การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ - ตอนที่ 17 ล้างบาป
ตอนที่ 17 ล้างบาป
「อย่างที่ท่านทราบนะคะ ว่าการจะขอใช้ปาฏิหาริย์จำเป็นต้องบริจาคเงินเป็นการแลกเปลี่ยนและปาฏิหาริย์อย่าง 『จับเท็จ』 มูลค่าก็ค่อนข้างสูงเลยทีเดียว บางทีมันอาจจะใช้เงินถึงสิบไม่ก็ยี่สิบเหรียญเงิน คุณมีเงินพอที่จะบริจาคเหรอคะ ท่านโซระ? 」
พนักงานต้อนรับพูดและชำเลืองมองมาที่ผม
และเพราะเธอเป็นพนักงานต้อนรับคนเดียวกันกับที่ไล่ผมออกจากกิลด์ เธอย่อมรู้อยู่แล้วว่าผมก่อนหน้านี้กระทั่งเหรียญเงินเดียวยังหาไม่ได้เลย
การที่เธอถามผมด้วยคำถามนี้ ก็เหมือนกับแสดงเจตนาของเธออย่างชัดเจนมากแล้ว
มันก็เป็นเรื่องธรรมดานี่เนอะ
จากมุมมองของกิลด์แล้ว ดาบฮายาบูสะมีทั้งความสามารถในการต่อสู้ที่สูง โอกาสทำเควสสำเร็จก็สูง ความนิยมของชาวเมืองที่มีต่อพวกเขาก็โดดเด่นกว่าคนอื่น
ถ้าเกิดเรื่องนี้มันทำให้ดาบฮายาบูสะต้องเสียชื่อเสียงขึ้นมา คนที่ได้รับผลกระทบจะไม่ใช่แค่ปาร์ตี้นั้น แต่จะรวมไปถึงกิลด์และนักผจญภัยคนอื่นๆ ด้วย
นักผจญภัยระดับสิบที่ถูกไล่ออกจากกิลด์ไปแล้ว กับปาร์ตี้แร้งC ความสำคัญย่อมเทียบกันไม่ได้อยู่แล้ว
เพื่อป้องกันความเสียหายก่อนที่จะเกิดขึ้นแม้จะต้องใช้วิธีสกปรกก็ต้องทำ นั่นคือหน้าที่ของพนักงานต้อนรับ
「…สถานการณ์แบบนี้ทางกิลด์ควรเป็นคนออกไม่ใช่หรือไง? 」
「หากทางกิลด์เห็นว่าจำเป็น มันก็ใช่อยู่หรอกค่ะ แต่เนื่องจากข้อเสนอในครั้งนี้ท่านโซระเป็นคนเสนอขึ้นมา ภาระในการแบกรับค่าใช้จ่ายจึงตกเป็นของท่านค่ะ」
「เธอจะบอกว่าในสถานการณ์แบบนี้ไม่จำเป็นต้องใช้ปาฏิหาริย์ก็ได้สินะ? 」
「ฉันเข้าใจดีแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นค่ะ แต่เพราะความเห็นของท่านที่มีต่อพวกเขาก็ส่อเจตน่าร้าย บางทีท่านคงจะได้รับอิทธิพลจากประสบการณ์ในอดีตที่มีต่อพวกเขาจึงทำให้ความคิดท่านเป็นเช่นนี้ด้วยก็ได้」
「เธอคิดว่าฉันกำลังเสียใจที่ถูกพวกเขาไล่ออกปาร์ตี้ก็เลยหาทางแก้แค้น และเพราะเป็นการเชื่อฝังใจถึงใช้ 『จับเท็จ』ไปก็ไม่มีประโยชน์งั้นเหรอ? 」
「อย่างที่ได้พูดไปค่ะ ดังนั้นหากท่านต้องการจริงๆ ท่านก็จำเป็นต้องจ่ายเงินเอง ทางเราขออภัยด้วยค่ะ」
ผมเดาะลิ้นออกมาก่อนจะพูดกับอีกฝ่าย
「เห้ย ลูกสาวของบริษัทซัลซ่า ไม่ก็หัวหน้าปาร์ตี้ดาบฮายาบูสะ นี่เป็นโอกาสที่ดีแล้วนะสำหรับพวกนายที่จะพิสูจความบริสุทธิ์ ทำไมไม่จ่ายหน่อยล่ะ? 」
「ไม่จำเป็น ฉันเชื่อใจมิโร ฉันไม่ต้องการปาฏิหาริย์อะไรนั่นหรอก」
「คะ-แค่ราสเชื่อใจฉันมันก็เพียงพอแล้ว ฉันไม่สนหรอกว่าคนอย่างนายจะคิดยังไงกับฉัน!」
「…เฮ้อ เข้าใจละๆ งั้นก็ช่วยไม่ได้สินะ」
「ดังนั้น ฉันจะถือว่าท่านถอดถอนข้อเสนอดังกล่าวทิ้งไป-」
「เดี๋ยวฉันจ่ายเองก็ได้」
「… เอ๋? 」
ผมหยิบเหรียญทองออกมาจากบริเวณหน้าอก ออกจะวางไว้บนโต๊ะ
พนักงานต้อนรับตกใจจนอ้าปากค้างเมื่อเห็นมัน
ครั้งแรกเลยแฮะที่ผมเห็นสีหน้าอื่นของเธอ ตอนนี้เธอเริ่มไม่พอใจแล้ว
「อะไรก็บอกเองไม่ใช่เหรอว่าถ้าไม่มีสักสิบยี่สิบเหรียญเงินคงไม่ไหว ก็นี่ไงจะเอาเท่าไหร่ล่ะ หรือเหรียญทองมันยังไม่พออีก? 」
「ระ-เรื่องนั้น…」
「ยังจะมีอะไรอีก หรือจะเอาอีกสักเหรียญถ้ามันยังไม่พอ อ่ะเอาไปสิอีกเหรียญหนึ่ง ฉันว่าแค่นี้ก็เหลือๆ แล้วนะใช่ไหมล่ะ? 」
ผมนำเหรียญทองมาวางเพิ่มโดยไม่ได้รู้สึกกังวลอะไรเลย
ตอนนี้ ไม่ใช่แค่พนักงานต้อนรับของกิลด์ แต่ทั้งราสและคนอื่นๆ ก็ตกใจกับสิ่งที่ตนเห็น
บางทีพวกเขาอาจจะคาดไม่ถึงว่าคนที่ถูกไล่ออกจากกิลด์ไปแล้วแบบนี้จะมีเหรียญทองติดตัวได้
…เอาเป็นว่า จากเรื่องเมื่อคืน นี่ก็คือทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่ผมเหลืออยู่ถึงตอนแรกจะมีอยู่เป็นสิบเหรียญก็เถอะนะ แต่แค่นี้ก็น่าจะพอแล้ว
「เห้ย แล้วจะนิ่งกันอยู่ทำไมอีกล่ะ? ฉันก็เอาเงินให้แล้วไป รีบไปตามนักบวชมีสิ」
「ค-ค่ะ…แต่ว่าท่านไปได้เงินจำนวนขนาดนี้มาจากไหนกันคะ? 」
「ฉันจำเป็นต้องตอบคำถามนั่นด้วยเหรอ? 」
「เนื่องจากมันเป็นเงินจำนวนค่อนข้างมาก เราจึงอยากจะตรวจสอบที่มาของมันค่ะ…」
「อ้อ จะบอกว่าฉันไปก่อเรื่องอะไรมาเข้าก็เลยได้มันมางั้นเหรอ?! อย่ามาล้อกันเล่นนะเว้ย!!」
ผมเตะโต๊ะที่อยู่ตรงหน้า ก่อนจะตะโกนออกมาด้วยความโกรธ
เหรียญทองที่อยู่บนโต๊ะกระเด็นไปมาจากแรงกระแทก
ด้วยการขู่ของผมจึงทำให้พนักงานต้อนรับส่งเสียงหลงออกมา “ฮี้!!”
「เธอคงคิดว่าไอ้โง่ที่ถูกไล่ออกจากกิลด์ไปมันจะไปมีเงินขนาดนี้ได้ไง ก็เลยคิดจะหาข้ออ้างเพิ่มสินะ น่าเสียดายเนอะ เอ้านี่ก็พอแล้วไม่ใช่หรือไง รีบไปเรียกนักบวชมาได้แล้วเว้ย ส่วนไอ้เหรียญพวกนี้ถ้าสงสัยนอกเดี๋ยวก็ให้นักบวชที่เรียกมาตรวจสอบด้วยเลยเป็นไงล่ะ เร็วสิ!ไอ้คุณพนักงานต้อนรับ!! 」
พนักงานต้อนรับมองผมด้วยสายตาที่ตื่นตระหนกเมื่อได้เห็นท่าทางที่แสนก้าวร้าวของผม
พนักงานต้อนรับของกิลด์หลายคนที่ดูภายนอกแล้วก็เป็นคนสวยคนหนึ่ง แต่ภายในของพวกเธอนั้นกลับกล้าหาญมากเพราะพวกเธอสามารถรับมือกับนักผจญภัยนิสัยเสียที่พร้อมเข้ามาก่อเรื่องได้ทุกวัน บางครั้งก็ทำให้พวกมันอับอายที่ก่อเรื่องเลยก็มี
ยัยนี่ก็เป็นหนึ่งในนั้นแหละ
ถ้าผมหาเรื่องไร้สาระเข้าไปขู่เธอ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเธอคงจะตอบกลับผมมาด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย
แต่เพราะเธอรู้ว่า เธอเป็นฝ่ายพลาดเอง ใบหน้าที่ไร้กังวลของเธอจึงเริ่มเปลี่ยนไป
เมื่อมนุษย์เรารู้ตัวที่ตัวเองพลาดไป พวกเขาย่อมไม่สามารถควบคุมการแสดงออกให้เหมือนปกติได้ ยิ่งถ้าเป็นพวกจริงจังแบบนี้อีกนะ หนักกว่าเดิมหลายเท่าเลย
…ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าตอนนี้ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าเคาน์เตอร์พนักงานต้อนรับคอยคุ้มกันเธอไว้อยู่ เธอก็เลยเกิดหวั่นไหวในความโกรธของผม
ยังไงตอนนี้ผมก็เลเวล 6 แล้วนี่นะ
ผมค่อยๆ ดื่มด่ำกับความสุขของการแก้แค้นที่พวยพุ่งออกมาจากร่าง ขณะผมทำแบบนั้น
พนักงานต้อนรับที่เคยดูถูกผมมาจนถึงตอนนี้ก็แสดงสีหน้าหวาดกลัวออกมาอย่างเห็นได้ชัดเลย
รู้สึกดีชะมัด
เพราะพวกมันเป็นฝ่ายผิดนี่ ไม่แปลกหรอกที่จะแสดงสีหน้าหวาดกลัวออกมา
พอผมกำลังจะเปิดปากพูดต่อ ก็มีเสียงเข้ามาขัดเอาไว้
「อย่าแกล้งพนักงานของเรามากนักสิ」
มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับเสียงนั้น
ท่าทางเหมือนคนช่วงวัยสี่สิบ เขามีคิ้วที่ดูเหมือนนกล่าเหยื่อกำลังสยายปีก ดวงตาทั้งสองข้างเป็นประกายด้วยแสงอันอ่อนโยนซึ่งบ่งบอกถึงความหยั่งรู้และสติปัญญาที่เฉียบคม
เส้นผมสีเงินที่ถูกจัดทรงเป็นอย่างดี กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ทำให้รู้สึกเหมือนเป็นชายผู้ทรงสง่าอย่าแท้จริง
นักผจญภัยเลเวล 35 เพียงหนึ่งเดียวของเมืองอิชกะ และหนึ่งในนักผจญภัยสามคนจากอาณาจักรนาคาเรีย
เอลการ์ด ควิส
「มาสเตอร์!? กลับมาแล้วเหรอคะ」
「โอ้ การประชุมเสร็จเร็วกว่าที่คิดน่ะ รบกวนเธอแล้วสินะลิดเดลคุง」
「ไม่หรอกค่ะ ฉันไม่เคยคิดว่ารบกวน…เอ่อ…คือ」
「เอาน่า ฉันได้ยินเรื่องมาจากฟาร์เฟตคุงแล้ว จริงๆ ก็ได้ยินที่คุยกันก่อนเข้ามาแล้วล่ะน่ะ เอาเป็นว่าเดี๋ยวฉันรับไม้ต่อเอง」
「ด-ได้ค่ะ ขอฝากด้วยนะคะ 」
พอพูดจบ พนักงานต้อนรับที่ชื่อลิดเดลก็ลุกขึ้น
แล้วก็เป็นหัวหน้ากิลด์นักผจญภัยแห่งอิชกะไปนั่งตรงนั้นแทน ตอนแรกผมก็คิดว่าเธอจะออกจากห้องไป แต่เธอกลับไปยืนข้างหลังเขาเหมือนเป็นเลขาแทนซะงั้น
ก่อนที่เธอจะมองผมด้วยสีหน้าเหมือนปกติ ดูท่าการมาของเอลการ์ดมันจะสามารถกำจัดจุดอ่อนของเธออกไปจนหมดเลยแฮะ
「งั้นตอนนี้ การแนะนำตัวอะไรก็คงไม่จำเป็นละเนอะ เข้าเรื่องกันเลยก็แล้วกัน」
เอลการ์ดพูดเช่นนั้นและมองตรงมาที่ผม
「ข้อเสนอของนายที่ขอใช้『จับเท็จ』จะถูกปัดตกไป นั่นคือการตัดสินใจของฉันในฐานะกิลด์มาสเตอร์」
「…」
「อ้าว เหมือนมีอะไรจะพูดนะแน่นอนว่าไม่จบแค่นั้น เดี๋ยวทางดาบฮายาบูสะก็จะต้องรับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้นและมีการลงโทษอย่างเหมาะสมแน่นอน อีกที้งยังมีค่าชดเชยสำหรับเหยื่อรวมในนั้นด้วย อื้มจริงๆ แล้วถึงฉันจะไม่ควรพูดก็เถอะนะ แต่การจะมาขอเอาชีวิตใครสักคนเป็นค่าชดเชยนี่คงจะไม่ได้ เพราะกิลด์เราไม่สามารถเสียคนเก่งๆ ไปได้ด้วยเรื่องแบบนั้นนี่นา ก็เข้าใจนะว่าอาจจะมีฝ่ายไหนไม่พอใจกันบ้าง แต่ฉันก็อยากช่วยพวกนายจริงๆ นะ ราสนายคิดว่าไงล่ะ? 」
「ผมจะทำตามที่มาสเตอร์บอกครับ แต่ก็มีเรื่องที่ผมอยากจะขออีกเรื่องหนึ่งหากค่าชดเชยมันดูไม่สมเหตุสมผล เช่นอยากจะตัดแขนขาเธอหรือควักลูกตาแทน ผมไม่อยากให้มีอะไรแบบนั้นครับ」
「ก็แน่สิ」
เอลการ์ดพยักหน้าก่อนจะมองมาที่ผมอีกที
「นายก็ด้วยนะโซระ ขอแค่ดาบฮายาบูสะถูกลงโทษอย่างเหมาะสมก็น่าจะพอแล้วไม่ใช่หรือไง ไม่เห็นจำเป็นต้องไปเอาเรื่องขึ้นขั้นทำร้ายผู้หญิงเลยนะ」
「ไอ้”ลงโทษอย่างเหมาะสม”ที่คุณว่ามันแค่ไหนกันล่ะ อย่างน้อยสุดผมว่าจำเป็นต้องระกาศต่อสาธารณชนเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่ว่าพวกเขาโจมตีพลเรือนทั่วไปก่อนจะใช้เป็นเหยื่อล่อนะ คิดว่าถึงขั้นนั้นไหมล่ะ? 」
「ไม่หรอก เราคงทำแบบนั้นไม่ได้ ชื่อเสียงของพวกเขาไม่มีส่งผลแค่กับในปาร์ตี้แต่มันส่งผลต่อกิลด์เราด้วย ด้วยสถานการณ์ของอิชกะตอนนี้ เราจำเป็นต้องพยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อไม่ให้เกิดความแตกแยกระหว่างนักผจญภัยและคนทั่วไป」
เอลการ์ดกอดอกแล้วคิด
「เกี่ยวกับบทลงโทษ อืม….เอาเป็นบังคับให้พวกเขาทำภารกิจกวาดล้างมอนสเตอร์ในป่าทีทิสเป็นเวลาหนึ่งเดือนไหมล่ะ และในช่วงเวลาดังกล่าว วัตถุดิบหรือรางวัลใดๆ ที่ควรเป็นของปาร์ตี้ดาบฮายาบูสะ ก็จะตกเป็นของนายแทน เมื่อพิจารณาถึงความสามารถพวกเขาแล้ว ฉันว่ามันก็เป็นจำนวนที่เหมาะสมนะ อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงในการไปเก็บสมุนไพรที่นั่นด้วย」
「สรุปก็คือคุณอยากจะจัดการเรื่องนี้อย่างลับๆ แทนสินะ? 」
「ฮ่าๆ ไอ้หนุ่มนี่ก็พูดตรงจริงๆ แต่นั่นแหละแถมมันยังจะเป็นการขอคืนดีระหว่างนายกับกิลด์ด้วยนะ นี่ไง–」
สิ่งที่เอลการ์ดหยิบออกมาจากกระเป๋าก็คือตราของนักผจญภัย ตราประจำตัวที่แสนคุ้นเคยซึ่งมีชื่อของผมสลักเอาไว้อยู่
「นี่มัน…」
「ใช่แล้ว ตราของนายไง กิลด์นักผจญภัยแห่งเมืองอิชกะขอต้อนรับนายกลับเข้ามาในฐานะพนักผจญภัยระดับเก้า แล้วนายก็ไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าธรรมเนียมให้กับทางกิลด์เราเป็นระยะเวลาสามปีด้วย เป็นไงล่ะ พอจะยอมรับได้หรือยัง? 」
กิลด์มาสเตอร์ยื่นตรามาให้ผมด้วยรอยยิ้มที่สุดใสบนใบหน้าของเขา
แน่นอนว่านั่นไม่ได้ฉาบด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนเพียงเท่านั้น แต่มันเป็นรอยยิ้มที่ทรงพลังราวกับจะบอกว่า “รู้ใช่ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าปฏิเสธสิ่งนี้”
พอผมรับตราประจำตัวจากเขาไป กิลด์มาสเตอร์ก็พยักหน้าด้วยความพอใจ
「เยี่ยมมาก ทีนี้กิลด์นักผจญภัยของพวกเราก็จะเติบโตมาก-」
ขณะที่เอลการ์ดกำลังจะพล่ามอะไรออกมาสักอย่าง ผมก็โยนตราประจำตัวนั้นทิ้งไป
เสียง คลึก ของตราประจำตัวลงไปในถังขยะตรงมุมห้องอย่างง่ายดายโดยไม่ผมไม่ต้องเล็งด้วยซ้ำ
เอลการ์ดจ้องมองผมด้วยแววตาที่เฉียบคมทันที
「 …เมื่อกี้ถือว่านายปฏิเสธข้อเสนอของฉันสินะ? 」
ผมยิ้มเยาะก่อนจะพยักหน้าให้
เพราะเขาเป็นถึงกิลด์มาสเตอร์นี่นะ ผมก็ควรจะลดการใช้คำพูดประชดประชันเขาลงสักหน่อย
「คุณคิดว่าผมจะยังอาลัยอาวรณ์กับขยะแบบนั้นอยู่เหรอ คุณเอาแต่พูดเองเออเองมากสักพักแล้วนะ สุดท้ายก็คือคุณปฏิเสธข้อเสนอของผมแล้วยืนผลประโยชน์ให้กับทางดาบฮายาบูสะ แบบนี้ไม่ยุติธรรมเลยแฮะ ถ้าเป็นแบบนี้ผมว่าควรเรียกนักบวชมาแล้วให้เขาใช้『จับเท็จ』จะง่ายกว่านะ」
「…ฉันคิดว่าฉันบอกนายไปแล้วนะว่าเรื่องนั้นมันจะไม่เกิดขึ้น? 」
「แต่นั่นมันก็การตัดสินใจของกิลด์มาสเตอร์ใช่ไหมล่ะ แล้วทำไมผมที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกิลด์ถึงต้องฟังคำพูดของคุณด้วยล่ะ แถมผมก็เป็นคนเสียเงินส่วนนั้นเองด้วยพนักงานต้อนรับนั่นเป็นคนบอกผมเองแท้ๆ ผมก็ยอมควักเงินจ่ายแล้วไง แล้วทีนี้กิลด์มาสเตอร์ดันมาปฏิเสธเรื่องนี้แทนเนี่ยนะ ฟังไม่ขึ้นเลย เอาเป็นว่าผมให้คุณตัดสินใจเลือกว่าจะเรียกตัวนักบวชมาตัดสินผู้หญิงคนนี้ หรือไม่ก็คุณต้องตัดสินเธอเป็นการส่วนตัวในฐานะคนที่พยายามใช้มอนสเตอร์มาฆ่าผม」
「โซระ ระวังคำพูดของนายหน่อยนะ ไม่มีนักผจญภัยคนไหนในเมืองอิชกะจะทำแบบนั้นหรอก สิ่งที่นายเจอมันเป็นเรื่องที่ซับซ้อน ฉันก็เห็นใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับนายนะ แต่ถ้านายยังคงฝืนรุกต่อไป ฉันก็จำเป็นต้องใช้มาตรการที่เหมาะสมกับนายแทน รู้ตัวใช่ไหม? 」
「มาตรการที่เหมาะสม! โฮ้ย น่ากลัวชะมัด คือตอนนี้จะบอกให้ผมพอแค่นี้ก่อนจะโดนไอ้มาตรการที่เหมาะสมนั่นสินะ ถึงคิดว่าการจะมาคุยอะไรต่อกับกิลด์มันจะไม่มีประโยชน์ก็เถอะ แต่ก็ถือเป็นบทเรียนให้ผมได้ดีเลย」
ผมลุกขึ้นยืน ก่อนที่เอลการ์ดจะยกมือขึ้นมาเพื่อหยุดผม
「เดี๋ยวก่อน เรายังคุยกันไม่จบเลยนะ」
「ก็คุณไม่ฟังเรื่องที่ผมพูดเลยนี่นา แล้วอยากจะให้ผมฟังคุณอย่างเดียวงั้นเหรอ เห็นแก่ตัวเกินไปหรือเปล่า」
พอผมไม่สนใจเขาแล้วจะเดินออกประตูไป พนักงานต้อนรับก็เข้ามาขวางหน้าผม
「มาสเตอร์บอกให้ท่านรอนะคะ กรุณากลับไปที่ที่นั่งด้วยค่ะ」
