การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 97 ตรงข้าม
บทที่ 97 ตรงข้าม
บทที่ 97 ตรงข้าม
เมื่อได้ยินคำพูดของแม่เฒ่าถัง หญิงชราคนอื่นไม่สามารถตอบโต้อะไรได้ แต่เมื่อพวกเขานึกถึงเรื่องที่ว่าถังซวงซื้อจักรเย็บผ้าให้เฮ่อหลาน แต่กลับไม่ได้สนใจตระกูลถังเลย ก็เยาะเย้ยขึ้นทันที
“ถังซวงไม่ชอบเราแล้วยังไง? คงเทียบไม่ได้กับตระกูลถังหรอก บางคนก็หน้าด้านหน้าทนเหลือเกิน พอเห็นถังซวงได้ดีหน่อยก็พยายามเสนอหน้า แต่ตอนนี้คงไม่มีโอกาสนั้นแล้ว เพราะถังซวงคงเกลียดพวกแกเข้าไส้แล้วล่ะ”
หลังจากพูดจบ หญิงชราหลายคนก็เดินออกมาจากที่นั่น ไม่สนใจแม่เฒ่าถังอีกต่อไป
แม่เฒ่าถังที่ถูกตอกย้ำความเจ็บปวด ใบหน้าเหี่ยว ๆ ก็เริ่มบิดเบี้ยว สิ่งที่เธอโกรธมากที่สุดคือเธอไม่สามารถใช้ประโยชน์จากถังซวงได้อีก นี่พวกเขาพลาดโอกาสไปมากมายขนาดนี้เชียวหรือ
“ยังจะยืนโง่อยู่อีก รีบกลับได้แล้ว”
พ่อเฒ่าถังรู้ว่าผู้คนรอบตัวต่างต่อว่าพวกเขาไม่หยุด ก็ไม่สามารถทนอยู่ต่อไปได้อีก เขาหันหลังกลับและเดินจากไป
ถังซวงที่ไม่รู้เรื่องอะไร ในขณะนี้กำลังเธอขมวดคิ้วมองแม่ม่ายหลิวที่มายืนขวางทางพวกเธออยู่อย่างงุนงง
“ต้องการอะไร?”
แม่ม่ายหลิวจ้องไปที่ถังซวงด้วยใบหน้าเศร้าหมอง “ฉันได้ยินมาว่าเธอเพิ่งชนะการแข่งขันมานี่ ตอนนี้ฉันต้องการเงิน ถ้าเธอไม่ให้ฉัน ฉันจะพูดเรื่องของเธอ”
เมื่อได้ยินเรื่องนี้ ถังซวงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
“ทำไมถึงคิดว่าฉันจะให้เงินกับคุณ? แล้ว… คุณรู้อะไรเกี่ยวกับฉันกัน? ทำไมฉันไม่รู้สึกเลยว่าโดนคุณขู่?”
แม่ม่ายหลิวเหลือบมองไปที่โม่เจ๋อหยวนอย่างมีเลศนัยและพูดขึ้นว่า “อย่ามองไปที่ด้านสวยงามของถังซวงเพียงอย่างเดียว หัวใจของเด็กนี่ดำมืด ในตอนแรกเธอขู่ฉัน เธอต้องการให้ฉันทำให้พ่อแม่ของเธอหย่าขาดกัน และปล่อยให้ฉันแต่งงานเข้าตระกูลถัง เธอสามารถทำเรื่องพวกนี้ได้ตั้งแต่อายุยังน้อย เห็นไหมว่าเธอเจ้าเล่ห์มากแค่ไหน คนแบบไหนกันที่ยืนอยู่ข้างนาย นายไม่กลัวหรือ?”
ถังซวงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเมื่อเห็นแม่ม่ายหลิวพยายามมากแค่ไหน
“อ่อ…พูดถึงเรื่องนี้นี่เอง”
ถังซวงไม่ได้ปฏิเสธ แต่มองตรงไปที่โม่เจ๋อหยวน “สิ่งที่เธอพูดเป็นความจริง ฉันรู้ว่าถังเจี้ยนกั๋วกำลังมีความสัมพันธ์กับเธอ ฉันก็เลยตัดสินใจจะให้แม่หย่ากับถังเจี้ยนกั๋ว โดยวางแผนให้เธอมาที่นตระกูลถังเพื่อเปิดเผยความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับถังเจี้ยนกั๋ว แม่และถังเจี้ยนกั๋วจะได้หย่ากันเร็ว ๆ”
“เธอ…”
แม่ม่ายหลิวไม่ได้คาดหวังว่าถังซวงจะเปิดเผยเรื่องนี้เอง จนเธอไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ
โม่เจ๋อหยวนมองไปที่ถังซวงและพูดว่า “ซวงเอ๋อร์ ฉันคิดว่าเธอทำสิ่งที่ถูกต้องแล้ว กับตระกูลแบบนั้น เธอออกมาน่ะดีแล้ว”
เมื่อได้ยินเรื่องนี้ ริมฝีปากของถังซวงก็ยกยิ้มขึ้นและดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความสุข
แม้ว่าเธอจะไม่ได้ตั้งใจที่จะปกปิดตัวตนที่แท้จริงของเธอ แต่สิ่งที่เขาพูดออกมาก็ทำให้เธอมีความสุขมาก “ดูเหมือนว่าความคิดของพี่โม่จะเหมือนกับฉันนะ บังเอิญจริง ๆ”
ส่วนแม่ม่ายหลิวก็ชี้ไปที่โม่เจ๋อหยวนอย่างคาดไม่ถึง “นาย… นาย…”
ความตั้งใจของเธอคือทำให้ถังซวงกลัว และทำลายความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับชายหนุ่มตรงหน้า แต่ดูเหมือนว่าไม่เพียงไม่ประสบความสำเร็จ ตรงกันข้ามกลับลักไก่ไม่สำเร็จกลับเสียข้าวไปหนึ่งกำ*[1] ทำให้ถังซวงสังเกตเห็นความต้องการที่แท้จริงของเธอด้วย
ถังซวงเพิกเฉยต่อแม่ม่ายหลิว เธอมองไปอย่างเย็นชา “ฉันไม่คิดว่าคุณจะวิ่งมาข่มขู่ฉันแบบนี้เลยนะ โชคไม่ดีที่เรื่องที่คุณพยายามจะขู่ฉันกลับไม่ได้สำคัญอะไรเลย อีกอย่าง… คุณคงยังไม่ลืมเรื่องที่สำคัญที่สุดไปนะ เด็กที่อยู่ในท้องของคุณน่ะ ลองคิดสิ… ถ้าถังเจี้ยนกั๋วรู้เข้า มันจะเกิดอะไรขึ้น? พวกคนที่ลักพาตัวฉันไปต่างก็รู้เรื่องนี้ มันจะเป็นยังไงนะ?”
“ไม่… ไม่ ฉันท้องกับถังเจี้ยนกั๋ว”
ตอนนี้เอ้อไหลจื่อถูกจับกุม เรื่องของเขาล้วนเป็นที่พูดถึง เธอไม่มีทางยอมรับว่าตัวเองเกี่ยวข้องกับเอ้อไหลจื่อเด็ดขาด
“แม่ม่ายหลิว ไม่ว่าจะเป็นยังไงก็ตาม อย่าให้ฉันเจอคุณอีก ไม่อย่างนั้น ฉันจะบอกเรื่องนี้กับทุกคน ในเวลานั้นชีวิตของคุณคงไม่เหลืออะไรอีก ฉันรู้ว่าคุณเป็นคนฉลาด รีบไปหาฟางเส้นสุดท้ายอย่างถังเจี้ยนกั๋ว แล้วอย่าคิดเกี่ยวกับเรื่องอื่นอีก”
หลังจากพูดแล้ว ถังซวงก็ไม่ใส่ใจแม่ม่ายหลิวอีกต่อไป เธอเดินจากไปพร้อมกับโม่เจ๋อหยวนทันที
เมื่อทั้งสองจากไปไกล แม่ม่ายหลิวก็ค่อย ๆ ทรุดตัวลงไปที่พื้น
เธอน่าจะคิดไว้แล้วสิ ถังซวง เด็กสาวตัวเล็ก ๆ ที่สามารถทำให้พ่อแม่ของเธอหย่ากันได้ด้วยมือของเธอ จะโดนข่มขู่ง่าย ๆ ได้ยังไง?
