การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ - ตอนที่ 15 ตั้งข้อหา
ตอนที่ 15 ตั้งข้อหา
วันรุ่งขึ้นหลังจากที่พระอาทิตย์ขึ้น ผมได้นั่งอยู่ภายในห้องของกิลด์นักผจญภัย
สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้…จบลงที่ผมถูกผู้ดูแลซ่องโกรธเอาเป็นอย่างมากที่ผมบังคับขืนใจผู้หญิงคนนั้นแรงไปหน่อย
ผมก็เลยให้เงินชดเชยกับโสเภณีคนนั้นและทางซ่องเพื่อเป็นการขอโทษ ทุกอย่างก็เลยจบเลยด้วยดี
โสเภณีคนนั้นอยู่ในสภาพที่อ่อนแรงเป็นอย่างมากเนื่องจากผมกินวิญญาณของเธอไป แต่ก็อย่างที่ผมคิดเธอไม่รู้ตัวว่าผมทำเช่นนั้นกับเธอ ซึ่งก็น่าจะเป็นแบบนั้นแหละนะ
สุดท้ายผมก็ถูกห้ามไม่ให้เข้าซ่องอีก ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติเพราะผมทำเกินกว่าเหตุไปมาก แต่ผมก็ยังรู้สึกดีใจอยู่บ้างเพราะที่จริงผมเกือบจะกลายเป็นฆาตกรไปแล้วด้วยซ้ำ
นี่จึงเป็นสาเหตุที่ผมรู้สึกหมดแรงก่อนจะได้ไปทำเรื่องสำคัญ แต่จากนี้แหละของจริงแล้ว
ผมรวบรวมสติและเข้าไปเผชิญหน้ากับพนักงานต้อนรับของกิลด์และพวกสมาชิกปาร์ตี้ดาบฮายาบูสะ
◆◆◆
「…สรุปแล้ว ท่านโซระไม่มีเจตนาที่จะถอดถอนข้อกล่าวหาที่ว่า ดาบฮายาบูสะ จงใจทำร้ายท่านสินะคะ? 」
「ก็บอกไปตั้งแต่แรกแล้วนี่ นี่ฉันจะต้องย้ำกับเธอเรื่องเดิมอีกสักกี่ครั้งกัน」
ผมเย้ยหยันใส่คำพูดของพนักงานต้อนรับขณะที่กำลังชี้นิ้วไปที่คนอีกสี่คนที่อยู่อีกฟากของโต๊ะ
「ดาบฮายาบูสะ ใช้ฉันเป็นตัวล่อเพื่อหนี พวกมันจงใจใช้เวทมนตร์ที่สามารถฆ่าฉันได้เลยนะ! ฉันไม่มีทางจะถอนฟ้องเรื่องนี้หรอก ไม่มีทาง」
「นั่นก็ใช่ค่ะ แต่เนื่องจากเรื่องนี้มีความคลาดเคลื่อนของคำให้การจากทั้งสองฝ่าย ทางเราจึงจำเป็นต้องยืนยันให้ชัดเจนค่ะ」
「ฉันยังขอยืนยันคำเดิม แล้วก็ไม่ต้องมาถามเรื่องการถอนฟ้องฉันอีกล่ะ」
หลังจากนั้นพนักงานต้อนรับก็เงียบไป
ขอเสริมนิดหน่อยตรงที่ว่าพนักงานต้อนรับคนนี้ก็คือคนเดียวกับที่ไล่ผมออกจากกิลด์ไปตอนนั้นนั่นแหละ
หลังจากที่เธอปิดปากลง ราสก็เป็นคนแรกที่พูดขึ้น
「…โซระ」
「อะไร? 」
「มิโรใช้เวทใส่นายจริงๆ เหรอ ฉันล่ะเชื่อไม่ลงจริงๆ 」
เขามองมาที่ผมด้วยความสงสัย
ตอนนั้นเขาหมดสติไปจากการโจมตีของราชาแมลงวัน ก่อนจะถูกอิเรียนักบวชสายบู้พาตัวไป เขาจึงไม่เห็นภาพนั้นด้วยตาตัวเอง
ผมก็ยักไหล่เบาๆ ให้เขาก่อนจะตอบกลับไป
「ไม่สำคัญหรอกว่านายจะเชื่อฉันไหม แต่ฉันว่านายควรถามยัยตัวปัญหานั่นก่อนจะมาถามฉันนะ」
「มิโร ยอมรับว่าเธอใช้เวทมนตร์จริงๆ แต่เธอไม่ได้ตั้งใจจะใช้มันกับนาย เป็นเพราะโชคไม่ดีต่างหากที่ทำให้เวทที่เธอร่ายใส่ราชาแมลงวันไปโดนนายเข้า」
ผมระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันทีที่ได้ยินแบบนั้น
「คึก-ฮ่าๆๆๆๆ! โชคไม่ดีเนี่ยนะ?! สมกับเป็นผู้นำปาร์ตี้ระดับCแสนยิ่งใหญ่ ช่างเป็นการแก้ต่างที่ยอดเยี่ยมจริงๆ!」
ราสหน้าแดงก่ำเมื่อผมปรบมือให้เขาขณะหัวเราะอยู่ มิโรสลาฟและอิเรียที่นั่งข้างๆ เขาก็มองมาที่ผมด้วยสายตาที่เชือดเฉือน แต่ผมก็มองไปที่หน้าของพวกเธอแล้วหัวเราะใส่เช่นเดียวกัน
「งั้นฉันขอถามนายหน่อยนะ ท่านหัวหน้า ตอนที่ถูกราชาแมลงวันไล่ตาม ทำไมฉันถึงอยู่ในทางที่พวกนายวิ่งหนีมากันล่ะ? 」
จากมุมมองของมิโรสลาฟมอนสเตอร์ตัวนั้นจะต้องอยู่ด้านหลังเธอ และผมจะต้องอยู่ด้านหน้าของเธอ
「หากอ้างอิงจากตำแหน่งที่ว่ามา ทำไมเวทมันถึงยิงมาโดนฉันได้กันล่ะ? หรือยัยนั่นจะเผลอร่ายเวทออกมาแล้วยิงไปข้างหน้าแทน? นายคิดว่าไงล่ะ ขนาดเด็กที่หัดใช้เวทยังไม่ทำพลาดแบบนั้นเลยนะเว้ย!!」
ขณะที่ผมกำลังหัวเราะอยู่ราสก็พูดอะไรไม่ออก
พนักงานต้อนรับขมวดคิ้วก่อนจะพูด
「ท่านโซระคะ นี่ไม่ใช่สถานที่ที่คุณจะมาดูถูกท่านอื่นได้นะคะ เรามาที่นี่ก็เพื่อยืนยันข้อมูลของทั้งสองฝ่ายและหาทางออกที่ประนีประนอมหากเป็นไปได้ ดังนั้นได้โปรดหยุดว่าร้ายอีกฝ่ายโดยเจตนาได้แล้วค่ะ」
「อ๋อ โทษทีแล้วกัน ฉันไม่รู้ว่านี่เป็นสถานที่ที่สูงส่งขนาดนั้น ฉันก็นึกว่านี่เป็นสถานที่สำหรับเธอที่ใช้หาวิธียุติการฟ้องร้องของฉันเพื่อปกป้องเหล่านักผจญภัยระดับสูงที่แสนสำคัญของกิลด์ซะอีก」
「…แปลว่าคุณจะดูถูกกิลด์ด้วยสินะคะ? 」
「ถ้ามันไม่ใช่เรื่องจริงก็รีบลงโทษคนพวกนี้ซะสิ เธอยังไม่ได้พูดถึงเรื่องนั้นเลยนะ ตลอดเวลาที่เธอพูดก็มีแต่บอกให้ฉันถอนฟ้องคนพวกนี้ ถ้าเธอเป็นฉันจะเชื่อใจได้ลงจริงเหรอกับสถานการณ์แบบนี้」
ฉันทำให้คนที่เพิ่งไล่ฉันออกจากกิลด์ไม่กี่วันก่อนด้วยสีหน้าไร้อารมณ์เม้มปากด้วยความหงุดหงิดใจได้แล้ว
พูดตามตรงนะ…รู้สึกดีเป็นบ้าเลยว่ะ!
