การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ - ตอนที่ 107 ขุมอเวจี
ตอนที่ 107 ขุมอเวจี
เลเวลของผมหลังจากเอาชนะไฮดรามาได้คือ 24
เลเวลของผมตอนที่สู้กับโกซุในเมืองอิชกะคือ 12 นั่นก็หมายความว่าเลเวลของผมเพิ่มขึ้นมาถึง 2 เท่าในเวลาไม่กี่วัน
ราสที่อยู่ดาบฮายาบูสะนั้นมีเลเวลที่ 16 เอลการ์ดกิลด์มาสเตอร์ของกิลด์นักผจญภัยเลเวลที่ 35 ก็หมายความว่าผมอยู่ตรงกลางระหว่างพวกเขาทั้งสอง หากเทียบแค่ตัวเลขอ่ะนะ แต่เลเวลของผมจริงๆ น่ะมันใช้มาตรฐานปกติวัดไม่ได้นี่สิ
เพราะในความเป็นจริงแล้วพี่น้องเบิร์ชที่เลเวลมากกว่า 50 หรือโกซุที่เลเวลถึง 80 ยังเอาชนะผมไม่ได้เลย ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องที่ผมคิดไปเอง
ระหว่างที่ต่อสู้กับพวกโกซุ ร่างกายของผมรู้สึกเหมือนกำลังเมาจากการกลืนกินวิญญาณของสิ่งมีชีวิตในตำนานมากเกินขนาน แถมความรู้สึกนี้หลังสู้จบแล้วมันก็ไม่หายไปด้วย ถึงผมจะพยายามสงบสติแค่ไหนแต่สุดท้ายความรู้สึกพวกนี้มันก็ยังหลงเหลือภายในจิตใจ
ทว่าในขณะนี้ ความรู้สึกพวกนั้นมันได้หายไปจนหมดสิ้นแล้ว
ผมเหมือนถูกเอาน้ำเย็นมาราดที่หัว พลังที่ท่วมท้นของโซลอีทเตอร์ที่ผมคิดว่าไรขีดจำกัด ไม่เทียบไม่ได้เลยกับพลังที่เอ่อล้นออกมาจากรังมังกรดังกล่าว
ก็นั่นสินะ จะให้เทียบพลังของมนุษย์กับโลกใบนี้เลยมังก็แปลกๆ มาตั้งแต่แรกอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ
“แบบนี้นี่เอง ป่าทีทิสถือกำเนิดขึ้นมาโดยมีของแบบนี้อยู่ตรงใจกลางสินะ”
ป่าขนาดใหญ่ที่คลุมพื้นที่ขนาดเท่าประเทศเอาไว้ สัตว์อสูรและมอนสเตอร์ก็วิ่งพล่านเต็มไปหมด สมุนไพรหลายชนิดก็เติบโตขึ้นมาได้ทั้งที่ไม่ใช่ส่วนลึกของป่า แถมขนาดว่ามีนักผจญภัยจำนวนมากคอยเก็บเกี่ยวมัน มันก็ไม่มีทีท่าว่าจะหมดลงเลย
หากเป็นตอนนี้ผมไม่คิดจะสงสัยแล้วว่า ของแบบนี้มันเป็นไปได้จริงเหรอ ป่าทีทิสที่อุดมสมบูรณ์กว่าป่าไหนๆ บนโลกนี้ ที่มาของความอุดมสมบูรณ์ดังกล่าวต้องได้รับผลมาจากรังมังกรเป็นแน่
ที่ผมสามารถมีชีวิตรอดในเมืองอิชกะมาถึง 5 ปี ทั้งที่มีเลเวลแค่ 1 ก็น่าจะเพราะรังมังกรนี่แหละที่ช่วยสร้างภารกิจให้ผม หรือผมควรจะโยนเหรียญสัก 1 หรือ 2 เหรียญลงไปเป็นการขอบคุณดีนะ
“ไม่มีใครเคยเห็นของแบบนี้มาก่อนด้วยสิ…ไม่สิคงไม่มีใครเคยมาไกลได้ขนาดนี้มากกว่า”
แค่การผ่านแมกไม้ที่หนาแน่นก็ท้าทายพออยู่แล้ว ช่องว่างให้เดินก็แทบจะไม่มีเหลือ นอกจากนี้พวกต้นไม้ก็ฟื้นฟูร่างได้อย่างรวดเร็ว หากไม่รีบตามไฮดราที่คอยเคลียร์ทางให้ก่อนหน้านี้ก็คงไม่ไหวเหมือนกัน