เป็นเธอที่เข้าใจผิดไปเอง คิดว่าถังซวงจะเหมือนเด็กสาวคนอื่น ๆ ที่ไม่ต้องการให้เพศตรงข้ามรู้ด้านที่ไม่ดีของตน ดังนั้นเธอจึงคิดว่าเธอสามารถจัดการถังซวงได้ แต่กลับถูกตอกกลับมาขนาดนี้
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ใบหน้าของแม่ม่ายหลิวก็เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ความอ่อนโยนและความห่วงใยของถังเจี้ยนกั๋วที่มีต่อเธอหายไปนานแล้ว และชีวิตของเธอในตระกูลถังนั้นยากขึ้นเรื่อย ๆ ในวันข้างหน้าเธอจะอยู่ยังไง? มันไม่ได้ดีไปกว่าตอนที่เธอเป็นม่ายเลย
ตั้งแต่วันนี้ไป หมู่บ้านหลู่ฮวาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับถังซวงแล้ว เธอตัดขาดกับที่นี่ไปแล้ว
โม่เจ๋อหยวนคิดว่าเด็กสาวตัวเล็กข้าง ๆ อารมณ์ไม่ดี แต่พอเห็นเธอเป็นแบบนี้แล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ดูเหมือนว่าเขาคิดผิด เธอไม่ได้รู้สึกอะไรกับเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเลยสักนิด แต่แบบนั้นก็ดีแล้ว
“ซวงเอ๋อร์ อีกไม่กี่นาทีเราก็ถึงแล้ว”
โม่เจ๋อหยวนพาถังซวงเดินไปเรื่อย ๆ และมาถึงลานบ้านหลังหนึ่งที่ดูลึกลับ “ถึงแล้ว เจ้าของร้านที่นี่ใจดีมากนะ มีคนมาจองโต๊ะตลอดเลย”
ถังซวงมาที่นี่เป็นครั้งแรก เธอมองด้วยความอยากรู้อยากเห็นแล้วตามโม่เจ๋อหยวนเข้าไป
“เจ๋อหยวน ทำไมวันนี้มาที่นี่ได้ล่ะ?”
เจ้าของเป็นชายร่างกำยำ เขาเห็นโม่เจ๋อหยวนและทักทายอย่างคุ้นเคย เมื่อเขาเห็นถังซวงที่อยู่ด้านหลังโม่เจ๋อหยวน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจและจากนั้นเขาก็หันมาทักทายถังซวงอย่างอบอุ่น “สาวน้อยมาที่นี่เป็นครั้งแรกสินะ เข้ามาสิ วันนี้มีของดี ๆ มากมายเลย ฉันจะเอามาให้ก่อนสักสองสามจานนะ”
“ลุงเกาทำอาหารมาเท่าที่ต้องการได้เลยครับ”
“ได้สิ เดี๋ยวฉันรีบทำมาให้นะ นั่งลงก่อนเลย”
เมื่อเกาฮั่นเข้าไปในครัว โม่เจ๋อหยวนและถังซวงก็พูดคุยเกี่ยวกับร้านอาหารเล็ก ๆ ที่ซ่อนอยู่นี้
“เจ้าของร้านนี้คือลุงเกาฮั่น เขาเคยติดตามคุณปู่มาก่อนน่ะ หลังจากนั้นเขาก็ถอนตัวและเริ่มเส้นทางชีวิตใหม่ เขาชอบทำอาหาร ตอนนี้เขาเปิดร้านอาหารเล็ก ๆ นี่ แต่เปิดให้เฉพาะคนคุ้นเคยเท่านั้น”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ถังซวงก็พยักหน้า ยังไงซะตอนนี้เธอก็ไม่สามารถทำธุรกิจได้ด้วยตัวเอง เพราะอย่างนั้นเธอจะไม่พูดอะไรออกไปทั้งนั้น
เกาฮั่นเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่ว ไม่ทันไรก็มีอาหารเกินสามจานแล้วบนโต๊ะ “เจ๋อหยวน หัวปลาสดเพิ่งมาถึงวันนี้ ฉันเลยทำหัวปลาผัดพริกมาให้ แต่ไม่รู้ว่าสาวน้อยคนนี้กินเผ็ดได้ไหม?”
“ฉันกินเผ็ดได้ค่ะ”
เมื่อเขาได้ยินคำพูดของถังซวง เกาฮั่นก็หัวเราะแล้วพูดว่า “งั้นก็ดีเลย เธอลองกินก่อนสิ”
นอกจากหัวปลาผัดพริกแล้วยังมีหัวสิงโตตุ๋นและตุ๋นสามรส ถังซวงชิมแล้วพบว่าอร่อยมาก “พี่โม่ ฝีมือของลุงเกาดีจริง ๆ”
“ใช่ดีมาก ฉันไม่ได้มากินนานแล้ว คิดถึงมากเลย”
หลังจากที่พวกเขาสองคนกินอาหารจานอื่น ๆ ของเกาฮั่น มันก็ดีเช่นกัน เขาเสิร์ฟอาหารให้โม่เจ๋อหยวนอย่างระมัดระวัง และพูดว่า “เจ๋อหยวน ไว้พาเสี่ยวถังมาอีกนะ” ตอนนี้เขารู้ชื่อของถังซวงแล้ว และต้อนรับทั้งสองอย่างอบอุ่นเพื่อที่พวกเขาจะได้มาด้วยกันอีก
“ลุงเกา ไว้พวกเรามาใหม่นะ”
[1] ลักไก่ไม่สำเร็จกลับเสียข้าวไปหนึ่งกำ อุปมาว่า เอาเปรียบเขาไม่สำเร็จ กลับตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบเสียเอง