การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ - ตอนที่ 28 การดวล
ตอนที่ 28 การดวล
「นายนี่ยังพยายามเก็บสมุนไพรแบบเอาเป็นเอาตายเหมือนเดิมเลยนะ ไม่ตั้งเป้าไปเป็นแพทย์ปรุงยาแทนเลยล่ะ เอาจริงๆ ถ้าไปทำแบบนั้นเลยก็คงเป็นประโยชน์ต่อโลกและคนอื่นอีกเยอะเลยนะ」
หมวกทรงแหลม ไม้เท้าในมือ และเสื้อคลุมของจอมเวท
มิโรสลาฟยังคงแต่งตัวเหมือนที่ผ่านมา และพูดจาเย้ยหยันเหมือนที่เคยทำ
จะมีท่าต่างไปก็แค่ผมของเธอมันสั้นลงกว่าเดิมเยอะเลย เรียกได้ว่าเกือบทั้งหมดของเธอนั้นมันซ่อนอยู่ภายในหมวกนั้นเสียแล้ว
「ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ ถ้าพูดจบก็รีบไสหัวไปกันได้แล้ว ฉันไม่เหมือนพวกนายนะที่จะหาเงินจากกิลด์ได้ ฉันออกมาแล้วนะเว้ยรู้กันบ้างไหมเนี่ย? 」
「ฉันก็ไม่ได้อยากจะคุยกับนายเหมือนกันนั่นแหละย่ะ แต่ว่า」
มิโรสลาฟจ้องมองไปที่ชีลซึ่งอยู่ด้านหลังผม เธอแสดงสีหน้าออกมาได้ชัดเลยว่ารู้สึกเช่นไรพอเห็นสภาพของชีลตอนนี้
「ให้เด็กผู้หญิงอายุน้อยกว่าตัวเองแบกสัมภาระแบบนี้…นายนี่มันสวะของจริงเลย เอาเถอะก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่นี่นะ」
「ฉันจะทำอะไรกับทาสมันก็เรื่องของฉันไหม “ฆาตกร”อย่างเธอไม่มีสิทธิ์มาบ่นหรอกนะ」
「นายเป็นไอโง่ที่ไม่รู้จักเรียนศัพท์ใหม่ๆ บ้างหรือไง ถ้านายยังเอาแต่พูดจาใส่ร้ายฉันโดยไม่มีหลักฐานอะไรแบบนี้ระวังจะโดนกิลด์มาสเตอร์โกรธเอาอีกล่ะ」
「ไร้สาระน่า พวกเธอนั่นแหละจะมายุ่งอะไรกับฉัน พูดกันไปก็มีแต่จะปวดหัวกันทั้งสองฝ่าย」
「พวกเราได้ยินมาว่านายทำเรื่องแย่ๆ ไว้นี่นา เอาแต่ทำเรื่องอย่างว่ากับผู้หญิงทั้งคืนราวกับติดสัด นี่น่ะเหรอสิ่งแรกที่นายทำเมื่อได้เงินก้อนโตมา เอามาซื้อทาสเนี่ยนะไม่คิดเลยว่านายจะตกต่ำไปได้ขนาดนี้ ถ้าอยากจะได้ผู้หญิงเข้ามาในอ้อมแขนก็ต้องมีเสน่ห์บางอย่างที่จะทำให้พวกเธอตกหลุมรักได้ก่อนสิ!」
พอมิโรสลาฟพูดจบ ก็เหมือนจะเป็นตาของราส
เขาคงจะพยายามอดทนอยู่เหมือนกัน ดูได้จากสภาพใบหน้าอันขุ่นเคืองของเขาตอนนี้ แหมช่างเป็นพ่อหนุ่มยอดคุณธรรม