เพราะพวกมันเป็นคนผิดจริง ผมจึงสามารถตำหนิพวกันได้ตามที่ใจอยาก
ทั้งค่ารักษาและค่ายา พวกมันเหมือนจะยื่นเรื่องการดูแลพวกนี้มาให้กับผมเพื่อเป็นการขอประนีประนอม ผมเดาเลยว่าพนักงานต้อนรับก็ต้องคิดแบบนั้นเหมือนกัน แต่ขอโทษด้วยสิ่งที่ผมจะทำในวันนี้ก็คือทำให้พวกดาบฮายาบูสะกับกิลด์ (แล้วก็ยัยพนักงานต้อนรับนี่) ต้องลำบากกันสักหน่อย
ผมไม่จำเป็นต้องประนีประนอมใดๆ
จากนั้นอิเรียก็มองมาที่ผมด้วยท่าทางรังเกียจก่อนจะเปิดปากออกมา
「นายเอาแต่พูดว่า ลงโทษ ลงโทษ ลงโทษอยู่นั่นแหละ อยากจะให้เราทำอะไรกันแน่ยะ? ถ้าไม่พอใจนักจะให้พวกเราก้มกราบที่พื้นเลยไหมล่ะ? 」
「พูดแบบนั้นหมายความว่าไงกัน? นี่เธอยังกล้าทำตัวแบบนั้นหลังจากจะฆ่าคนอื่นเนี่ยนะ? ฉันไม่รังเกียจหรอกนะหากจะเอาเรื่องนี้ไปยื่นให้กับทางวิหารเทพของเทพแห่งกฎหมาย แล้วบอกว่านักบวชของทางนั้นละทิ้งทำสอนแล้วพยายามคร่าชีวิตผู้อื่นเพื่อให้ตัวเองหนีรอด」
พอผมพูดแบบนั้นจบ ผมก็กอดอกแล้วทำท่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
「…อื้ม อันที่จริงฉันน่าจะทำแบบนั้นะ เพราะนักบวชบางคนในวิหารแห่งกฎหมายสามารถใช้ปาฏิหาริย์อย่าง “ตรวจโกหก” ได้นี่นา ทีนี้พวกนั้นก็จะได้รู้สักทีว่าฉันไม่ได้โกหก แบบนั้นน่าจะเหมาะกว่าการมาคุยกันที่นี่นะ」
สีหน้าของอิเรียเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงหลังจากได้ยินสิ่งที่ผมพูด
เมื่อเธอเห็นผมแสยะยิ้มออกมา เธอก็รีบหาเรื่องอื่นขึ้นมาพูดแทน
แต่ก่อนที่จะได้ทำแบบนั้น ก็มีคนพูดตัดหน้าเธอไปแล้ว
นั่นคือมิโรลสาฟ
「เดี๋ยวก่อน! ฉันเป็นคนร่ายเวทใส่นายเอง คนอื่นไม่ได้เกี่ยวด้วยสักหน่อย!」
「อะไรนะไม่เกี่ยว? คนที่เห็นเพื่อนตัวเองกำลังทำร้ายคนอื่นโดยไม่มีเหตุผลแล้วไม่ทำอะไรเลยเนี่ยนะ กลับกันโชคดีจริงๆ ที่ใช้ฉันเป็นเหยื่อล่อมอนสเตอร์และหนีรอดกันมาได้เหรอ…หือ…ยัย”ฆาตกร”」
ผมก็เลยถือโอกาสตั้งชื่อเล่นใหม่ให้พวกเขาไปด้วยเลย เพื่อตอบแทนชื่อ”ปรสิต”ที่พวกเขามอบให้
บางทีเธอน่าจะรู้ใจจริงของผมได้ ใบหน้าของมิโรสลาฟจึงแสดงความบิดเบี้ยวออกมา
「…! ยะ-อย่างแรกเลยนะ พวกนักผจญภัยมีสิทธิ์ที่สามารถอพยพฉุกเฉินได้นะ นายไม่สามารถปล่อยให้ทั้งสองฝ่ายตายไปด้วยกันได้หรอกนะ!」
สิ่งที่ออกมาจากปากของเธอก็คือเรื่องคดีที่เกิดขึ้นในอดีต
มันเป็นคดีในอดีตที่เรือเกิดอับปางลง มีกะลาสีคนหนึ่งสามารถจับไม้กระดานที่ลอยอยู่เอาไว้ได้ ก่อนที่จะมีอีกคนว่ายเข้าไปขอจับด้วย
แต่ไม้กระดานนั้นมันเล็กเกินกว่าที่ทั้งคู่จะอยู่ด้วยกันได้ และหากพวกเขาคว้ามันไว้พร้อมกันสองคนก็จะตายทั้งคู่
กะลาสีที่คว้าไม้กระดานได้เป็นคนแรกจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องแกะมือของอีกคนและปล่อยให้อีกคนจมน้ำตายไป
ต่อมากะลาสีคนนั้นก็ถูกต้องข้อหาว่าเป็นฆาตกร แต่ท้ายที่สุดเขาก็ถูกตัดสินว่าไม่มีความผิดในช่วงพิจารณาคดี
มิโรสลาฟกำลังใช้เรื่องนี้อธิบายการกระทำของเธอ
ผมหัวเราะใส่เธอด้วยความดูถูก
「ราสนายได้ยินใช่ไหม? แบบนี้ก็เหมือนเป็นการยอมรับแล้วใช่ไหมว่ายัยนี่โจมตีฉันเพื่อซื้อเวลาให้นายได้หนี เพราะเธอใช้คำว่า”อพยพฉุกเฉิน”ออกมาเองด้วยสิ」
「…อ๊ะ?!」
「…มิโร」
「ฉะ-ฉันขอโทษ ราส แต่ว่าตอนนั้นฉันจำเป็นต้องช่วยนายจริงๆ ..ฉันต้องทำอะไรสักอย่างแล้วนั่นก็เป็นอย่างเดียวที่ฉันคิดออกตอนนั้น……!」
มิโรสลาฟปิดหน้าของเธอด้วยฝ่ามือทั้งสองก่อนจะเริ่มร้องไห้
เมื่อเขาเห็นสภาพของเพื่อนในปาร์ตี้เป็นเช่นนั้น ราสก็เอามือไปวางไว้บนไหล่ของเธอก่อนจะพูดเบาๆ ข้างหูของเธอ
「ฉันเข้าใจ ฉันเข้าใจเธอไม่ใช่ผู้หญิงที่จะไปทำร้ายใครได้แบบนั้นหรอก มิโร เป็นเพราะฉันเองที่ทำให้เธอต้องตัดสินใจแบบนั้น ฉันเองก็ต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ พวกเรามารับการลงโทษไปด้วยกันเถอะ」
「…อึก…ราส..ฉะ…ฉันขอโทษจริงๆ!」
มิโรสลาฟเข้าไปกอดราส
ส่วนราสก็รับเธอเข้ามาในอ้อมแขนอย่างอ่อนโยน
…ไอ้ละครปาหี่นี่มันอะไรเนี่ย ทั้งที่ความผิดของพวกมันถูกเปิดโปงออกมาหมดแล้วแท้ๆ แล้วนี่มันอะไรกัน?
แล้วถ้าจะขอโทษ มันต้องมาขอโทษฉันก่อนไม่ใช่หรือไง ไหงไปลงที่ราสได้วะ
ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าได้ยินคำขอโทษจากเจ้าพวกนี้ตั้งแต่ที่เข้าเมืองมา
ขนาดลูนามาเรีย ซึ่งปกติจะเป็นคนที่ฉลาดหลักแหลมที่สุดในบรรดาพวกมัน ก็ยังคงนิ่งเงียบ
เมื่อผมมองไปยังเอลฟ์ที่นิ่งเงียบ เธอก็มองมาที่ผมด้วยใบหน้าอันซีดเซียว ผมคิดไปเองหรือเปล่านะเหมือนเธอจะตัวสั่นด้วย?
ไม่มีทางอยู่แล้วที่เธอจะรู้สึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้น งั้นเป็นเพราะอะไรกันล่ะ?
ส่วนทางอิเรียก็สมกับเป็นเธอดี ระหว่างที่เธอดูฉากราสกับมิโรสลาฟกำลังกอดกัน ก็เหมือนจะสับสนอยู่ว่าจะเข้าไปแยกหรือปล่อยไว้แบบนั้นดี
พวกเธอต่างก็มีความรักให้กับคนที่เธอรักเท่านั้น พวกเธอไม่ได้สนใจในสิ่งที่มิโรสลาฟทำเลย
ผมที่เห็นก็ได้แต่ถอนหายใจ
จากนั้นราสก็พูดออกมาในขณะที่กอดเธออยู่
「โซระ ก็เหมือนที่นายได้ยิน เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ใช่ความรับผิดชอบของมิโรคนเดียว แต่ฉันก็จะรับผิดชอบด้วย」
「โห แปลว่าท่านหัวหน้าผู้ยิ่งใหญ่ก็จะรับผิดชอบด้วยงั้นสินะ? 」
「อ้า ก็ตามที่พูด」
「ช่างสูงส่งเสียนี่กระไร แล้วนายจะรับผิดชอบยังไงล่ะ? 」
「แน่นอนอยู่แล้วว่า ขึ้นอยู่กับนาย ให้ฉันก้มหัวให้นายก็ยังได้เลย」
「งั้นเหรอ แต่ก็จะไม่ทำอย่างงั้นถ้าฉันไม่สั่งใช่ไหมล่ะ หื้มมม เอาจริงๆ นะนายไม่ได้เข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้เลย ราส」
「… นายหมายความว่ายังไง? 」
「นายบอกว่าทุกอย่างขึ้นอยู่กับฉันใช่ไหมล่ะ? ถือว่ารับปากแล้วนะ งั้นก็ไสหัวไปให้พ้นแล้วให้ฉันฆ่ายัยนี่ซะเรื่องจะได้จบๆ 」
ผมชี้นิ้วไปที่มิโรสลาฟ จอมเวทผมสีแดงเพลิงที่กำลังน้ำตาคลอเบ้าอยู่
—–
Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ สามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code