การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 96 หายกัน(รีไรท์)
บทที่ 96 หายกัน(รีไรท์)
บทที่ 96 หายกัน(รีไรท์)
ถังเยว่หมินได้ยินอย่างนั้นก็รีบขอให้เธออยู่ต่อทันที “ถังซวง เธอกับสหายโม่อยู่กินข้าวด้วยกันก่อนสิ เธอคงจะเหนื่อยที่ส่งมอบรถเก็บเกี่ยวมาให้เรา จะให้พวกเธอกลับไปเฉย ๆ ไม่ได้หรอก”
ถังเหยาหัวก็รีบพูดว่า “ใช่แล้ว ถังซวงอยู่กินข้าวกันก่อนเถอะนะ”
ในขณะเดียวกัน ตระกูลถังก็ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน
พ่อเฒ่าถังมองไปที่ถังซวง ผู้ได้รับเชิญจากทุกคนให้ร่วมทานอาหารด้วยกัน และใบหน้าของเขาก็บึ้งตึงเล็กน้อย ตั้งแต่หลานสาวออกจากตระกูลถัง ชีวิตของหลานสาวคนนี้ก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ ดูจากสองคนนั้นที่มาจากโรงงานเครื่องจักรสิว่าพวกเขามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันแค่ไหน เขาไม่คาดคิดเลยว่าเธอจะไปรู้จักคนพวกนั้นได้
เมื่อได้ยินมาว่าถังซวงจะส่งมอบรถเก็บเกี่ยวมาที่นี่ นั่นก็หมายความว่าเธอสามารถจัดการมันได้อย่างง่ายดาย
จากมุมมองนี้ หลานสาวคนนี้ถือเป็นหน้าเป็นตาของตระกูลถัง
น่าเสียดายที่ลูกชายคนเล็กได้หย่าร้างกับเฮ่อหลานไปแล้ว และถังซวง เด็กสาวคนนั้นก็รังเกียจตระกูลถังของพวกเขาอย่างกับอะไรดี เมื่อคิดถึงเรื่องนี้หัวใจของพ่อเฒ่าถังเต็มไปด้วยความเสียดาย
ด้านแม่เฒ่าถังมองไปยังถังซวง ในแววตาของเธอก็เต็มไปด้วยความอิจฉา นังเด็กคนนี้มีความสามารถขนาดนั้น แต่กลับไม่เห็นตระกูลถังของพวกเขาเลยสักนิด มอบรถเก็บเกี่ยวให้แก่หมู่บ้านโดยตรง แทนที่จะส่งมาให้ที่บ้านของพวกเขา
ถังชุนหยานมองไปที่ถังซวงอย่างอิจฉา พี่สาวที่อ่อนแอของเธอได้เปลี่ยนไปแล้ว และตอนนี้ถังซวงก็เปล่งประกายมาก
เมื่อถังซวงได้ยินคำเชิญของถังเยว่หมิน เธอส่ายหัวทันทีและพูดว่า “ไม่ต้องค่ะ เราจะกลับไปกินกันที่บ้าน”
แม้ว่าถังซวงจะปฏิเสธ แต่ถังเยว่หมินยังคงรั้งไว้ “ถังซวง อยู่ต่อเถอะนะ”
หวังฮุ่ยเฟินยังกล่าวอีกว่า “ใช่ถังซวง ไปที่บ้านของเราเพื่อกินอาหารก่อนเถอะ เธอไม่รู้หรอกว่าเสี่ยวซือโถวคิดถึงเธอมากแค่ไหน เขาเอาแต่พูดว่าพี่สาวถังซวงไม่ได้มาหาเขาเลย”
ถังเหยาหัวเองยังคงเชิญอย่างไม่ย่อท้อเช่นกัน
ถัดจากถังเหยาหัว คือลูกชายของเขา ถังเค่อเจี๋ย เขามองไปที่ถังซวงอย่างอยากรู้อยากเห็น และอดไม่ได้ที่จะถามว่า “ถังซวง ฉันได้ยินมาว่าในการแข่งขันคณิตศาสตร์กลุ่มมัธยมต้น คนที่ได้อันดับ หนึ่งแถมยังได้คะแนนเต็มด้วยชื่อว่าถังซวง ใช่เธอไหม?”