พอผมมองขึ้นไปข้างบน ก็เห็นว่าพวกต้นไม้มันได้บดบังทิวทัศน์บนท้องฟ้าไว้หมดแล้ว ถึงจะเป็นอัศวินมังกรบินผ่านไปมาก็คงไม่มีทางเห็นไฮดราได้แน่จากมุมนี้ แน่นอนว่าคราว โซราสกับผมก็ด้วย
หากไม่ใช่จังหวะนี้ ผมคงไม่มีทางมาถึงรังของไฮดราได้แน่
ดังนั้น ผมต้องรีบใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ดังกล่าวให้ได้มากที่สุด――
ว่ากันตามตรงผมประทับใจกับพลังที่เหนือการควบคุมของมนุษย์นี้มากเลยนะ หากผมสามารถดึงพลังของมันมาใช้ได้ละก็ ผมคงแกร่งได้มากกว่านี้ถึง 10 ไม่ก็ 100 เท่าแน่ๆ
แต่ก็นั่นแหละคงเป็นไปไม่ได้หรอก การกระทำดังกล่าวมันก็ไม่ต่างอะไรกับบอกว่าจะดื่มน้ำทะเลให้หมดโลกเลย
นอกจากนี้พลังของผมก็คือโซลอีทเตอร์ ไม่ใช่เมจิกอีทเตอร์หรือเอเลเมนอีทเตอร์เสียหน่อย แถมพลังของโซลอีทเตอร์ผมก็ยังคุมได้ไม่ชำนาญด้วย ดังนั้นก็เลี่ยงการเอาพลังที่ไม่คุ้นเคยมาใช้จะดีกว่า
จากนั้นเสียงของไคลอาที่อยู่ด้านหลังผมก็ดังขึ้น
“นี่มันประตูปีศาจ…”
“เธอหมายความว่ายังไง?”
ผมหันไปและถามไคลอา เท่าที่ผมรู้บนเกาะมันไม่ได้มีรูขนาดใหญ่แบบนี้อยู่นี่ นอกจากนี้ประตูปีศาจมันก็เป็นของที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวงและมีลักษณะเหมือน “ประตู” ตามตัวอักษรเลยด้วย
แต่ไคลอากลับยืนตัวแข็งอยู่ตรงหน้าสายตาของผม ใบหน้าของเธอดูซีดเขียวและกลายเป็นสีขาวมากกว่าเดิมด้วย
ไม่นานนักไคลอาก็หมดสติล้มลงไป ราวกับหุ่นเชิดที่ถูกตัดสายออก
ผมวิ่งเข้าไปดูอาการของเธอด้วยความตกใจ ลมหายใจของเธอดูขาดห้วงและเหนื่อยหอบ ริมฝีปากของเธอดูซีดลง ดวงตาปิดแน่นและเกิดรอยย่นที่ขมวดกันของคิ้ว
ดูเหมือนว่าร่างกายของเธอจะไม่สามารถต้านทานพลังอันท่วมท้นนี้ไปว
ก็อย่างที่ผมบอกไปว่าของจำพวกมานามันมีประโยชน์ต่อมนุษย์ก็จริง แต่ถ้าหากมันมากเกินไปก็จะส่งผลเสียต่อร่างกายได้ ไม่ต่างอะไรกับมนุษย์ที่ยัดอาหารและน้ำเข้าไปเต็มท้องหรอก
ขนาดตัวผมเองก็ยังอาการหนักเลย ถ้าไม่รีบออกจากที่นี่ให้เร็วผมก็คงจะมีสภาพไม่ต่างกับไคลอา
จากนั้นผมก็เห็นว่าต้นไม้รอบๆ กำลังค่อยๆ เลื้อยไปปกคลุมแขนขาของไคลอา
หากมีมนุษย์มาหมดสติลงที่นี่สุดท้ายคงต้องตายเพราะต้นไม้พวกนี้มาปกคลุมร่างจนหมดแน่ๆ
ผมเดาะลิ้นออกมา ก่อนจะดึงเอาพวกรากไม้ออกจากร่างของไคลอาและส่วนที่พยายามจะเกาะขาของผมด้วย จากนั้นผมก็ค่อยๆ กวาดตามองไปรอบๆ ด้วยความรวดเร็ว
เอาเป็นว่าหนึ่งในเงื่อนไขที่ทำให้เกิดมังกรขึ้นมาได้ก็ได้รับการยืนยันแล้ว คงไม่ต้องรออะไรอีกแล้วมั้ง เอาเป็นว่ารีบๆ ลงไปจัดการไฮดราที่หลบภัยอยู่ที่นี่ให้เร็วแล้วรีบถอยน่าจะดีที่สุด
