั้นดีแล้ว”
ในเวลานี้ฮั่วไห่เหล่ยเรียกชื่อของถังซวงที่หน้าห้อง “ถังซวง มาที่ห้องทำงานของฉันเดี๋ยวสิ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ถังซวงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย จากนั้นจึงลุกขึ้นและตามเขาไปที่ห้องทำงาน
“ถังซวง เธอทำได้ดีมากในการทำข้อสอบคณิตศาสตร์ครั้งนี้ ได้ยินว่าเธอไม่เคยเรียนที่โรงเรียนมาก่อน เธอศึกษาด้วยตนเองหรือ?”
ถังซวงไม่ปฏิเสธ เธอพยักหน้า “ใช่ค่ะ ถังเซวี่ย น้องสาวของฉันกับฉันเรียนด้วยตนเอง เนื่องจากอายุของเราก็เยอะแล้ว การเริ่มเรียนที่โรงเรียนประถมคงจะค่อนข้างช้าไปหน่อย เราจึงอ่านหนังสือเรียนทั้งหมดของระดับประถมแล้วสอบตรงเลยค่ะ”
“เข้าใจแล้ว ๆ พวกเธอสองพี่น้องเก่งมาก”
ฮั่วไห่เหล่ยรู้ว่าสองพี่น้องไม่เคยเรียนที่โรงเรียนมาก่อน ดังนั้นเขาจึงให้ความสนใจพวกเธอเป็นพิเศษ และครั้งนี้ถังซวงกับถังเซวี่ยก็ทำให้เขาประหลาดใจจริง ๆ ไม่ต้องพูดถึงคะแนนที่สมบูรณ์แบบของถังซวง แม้แต่ถังเซวี่ยเองก็ยังสอบได้คะแนนเป็นอันดับสามของชั้นเรียน สองพี่น้องมาเรียนช้าเกินไปจริง ๆ ถ้าพวกเธอเข้าโรงเรียนเร็วกว่านี้ ป่านนี้น่าจะอยู่ชั้นมัธยมปลายแล้ว
“ถังซวง เร็ว ๆ นี้จะมีการแข่งขันคณิตศาสตร์ ฉันอยากให้เธอเข้าร่วมด้วย เธอมีปัญหาอะไรไหม?”
“ไม่มีปัญหาค่ะ”
เมื่อได้ยินคำตอบของถังซวง ฮั่วไห่เหล่ยก็พูดด้วยรอยยิ้ม “ดีมาก งั้นเธอกลับไปที่ห้องเรียนก่อนเถอะ แล้วฉันจะแจ้งเวลาและสถานที่ของการแข่งขันให้เธออีกที”
“ได้ค่ะ”
เมื่อถังซวงกลับมาที่ห้องเรียน ถังเซวี่ยรีบถามว่า “พี่สาว ๆ อาจารย์ฮั่วเรียกไปทำไมหรือ?”
นักเรียนคนอื่น ๆ ก็มองที่ถังซวงอย่างอยากรู้อยากเห็นเช่นกัน เพราะยังไงเธอก็ได้คะแนนเต็มในการสอบครั้งแรกในชั้นเรียน และเธอก็มีหน้าตาน่ารักด้วย
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ถังซวงก็พูดตอบไปตรง ๆ ว่า “ไม่มีอะไรหรอก แค่ให้ฉันไปแข่งขันคณิตศาสตร์น่ะ”
“โห…”
ดวงตาของถังเซวี่ยเป็นประกาย และเต็มไปด้วยความภูมิใจในตัวพี่สาวของเธอ “พี่สาว พี่ทำได้แน่”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ถังซวงพูดด้วยรอยยิ้ม “อื้ม”
จงเฟยเฟยและเสี่ยวเฟยที่นั่งอยู่ตรงหน้าสองพี่น้อง ก็พูดขึ้นด้วยความอิจฉา “ถังซวง เธอเก่งมากจริง ๆ ถ้าฉันไม่เข้าใจอะไร ฉันขอถามเธอได้ไหม?”
ซิงเสี่ยวเฟยเองก็หันมาเพื่อร่วมพูดคุยด้วย และพูดว่า “ใช่ ถังซวง ถ้าเราไม่รู้ เธอช่วยสอนเราได้ไหม?”
อันที่จริง คะแนนของทั้งสองคนก็อยู่ในระดับดีมาก และพวกเขาก็ยังพบว่าข้อสอบคณิตศาสตร์ครั้งนี้มันยาก แต่ถังซวงก็ยังได้คะแนนเต็มในการสอบ ซึ่งแสดงว่าเธอเก่งจริง ๆ แถมสองพี่น้องยังดูนิสัยดี ดังนั้นพวกเขาจึงถามแบบนั้น
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ถังซวงตอบรับอย่างยินดี “ได้สิ”
“ดีเลย ถ้าฉันไม่เข้าใจตรงไหน ฉันจะถามเธอนะ”
จงเฟยเฟยคิดอยู่เสมอว่าถังซวงนั้นดูเย็นชามาก แต่เมื่อเห็นว่าเด็กสาวคุยกับเธออย่างยินดี และสัญญาว่าจะสอนเธอหากไม่เข้าใจตรงไหน ความประทับใจของเธอที่มีต่อถังซวงก็ดีขึ้นทันที “ถังซวง เธอกับถังเซวี่ยเป็นพี่น้องกันหรือ?”