ถังเค่อเจี๋ยเองก็ศึกษาอยู่ที่โรงเรียนมัธยมประจำตำบล และตอนนี้เขาก็เป็นนักเรียนมัธยมต้นเช่นกัน
เขารู้เรื่องการแข่งขันคณิตศาสตร์ แต่น่าเสียดายที่เขาไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วม เมื่อได้ยินว่าโรงเรียนของตนชนะโรงเรียนมัธยมประจำอำเภอ และได้รับรางวัลชนะเลิศทั้งในมัธยมต้นและมัธยมปลาย เขาก็ความประหลาดใจ และเมื่อได้ยินว่าอันดับหนึ่งในกลุ่มมัธยมต้นคือถังซวง ตอนแรกเขาไม่ได้คิดถึงถังซวงคนนี้เลย เขายังได้ยินว่าถังซวงไม่เคยเรียนที่โรงเรียนมาก่อน หลังจากได้ยินว่าอันดับหนึ่งคนนั้นเรียนด้วยตัวเอง บางทีมันอาจเป็นถังซวงที่เขารู้จักก็ได้
ผู้คนที่อยู่รอบตัวเขาได้ยินคำพูดของถังเค่อเจี๋ย และพวกเขาทุกคนมองเขาด้วยความประหลาดใจและถามว่า “การแข่งขันทางคณิตศาสตร์อะไรหรือ?”
“มันเป็นการแข่งขันทางคณิตศาสตร์ที่จัดขึ้นในอำเภอน่ะ ผมได้ยินมาว่ายิ่งได้ที่หนึ่ง รางวัลก็ยิ่งเยอะ”
ถังซวงไม่ได้ปฏิเสธ เธอยอมรับโดยตรงว่า “ใช่ ฉันเองที่ได้อันดับหนึ่ง และฉันใช้รางวัลเพื่อซื้อจักรเย็บผ้าให้แม่ของฉัน เพื่อที่แม่จะได้ทำงานสะดวกขึ้นในอนาคต”
“ว้าว…”
ในตอนแรกทุกคนยังไม่มีการตอบสนอง และรู้สึกว่าการเรียนก็มีแต่จะเสียเงินเท่านั้น แม้ว่าถังเค่อเจี๋ยจะกล่าวว่าอันดับหนึ่งได้รางวัลมากมาย พวกเขาก็ไม่ได้รู้สึกว่าจะได้เงินสักเท่าไหร่กัน
แต่ตอนนี้ถังซวงกล่าวว่าเธอซื้อจักรเย็บผ้าด้วยรางวัลอันดับหนึ่ง ทุกคนก็ตกตะลึง
“อะไรนะ… รางวัลสำหรับอันดับหนึ่งสามารถซื้อจักรเย็บผ้าได้เลยหรือ?”
“ใช่แล้ว มันต้องใช้เงินมากเลยนะ และต้องมีคูปองจักรเย็บผ้าเพื่อซื้อจักรเย็บผ้าด้วยนี่ ถังซวง เธอได้มาจากไหนน่ะ?”
“สามารถทำเงินได้มากจากการเรียนจริง ๆ หรือ?”
เมื่อได้ยินการสนทนาโดยรอบ ถังซวงกล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม “เงินจำนวนมากจริง ๆ ค่ะ และคูปองจักรเย็บผ้าก็เป็นรางวัลของอันดับหนึ่งสำหรับการแข่งขันคณิตศาสตร์ นอกเหนือจากคูปองนี้แล้วยังมีคูปองอื่น ๆ อีกมากเลยค่ะ”
“นี่… มากขนาดนั้น เธอสามารถสร้างรายได้จากการเรียนเนี่ยนะ?”
ในชนบท ครอบครัวขนาดใหญ่อาจจะสามารถซื้อจักรเย็บผ้าได้หลังจากเก็บออมเป็นเวลาหนึ่งปี แต่ถังซวงซื้อได้อย่างง่ายดายจากการเรียน ทำไมความแตกต่างนี้ถึงมากขนาดนี้?
ซึ่งแม่เฒ่าถังที่อยู่แถวนั้นไม่สามารถทนได้อีกต่อไป
“ถังซวง แกซื้อจักรเย็บผ้าให้เฮ่อหลานจริงหรือ?”