ผมเคยพูดไปแล้วนะว่า เจ้าหมอนี่มาจากบ้านนอก เรื่องอย่างการขายภรรยาหรือลูกสาวเพื่อใช้หนี้น่ะไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไรสำหรับมันเลย
แต่เรื่องแบบนี้ดันมาทำให้เขาหัวเสียซะอย่างงั้น ทางอิเรียก็ไม่ต่างกันเพราะเธอมาจากที่เดียวกับเขา
ถึงผมจะไม่เคยได้ยินเรื่องพวกนี้มาก่อน แต่บางทีพวกเขาอาจจะมีใครเสียสมาชิกครอบครัวหรือเพื่อนเพราะเรื่องนี้ก็ได้มั้ง
「โซระ ผู้หญิงคนนั้นมาเป็นทาสเพราะครอบครัวของเธอใช่ไหมล่ะ ถ้านายดูแลเธอได้ไม่ดีก็ควรปล่อยเธอไปซะสิ!」
「ฉันว่าฉันก็บอกชัดละนะว่าฉันจะทำอะไรกับทาสมันก็เรื่องของฉัน แล้วมาให้ปล่อยเธอไปเนี่ยนะ ยุ่งไม่เข้าเรื่องชะมัด」
「หากนายยังยืนกรานแบบนั้น ฉันก็มีวิธีของฉันแล้วกัน」
ราสเอื้อมมือไปจับดาบที่เอวของเขาออกมา
ผมที่เห็นแบบนั้นก็อดยิ้มออกมาไม่ได้
「โฮ้ย นี่มันอะไรกัน นายจะมาปล้นฉันเพราะต้องการทาสของฉันเหรอหรือตั้งใจจะฆ่าฉันกันล่ะ? นั่นสินะที่เลือกจุดนี้ก็เพราะอยากเลี่ยงสายตาผู้คนด้วยนี่เนอะ ไม่ต่างกับก่อนหน้านี้เลย ดาบฮายาบูสะนี่ตกต่ำลงไปเยอะจริงๆ!」
「อย่ามาล้อกันเล่นนะ ฉันไม่ได้จะปล้นนายสักหน่อย ก็แค่อยากสั่งสอนให้นายได้รู้ซึ้งถึงบางสิ่ง!」
「การทุบตีใครสักคนและบังคับเอาทรัพย์สินของพวกเขานี่แหละเขาเรียกว่าปล้นเว้ย นายไม่มีสิทธิ์จะมาทำอะไรตามใจชอบได้ในนามของความยุติธรรมเหมือนนิยายที่นายอ่านได้หรอกนะ พ่อฮีโร่ผู้ผดุงธรรม」
「…นายไม่คิดจะฟังฉันเลยสินะ? 」
「พูดถึงเรื่องฟังคนอื่น นายนั่นแหละที่พยายามยัดเยียดความคิดของตัวเองมาใส่หัวคนอื่น….สมมุติว่าฉันปล่อยยัยนี่ไปจริงอย่างที่นายว่า ฉันจะได้อะไรล่ะ รู้ไหมว่าฉันเสียเงินกว่า 30 เหรียญทองไปเลยนะ」
「หากเป็นเรื่องนั้นเดี๋ยวฉัน จ่าย 30 เหรียญทองคืนให้นายก็ได้ แค่นั้นก็พอแล้วใช่ไหมล่ะ?!」
「ก็เชี่ยแล้ว คนบ้าที่ไหนมันจะยอมขายของเท่าราคาทุนตัวเองกันฟะ? 」
「ก็ได้! ถ้างั้น 60 เหรียญทองล่ะเป็นไง จะ100เหรียญทองก็ได้ ฉันให้นายเลือกเลยว่าจะให้ฉันจ่ายนายเท่าไหร่!」
ราสตะโกนออกมาด้วยความโกรธ
ถึงจะเป็นนักผจญภัยระดับ 6 ก็ใช่ว่าจะหาเงินจำนวนหลายร้อยเหรียญทองได้ง่ายๆ
แต่บางทีถ้าเป็นหมอนี่อาจจะไหวก็ได้ ถึงผมจะเรียกราคาไปที่ 500 หรือ 1000 เหรียญทอง ท้ายที่สุดหมอนี่ก็น่าจะใช้การ์ดอย่างการยืมมือบริษัทการค้าซัลซ่า