“ใช่ เราสองคนเป็นพี่น้องกัน”
ถังเซวี่ยเป็นคนแรกที่พูดด้วยรอยยิ้ม จากนั้นจับแขนของถังซวงแล้วพูดว่า “ดูสิ เราดูอายุเท่ากันหรือเปล่า? ดูไม่ออกเลยใช่ไหมว่าเป็นฝาแฝดกัน”
“เราอายุห่างกันสองปี ไม่ใช่ฝาแฝดสักหน่อย”
เมื่อได้ยินแบบนี้ จงเฟยเฟยก็พูดโดยไม่รู้ตัวว่า “แล้วทำไมพวกเธอถึงเรียนชั้นมัธยมต้นพร้อมกันละ?” แต่หลังจากพูดแบบนี้ เธอรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่เหมาะสม จึงรีบโบกมือปฏิเสธ “ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้นนะ คือ… ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
ด้านถังซวงก็ไม่ได้ถือสา
“เสี่ยวเซวี่ยกับฉันไม่เคยเรียนหนังสือมาก่อน ดังนั้นพวกเราจึงเรียนห้องเดียวกันหลังจากได้มาเรียนที่โรงเรียนน่ะ”
“อะไรกัน…”
จงเฟยเฟยมองไปที่ถังซวงกับถังเซวี่ยอย่างไม่เชื่อ “เธอ… พวกเธอไม่เคยเรียนที่โรงเรียนมาก่อนเลยหรือ? เป็นไปได้ยังไง?”
จะแสร้งทำเป็นว่าเธอไม่เห็นก็ไม่ได้ เพราะธอเห็นแล้วว่ากระดาษข้อสอบของถังเซวี่ยก็ได้คะแนนเก้าสิบห้า
หนึ่งในสองพี่น้องได้คะแนนเต็มและอีกคนหนึ่งได้เก้าสิบห้าคะแนน เป็นไปไม่ได้ที่พวกเธอจะไม่เคยเรียนมาก่อน
“จริง ๆ อาจารย์ฮั่วก็รู้เรื่องนี้นะ เราเรียนชั้นประถมทั้งหมดด้วยตัวเองน่ะ”
เมื่อได้ยินว่าแม้แต่ครูประจำชั้นก็ยังรู้ จงเฟยเฟยก็รู้ว่ามันคงจะเป็นความจริง จากนั้นดวงตาของเธอก็ปรากฏความชื่นชมมากยิ่งขึ้น “น่าทึ่งมาก พวกเธอพี่น้องน่าทึ่งมาก”
ก่อนที่คนอื่นจะได้พูดอะไรต่อ ชั้นเรียนภาษาจีนก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง
ครูสอนภาษาจีนเป็นผู้หญิงวัยสามสิบ ชื่อเหลี่ยวไช่เฉีย ครูคนนี้ชอบให้นักเรียนตอบคำถามในชั้นเรียน ซึ่งถังซวงเองก็ถูกเรียกหลายครั้ง และไม่รู้ว่าเธอมองผิดไปหรือเปล่า แต่เธอรู้สึกว่าครูคนนี้ดูมีอคติกับเธอเล็กน้อย
แต่เพราะครูเหลี่ยวเพียงแค่ขอให้เธอตอบคำถาม ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่านั้น ถังซวงจึงไม่สนใจมากนัก
หลังเลิกเรียนในช่วงบ่าย โม่เจ๋อหยวนก็มารออยู่ข้างนอกแล้ว
เมื่อเห็นโม่เจ๋อหยวน ถังเซวี่ยเข้าไปคุยกับเขาอย่างตื่นเต้นว่าพี่สาวของเธอกำลังจะเข้าร่วมการแข่งขันคณิตศาสตร์ “พี่ชายโม่ พี่สาวได้คะแนนเต็มในการทำข้อสอบคณิตศาสตร์ด้วย และเธอกำลังจะเข้าร่วมการแข่งขัน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ โม่เจ๋อหยวนก็อดหัวเราะไม่ได้ “จริงหรือ? บังเอิญจัง ครูของฉันก็ขอให้ฉันเข้าร่วมการแข่งขันคณิตศาสตร์ด้วย ฉันเข้าร่วมระดับมัธยมปลายน่ะ เธอคงอยู่กลุ่มมัธยมต้นสินะ”
ถังซวงตอบรับด้วยรอยยิ้ม จากนั้นเลิกคิ้วขึ้น มองไปที่โม่เจ๋อหยวนแล้วพูดว่า “ทุกคนกำลังมองมาที่พี่แหละ”
เมื่อทั้งสามคนกำลังพูดคุย นักเรียนหลายคนต่างก็มารวมตัวกันและชี้ไปที่โม่เจ๋อหยวน ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความชื่นชม
เมื่อเห็นเช่นนี้ โม่เจ๋อหยวนก็พูดอย่างหมดหนทางว่า “ถ้าฉันรู้เร็วกว่านี้ ฉันคงไม่ยอมสัมภาษณ์หรอก”
“พี่โม่ไม่คิดว่าดีหรือที่มีคนชอบพี่เยอะ ๆ น่ะ?”
“ก็ไม่เลวนะ แค่ทุกคนดูกระตือรือร้นเกินไปหน่อย”
เมื่อเห็นผู้คนมุงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ โม่เจ๋อหยวนจึงลากถังซวงกับถังเซวี่ยกลับบ้านอย่างรวดเร็ว