「หลีกไป! ถ้าเธอยังไม่หลีกเดี๋ยวทางฉันก็จะใช้มาตรการที่เหมาะสมเหมือนกันนะเข้าใจหรือเปล่า? 」
พอผมเลียนวิธีการพูดของเอลการ์ดแก้มของพนักงานต้อนรับก็เริ่มแดงขึ้น
「!!…ฉันก็พยายามทนฟังท่านตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะคะ แต่ความหยาบคายยังไงก็ขอให้มีขีดจำกัดกันบ้างเถอะค่ะ! หากท่านเคยอาศัยอยู่ที่เมืองนี้ก็น่าจะทราบดีว่ามาสเตอร์ทำงานหนักเพื่อเมืองนี้ขนาดไหน แถมท่านก็เคยทำงานกับกิลด์เรามาถึงห้าปีแล้วไม่ใช่เหรอคะ?!」
「หือ….ทำงานหนักเพื่อเมืองนี้สิเนอะ แบบนั้นก็เลยมีสิทธิ์ปล่อยตัวฆาตกรตามใจตัวเองได้ แหม่การได้เป็นกิลด์มาสเตอร์นี่มันเจ๋งไปเลยเนอะ」
「…นี่ท่าน!」
พนักงานต้อนรับก้าวเข้ามาหาผมอีกก้าวด้วยใบหน้าที่แดงก่ำจากความโกรธ
ดูเหมือนความอดทนของเธอจะถึงขีดสุดแล้วอันเนื่องมาจากความชื่นชมของเธอที่มีต่อกิลด์มาสเตอร์
พอเธอเข้ามาใกล้ผมแบบนี้กิลด์มาสเตอร์ก็เข้ามาหยุดเธอด้วยมือที่วางเอาไว้บนไหล่
「หยุดซะ ลิดเดลคุง」
「แต่ว่า มาสเตอร์-!」
「ไม่จำเป็นต้องถึงมือเธอหรอก โซระ คงจะดีนะถ้านายยอมรับการประนีประนอม แต่ว่ากิลด์ของเราก็ไม่มีหน้าที่จำเป็นต้องไปสนใจผู้ที่ไม่ยอมรับเงื่อนไขของทางกิลด์หรอกนะ ดังนั้นฉันจะขอคืนข้อเสนอที่ว่ามาทั้งหมดไป」
「ทำตามที่อยากเถอะ ของแบบนั้นผมไม่เห็นต้องการเลย」
「จากนี้ไปเป็นคำเตือน ถ้านายยังทำอะไรที่อาจจะเป็นอันตรายต่อสมาชิกกิลด์-」
「ฮ่ะๆ “นายจะถูกจัดการโดยมาตรการที่เหมาะสม” ใช่ไหมล่ะ? เอาเลยสิ! บางทีคุณอาจจะแก้เกมด้วยการกระจายข่าวลือว่าผมโกรธเพราะถูกไล่ออกจากกิลด์ก็เลยพยายามแก้แค้นสินะ คำพูดของกิลด์มาสเตอร์กับนักผจญภัยระดับสิบที่ถูกไล่ออกกิลด์ ความน่าเชื่อถือมันคงต่างกันคนละโลกนี่เนอะ แถมดาบฮายาบูสะก็จะหลุดพ้นจากอาชญากรรมที่พวกมันก่อด้วย จากนั้นพวกมันก็จะติดหนี้กิลด์ ยอดเยี่ยมจริงๆ เดี๋ยวจะมีปาร์ตี้ฉลองกันไหมล่ะ」
ผมผลักพนักงานต้อนรับออกไปให้พ้นทางแล้วเปิดประตู
ท้ายที่สุดผมก็หันกลับไปมองคนที่อยู่ในห้องนั้นเป็นครั้งสุดท้าย–
「นี่คือเป็นการจากลากัน….ตลอดกาล」
ผมจากไปหลังทิ้งคำพูดที่เหมือนคำสาปแช่งนี้ให้กับพวกเขา
——
Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ สามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code