การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 98 ที่หนึ่งอีกครั้ง(รีไรท์)
บทที่ 98 ที่หนึ่งอีกครั้ง(รีไรท์)
บทที่ 98 ที่หนึ่งอีกครั้ง(รีไรท์)
เมื่อถังซวงและโม่เจ๋อหยวนกลับถึงบ้าน ถังเซวี่ยก็เพิ่งกลับมาจากโรงเรียนเพื่อมากินข้าวเที่ยงที่บ้าน เมื่อเห็นทั้งสองคน เธอจึงวิ่งไปข้างหน้าด้วยความประหลาดใจ “พี่สาว พี่โม่กลับมาแล้วหรือ”
“อืม เธอรีบไปล้างมือเถอะ เราซื้ออาหารกลับมาด้วย มากินด้วยกัน”
เมื่อเห็นว่าทุกคนกลับมาแล้ว หลี่จงอี้ก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ฉันคิดว่าพวกเธอจะกลับมาตอนบ่ายซะอีก ไม่อย่างนั้นก็ทำอาหารรอไปแล้ว”
โม่เจ๋อหยวนรีบพูดว่า “คุณปู่หลี่ครับ ซวงเอ๋อร์กับผมกินมาแล้วครับ แล้วก็ซื้อกลับมาให้ด้วย เพราะงั้นมากินเลยดีกว่าครับ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลี่จงอี้ก็เรียกถังเซวี่ยให้นั่งลง “ตกลง ๆ”
หลังจากถังเซวี่ยทานอาหารเสร็จ เธอก็ต้องไปโรงเรียนต่อ เธอมองไปที่ทั้งสองอย่างอิจฉา “พี่สาวกับพี่โม่ทำธุระเสร็จแล้วไม่ไปเรียนตอนบ่ายนี้หรือ?”
“ยังไงฉันก็ขอหยุดหนึ่งวันแล้ว ฉันไม่ไปดีกว่า”
ในความเป็นจริง ต่อให้ไปเรียนมันก็คงไม่มีประโยชน์อะไร
“งั้นฉันไปโรงเรียนแล้วนะ”
วันรุ่งขึ้น ถังซวงต้องตื่นแต่เช้าอีกครั้งเพื่อไปโรงเรียน แต่หลังจากเรียนวิชาคณิตศาสตร์ในตอนเช้า ฮั่วไห่เหล่ยก็เรียกถังซวงไปที่สำนักงานอีกครั้ง
“ถังซวง เธอเคยได้ที่หนึ่งในการแข่งขันวิชาคณิตศาสตร์มาก่อน ดังนั้นเธอจะได้เข้าร่วมการแข่งขันต่อไปในสัปดาห์หน้านะ” ในตอนท้าย ดวงตาของฮั่วไห่เหล่ยเต็มไปด้วยความคาดหวัง “ฉันหวังว่าเธอจะทำผลงานได้ดีและมุ่งมั่นในการสอบนะ”
ถังซวงไม่คาดคิดว่าการแข่งขันครั้งต่อไปจะมาถึงเร็วขนาดนี้
“อาจารย์คะ ไม่ใช่ว่าแข่งที่เมืองเพื่อไปแข่งระดับมณฑลหรือคะ?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฮั่วไห่เหล่ยก็มองถังซวงด้วยท่าทางขบขันและพูดว่า “เธอต้องชนะที่หนึ่งในเมืองก่อนจึงจะสามารถแข่งขันในมณฑลต่อได้ ดังนั้นอย่าคิดมาก ทำข้อสอบให้ดีก็พอ แต่ครั้งนี้รางวัลการแข่งขันมีมาก รางวัลสำหรับอันดับที่หนึ่งถึงสามรางวัล หากเธอต้องการ เธอก็ควรพยายามเข้านะ”
แม้เขาจะคาดหวังว่าถังซวงจะได้รับรางวัล แต่เขาก็รู้ว่ามีนักเรียนที่เก่งกว่าอยู่ในเมืองอีกมาก ดังนั้นเขาจึงไม่ตั้งความหวังมากเกินไป ครั้งนี้ถังซวงสามารถเข้าร่วมการแข่งขันของเมืองได้ ซึ่งนั้นก็เกินความคาดหมายของเขาแล้ว
ถังซวงไม่สบอารมณ์นักในตอนแรก แต่เมื่อได้ยินว่ามีรางวัลเยอะมาก เธอก็ตาเป็นประกาย พยักหน้าทันทีและพูดว่า “อย่าห่วงเลยค่ะ ฉันจะอย่างเต็มที่เลยค่ะ”
“คราวนี้ฉันจะยังคงเป็นผู้ดูแลอยู่ และฉันจะพาเธอกับโม่เจ๋อหยวนไปที่ตัวเมืองด้วยกันนะ”
“ได้ค่ะ”
เมื่อถังเซวี่ยรู้ว่าพี่สาวของเธอกำลังจะแข่งขันในเมือง ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ “พี่สาว เอาเลย พี่ทำได้แน่นอน”
เมื่อเห็นกำลังใจบนใบหน้าของถังเซวี่ย ถังซวงก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มและพูดว่า “อื้ม ฉันจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ได้ที่หนึ่งในการแข่งนะ จากนั้นก็ใช้เงินรางวัลซื้อปากกาให้เสี่ยวเซวี่ยของเรา”
“พี่สาว พี่ตั้งใจแข่งเถอะ ไม่ต้องซื้ออะไรให้ฉันหรอก”
ถังซวงไม่ได้พูดอะไรอีกหลังจากได้ยินคำพูดนั้น แต่เธอตัดสินใจแล้ว เธอโบกมือลาหลี่จงอี้กับถังเซวี่ย และไปโรงเรียนกับโม่เจ๋อหยวน
ครั้งนี้มีคนเข้าแข่งขันน้อย ดังนั้นโรงเรียนจึงไม่ได้เตรียมรถให้ ฮั่วไห่เหล่ยจำเป็นต้องพาถังซวงกับโม่เจ๋อหยวนขึ้นรถบัสแทน “เมืองนี้อยู่ไกลหน่อย คืนนี้ค้างที่นี่หนึ่งคืนนะ และพรุ่งนี้เช้าฉันจะพาไปที่โรงเรียนมัธยมประจำเมือง”
ถังซวงกับโม่เจ๋อหยวนรู้มานานแล้วว่าพวกเขาจะต้องค้างที่เมืองหนึ่งคืน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ
เมื่อทั้งสามมาถึงเมืองก็เป็นเวลาบ่ายแล้ว ฮั่วไห่เหล่ยจึงพาถังซวงและโม่เจ๋อหยวนไปที่บ้านพักทันที
“คืนนี้ฉันจะอยู่กับโม่เจ๋อหยวน ถังซวงเธอนอนคนเดียวได้นะ”
“ได้ค่ะ”
หลังจากเปิดห้องสองห้องแล้ว ฮั่วไห่เหล่ยก็พาทั้งสองคนไปเก็บข้าวของ จากนั้นพาไปทานอาหารเย็น และบอกให้พวกเขาพักผ่อนให้เพียงพอ “พรุ่งนี้มีสอบ ดังนั้นคืนนี้เข้านอนแต่หัวค่ำเถอะ”
“ครับ/ค่ะ”
วันรุ่งขึ้น ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนมาถึงโรงเรียนมัธยมประจำเมืองก่อนการแข่ง การแข่งครั้งนี้ยากกว่าครั้งก่อน แต่สำหรับถังซวงนั้นมันง่ายมาก เธอจึงใช้เวลาไม่นาน พอทำข้อสอบเสร็จเธอก็นั่งเงียบ ๆ รอโดยไม่รบกวนใคร
ผู้คุมสังเกตว่าถังซวงเสร็จนานแล้ว แต่เธอนั่งเงียบ ๆ ผู้คุมจึงไม่ได้พูดอะไร
เมื่อการแข่งจบลง ทุกคนก็ส่งกระดาษข้อสอบให้ และอาจารย์ก็พูดขึ้นว่า “ผลสอบจะรู้ผลในตอนบ่าย และอย่าลืมมาที่นี่อีกครั้งมื่อถึงเวลานะ”
“ครับ/ค่ะ”
นักเรียนทุกคนตอบรับแล้วเดินออกจากห้องเรียนทีละคน
ฮั่วไห่เหล่ยที่รออยู่ข้างนอก เมื่อเขาเห็นถังซวงกับโม่เจ๋อหยวนใกล้เข้ามา เขาก็รีบเดินไปถามทันที “การสอบเป็นยังไงบ้าง?”
“ไม่มีอะไรมากค่ะ ครั้งนี้ไม่ยากเท่าไหร่”
โม่เจ๋อหยวนก็พูดขึ้น “ใช่ครับ คำถามสำหรับกลุ่มมัธยมปลายก็ไม่ยากเหมือนกัน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของฮั่วไห่เหล่ยเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “จริงหรือ? งั้นเธอสองคนก็มีโอกาสที่จะได้รางวัลน่ะสิ” อันที่จริงเขาหวังในตัวโม่เจ๋อหยวนมาก เพราะเด็กคนนี้สามารถพัฒนารถเกี่ยวข้าวได้ แต่สำหรับถังซวง เขาไม่มั่นใจมากนัก แต่เมื่อถังซวงพูดแบบนี้ หัวใจของเขาก็เต้นแรง
เป็นไปได้ไหม… ครั้งนี้จะได้ที่หนึ่งอีกครั้ง?
แต่ผลคะแนนยังไม่ออกจนกว่าจะถึงช่วงบ่าย ฮั่วไห่เหล่ยจึงพาถังซวงกับโม่เจ๋อหยวนไปทานอาหารก่อนแล้วจึงมาที่นี่เพื่อรอผล
เวลาผ่านไปด้วยการรอคอยอย่างกระวนกระวาย ฮั่วไห่เหล่ยรู้สึกประหม่ามากเมื่อใกล้ถึงเวลาประกาศมอบรางวัล
เมื่อเห็นฮั่วไห่เหล่ยแบบนี้ ถังซวงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “อาจารย์คะ อาจารย์ไม่ต้องกังวลหรอก นี่เป็นแค่การแข่งขันในเมืองเองนะ”
ฮั่วไห่เหล่ยชำเลืองมองถังซวง เมื่อเขาได้ยินคำพูดนั้น “นี่มันในเมืองเลยนะ”
ในเวลานี้ มีการประกาศรายชื่อผู้ชนะของกลุ่มโรงเรียนมัธยมต้นบนเวที อันดับที่สามและสองมาจากโรงเรียนมัธยมประจำเมือง และเมื่ออันดับที่หนึ่งมาถึง ฮั่วไห่เหล่ยก็กำหมัดแน่น
“ต่อไป เรามาแสดงความยินดีกับถังซวง นักเรียนของโรงเรียนมัธยมประจำตำบลโฮวซาน ผู้ได้รับรางวัลที่หนึ่งในกลุ่มมัธยมต้น”
“อา… อันดับหนึ่ง อันดับหนึ่งอีกแล้ว!”
เมื่อฮั่วไห่เหล่ยได้ยินชื่อของถังซวง เขาก็กระโดดดีใจจากนั้นรีบเร่งให้ถังซวงขึ้นไปรับรางวัล
เมื่อเทียบกับความตื่นเต้นของฮั่วไห่เหล่ย ใบหน้าของถังซวงไม่แสดงความรู้สึกอะไร เธอเดินขึ้นและยืนอยู่ข้าง ๆ หลังจากได้รับใบรับรองและรางวัล
หลังจากนั้นก็ถึงการประกาศของกลุ่มมัธยมปลาย และโม่เจ๋อหยวนก็ได้รับรางวัลที่หนึ่งอีกครั้ง
“อ่า… อันดับหนึ่ง อันดับหนึ่งจริง ๆ ด้วย!”
แม้ว่าเขาจะคาดหวังไว้ แต่หลังจากได้ยินว่าโม่เจ๋อหยวนได้รับรางวัลที่หนึ่ง ฮั่วไห่เหล่ยก็กระโดดขึ้นอย่างมีความสุขอีกครั้ง เขารู้สึกว่าโรงเรียนของเขากำลังจะมีชื่อเสียง
แน่นอนว่าอาจารย์จากโรงเรียนอื่น ๆ ต่างมองมาที่เขาอย่างอิจฉา โรงเรียนมัธยมในตำบลเล็ก ๆ แห่งนี้ได้ถึงสองรางวัล ทั้งยังเป็นรางวัลที่หนึ่ง แม้แต่โรงเรียนมัธยมประจำเมืองก็ยังทำไม่ได้
ตอนนี้ฮั่วไห่เหล่ยราวกับลอยได้ เขามองไปที่ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนที่ถ่ายรูปเสร็จแล้ว และพูดว่า “เธอสองคนยอดเยี่ยมจริง ๆ หลังจากการแข่งขันครั้งนี้ เธอจะได้เข้าร่วมการแข่งขันระดับมณฑล และระดับสูงกว่านี้ ดังนั้นพวกเธอต้องตั้งใจให้ดีนะ”
ตอนแรกทั้งสองยังไม่รู้ตัว แต่เมื่อกี้มีคนมากมายเข้ามาคุย ทั้งสองคนจึงตระหนักได้ว่าการแข่งขันครั้งนี้ไม่ธรรมดาเลย