“ใช่ แม่ของฉันเลี้ยงดูฉันและน้องสาวของฉันอย่างหนัก เมื่อฉันได้รับรางวัล ฉันก็ต้องการซื้อของขวัญที่ดีเป็นการขอบคุณเธอ”
เมื่อได้ยินเรื่องนี้ แม่เฒ่าถังก็แทบจะระเบิดอารมณ์ทันที
“ถังซวง แกกับถังเซวี่ยเติบโตขึ้นมาในตระกูลถัง ถ้าแกจะพูดเกี่ยวกับการเลี้ยงดู มันเป็นตระกูลถังของเราต่างหากที่จะเลี้ยงดูพวกแกพี่น้อง ดังนั้นแกควรซื้อของให้เราสิ”
“ฮะ… ฮ่า… ฮ่า ฮ่า…”
ถังซวงหัวเราะเยาะจนหายใจแทบไม่ทัน
“แม่เฒ่าถัง เสี่ยวเซวี่ยกับฉันเคยเป็นเหมือนวัวควายที่บ้านนั้นมาตั้งแต่เด็ก ทำไมไม่พูดล่ะ? ตั้งแต่จำความได้ ก็ต้องทำงานทุกวัน ไม่มีวันหยุดพัก ทำไมไม่พูดเรื่องพวกนี้บ้างล่ะ? สำหรับการเลี้ยงดูพวกเราพี่น้อง มันไม่มีอะไรเลยสักอย่าง จะมีก็แต่คอยกดขี่รังแกเรา แล้วตอนนี้ยังมีหน้ามาพูดแบบนี้อีกหรือ?”
“แก… แกมันนังเด็กทรพี”
ถังซวงไม่สนใจแม่เฒ่าถัง แต่มองตรงไปที่ถังเยว่หมิน “หัวหน้าหมู่บ้านถัง รถเก็บเกี่ยวก็ถูกส่งมอบแล้ว และคนของคุณก็สามารถใช้งานได้แล้ว ในอนาคตเราแม่ลูกและหมู่บ้านหลู่ฮวาหายกัน สำหรับอาหาร ฉันไม่ต้องการจริง ๆ ค่ะ ลาก่อน”
โม่เจ๋อหยวนตามถังซวงไปทันที เมื่อเห็นว่าอารมณ์ของเธอดูเหมือนจะไม่ดี เขาก็อดไม่ได้ที่จะเข้าไปใกล้และกระซิบถาม “ซวงเอ๋อร์ เดี๋ยวฉันจะพาไปซื้อของอร่อย ๆ ทีหลังนะ จะได้ซื้อไปฝากคุณปู่หลี่กับเสี่ยวเซวี่ยด้วย”
“เอาสิ”
ถังซวงไม่ได้อารมณ์ไม่ดี ตระกูลถังในตอนนี้ไม่ได้มีอิทธิพลใด ๆ กับเธอได้อีกแล้ว เธอแค่รู้สึกว่าผู้คนที่เธอเคยรู้จักล้วนเปลี่ยนไป แม้แต่ถังเยว่หมินก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
ในอีกด้านหนึ่งหลังจากถังซวงและโม่เจ๋อหยวนจากไป ทุกคนก็เงียบอยู่ครู่หนึ่งแล้วมองแม่เฒ่าถัง
ถ้าเธอไม่ได้โวยวายออกมา บางทีถังซวงอาจอยู่ต่อ และพวกเขาอาจได้ฟังเรื่องราวมากมายจากถังซวงก็ได้ เธอยังคงเกลียดตระกูลถังอยู่จริง ๆ และถึงขั้นไม่ชอบทั้งหมู่บ้านหลู่ฮวาแล้วด้วยซ้ำ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องไว้หน้าอะไรตระกูลถังอีก
“ไม่น่าแปลกใจที่ถังซวงเย็นชากับเรา ตอนนี้เธอเกลียดเราไปด้วยแล้ว ตระกูลถังไร้ยางอายจริง ๆ กดขี่รังแกสองพี่น้องได้ลงคอ”
“นี่… ฉันยังจำรูปลักษณ์ที่น่าสงสารของถังซวงกับถังเซวี่ยตอนพวกเขายังเด็กได้อยู่เลย ไม่น่าแปลกที่เธอจะเกลียดชังตระกูลถัง นี่พวกเธอต้องทนทุกข์ทรมานมานานแค่ไหนกันนะ”
“ใครใช้ให้แม่เฒ่าถังกับถังเจี้ยนกั๋วทำตัวต่ำช้ามากขนาดนั้นล่ะ ฉันคิดว่าถังซวงไม่อยากกลับมาที่หมู่บ้านเราแล้วด้วยซ้ำ”
แม่เฒ่าถังจ้องมองผู้คนรอบตัวและตะโกนว่า “ฉันก็ไม่เคยเห็นพวกแกเข้ามาช่วยเหลือนังสองคนนั้นมาก่อนเลยนี่ ไม่ใช่ว่าเพราะตอนนี้ถังซวงได้ดีงั้นหรือ? พูดจากลับกลอก น่าเสียดายที่พวกแกก็ได้แต่คิด แม้ถังซวงจะเกลียดเรา มันเองก็ไม่ได้ชอบพวกแกด้วยนั่นแหละ”
“แก…”