หลังจากนี้เดี๋ยวผมค่อยกลับมาสำรวจรังมังกรอย่างละเอียดอีกที ครั้งหน้าผมควรจะนำคนที่มีความรู้อย่างลูนามาเรียไม่ก็มิโรสลาฟมาด้วยดีกว่า
โชคดีจริงๆ ที่ผมเจอจุดที่ไฮดราหนีไปได้โดยง่ายจากต้นไม้ที่โค่นระหว่างทาง
ตอนแรกผมก็คิดอยู่หรอกว่า ไฮดรามันจะหนีลงไปในรังมังกรนั่น แต่ดูเหมือนขนาดมันก็ยังเลี่ยงที่จะลงไปเลย ดังนั้นอาจจะเป็นไปได้ว่าถึงจะเป็นมังกรก็คงเอาชีวิตรอดไม่ไหวแน่ๆ หากลงไปในรังนั้นตรงๆ
เอาเป็นว่า ถึงร่างหลักของมันจะรับมือยากกว่าตอนมี 8 หัวก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรมากนัก ยังไงผมก็จัดการมันได้ด้วยโซลอีทเตอร์อยู่แล้ว
แต่ว่าหากมองในมุมที่มันแกล้งตายแบบนี้ พลังของมันก็คงจะไม่เท่าไหร่หรอกมั้ง นี่อาจจะเป็นร่างสุดท้ายที่ใช้เพื่อการหนีก็ได้
การสู้กับไฮดรามันก็หินจริงแหละ แต่สถานการณ์ในตอนนี้มันหนักกว่าอีกพอต้องมารับมือกับปริมาณวิญญาณที่กลืนกินเข้ามาผสมกับพลังที่แผ่ออกมาจากรังมังกรแล้ว มันแทบจะทำให้ผมหมดสติลงได้ทุกเมื่อเลย
ถึงผมจะเลเวล 25 แล้วแต่ตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลาจะมาฉลองอะไรอีกแล้ว ผมรีบอุ้มไคลอาขึ้นมาและออกไปให้ไกลจากรังมังกร ก่อนจะตามไฮดราไป
ระหว่างทางผมรู้สึกขนลุกจริงๆ ที่เห็นต้นไม้ซึ่งไฮดราทำลายไปเติบโตขึ้นมาอย่างรวดเร็ว พลังชีวิตของมันมีมากล้นจริงๆ หากเป็นพวกสัตว์อสูรละก็จะหนักขนาดไหนกันนะ
แต่ก็โชคดีที่ผมไม่เจอพวกมันเลยระหว่างทางที่ตามไป แต่ผมมั่นใจเลยว่าพวกมันจะต้องโหดหินกว่าสัตว์อสูรข้างนอกหลายเท่าตัวแน่
――ใช่แล้ว เหมือนกับพวกที่อยู่ภายในเกาะ
——–
อธิบายท้ายตอนของผู้เขียน
อนิม่า
ตัวตนที่อยู่ภายในส่วนลึกของร่างกายและจิตวิญญาณของมนุษย์ แต่ทว่าพวกมันก็ใช่ว่าจะเป็นสิ่งที่มีประโยชน์กับตัวผู้ใช้เสมอไป พวกมันมีเจตจำนงที่แน่วแน่เป็นของตัวเอง และหากพวกมันไม่ชอบผู้ใช้ พวกมันก็จะปฏิเสธให้ความร่วมมือและกลายเป็นศัตรูกับผู้ใช้ ในประวัติศาสตร์ของตระกูลมิตสึรุกิ ก็มีผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนที่ไม่สามารถควบคุมอนิม่าของตนได้และได้รับความเสียหายทั้งร่างกายและจิตใจจากมัน อีกทั้งยังมีกรณีที่ผู้ใช้ถูกอนิม่าควบคุมร่างเสียอีกด้วย ในมุมนี้อาจจะมองได้ว่าอนิม่าก็เหมือนกับโรคภัยหรือคำสาป สิ่งที่มีตัวตนราวกับอีกบุคลิกหนึ่งของผู้ใช้ที่มีพลังเหนือมนุษย์ ด้วยเหตุนี้เองจึงมีคนบางพวกที่มองว่าสิ่งนี้เป็นภัยคุกคาม ด้วยเหตุนี้เองพวกที่อยู่ในจักรวรรดิแอด แอสเทอร่าบางกลุ่มมองว่านักรบแห่งผืนป่าและตระกูลมิตสึรุกิคือตัวอันตราย
Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code