พอหมอนี่พูดมาแบบนี้ผมก็อดยิ้มไม่ได้อีกแล้ว
「ได้สิ งั้นฉันขอสักล้านเหรียญทองละกัน」
「…ห๊า? 」
「เป็นอะไรไป? ฉันบอกว่าล้านเหรียญทองไง อ่อใช่จะจ่ายเป็นงวดละแสนหนึ่งก็ได้นะฉันไม่เกี่ยง」
「นายเป็นบ้าไปแล้วหรือไง ฉันไม่มีทางจะหาเงินขนาดนั้นมาได้หรอกนะ!」
「ก็บอกฉันเองนี่ว่าจะเรียกเท่าไหร่ก็ได้」
「ของแบบนี้มันก็ต้องมีลิมิตกันบ้างไหม!」
「อ้าว งั้นแบบนี้นายก็จะบอกฉันว่า นายอยากได้ทาสฉันแต่นายไม่มีเงินซื้อหรอกนะงี้เหรอ ถ้างั้นก็เหลือแต่ต้องแย่งชิงด้วยกำลังนี่เนอะ ตั้งแต่แรกแล้วทำไมนายถึงคิดว่าฉันจะเรียกจำนวนเงินเท่าที่นายมีกันล่ะหือ? 」
พอผมพูดจบผมก็หัวเราะออกมาราวกับดูแคลนเขา
「เอางี้นะถึงฉันจะบอกนายว่าขอสัก 2-300 เหรียญทองจริง ทีนี้นายจะหาเงินตามที่ฉันเรียกมาได้จริงเหรอ อ้อนั่นสิเนอะสำหรับนักผจญภัยระดับหกและว่าที่ลูกเขยในอนาคตของบริษัทซัลซ่าแล้ว…โอ้โหช่างเป็นแผนการที่ชาญฉลาดเสียจริง คนที่คิดแผนแบบนี้ได้..ฉันคงไม่ต้องเดาสินะ」
「อึก…」
「ช่วยชีวิตทาสที่กำลังทุกข์ทรมาน นี่มันเหมาะกับฮีโร่แบบนายเลยนี่เนอะ แต่แย่หน่อยนะราส ครั้งนี้นายก็ใช้เรื่องนี้เป็นบทเรียนไปแล้วกันอย่ามากวนฉันอีกล่ะ หากนายยังเดินทางต่อในฐานะนักผจญภัย นายจะต้องยิ่งใหญ่ยิ่งกว่านี้แน่นอน อย่าไปหลงลมปากของยัยจอมเวทตรงนั้นเลย」
「ฉะ-ฉันขอท้าดวลนาย!」
「หา? 」
「ฉันขอท้าดวลนาย โซระ!」
พอพูดจบราสก็ปาถุงมือข้างซ้ายของเขามาที่ผม
ถุงมือหนังถูกขว้างเข้ามาใส่ที่อกของผมก่อนจะตกลงที่พื้น
「มาสู้กับฉันเพื่ออิสรภาพของผู้หญิงคนนั้น หากฉันชนะนายจะต้องปล่อยเธอไป!」
「ขอปฏิเสธ」
「นี่นายคิดจะหนีงั้นเหรอ?!」
「จะหนีงั้นเหรอ ฉันเลเวล 1 นะเว้ยนายก็รู้ แล้วทำไมฉันต้องไปสู้ในศึกที่ตัวเองไม่มีทางชนะด้วยล่ะ แถมฉันไม่เห็นจะได้ประโยชน์อะไรจากการดวลนี้เลยถ้าฉันชนะ」
「ถ้าเป็นเรื่องนั้น-」
「ถ้านายชนะละก็ ฉันจะยอมเป็นทาสของนายเอง!」
มิโรสลาฟก้าวออกมาขัดจังหวะของราสที่กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง
จอมเวทผมแดงพูดราวกับต้องการเยาะเย้ยผม
「นายบอกจะไม่ดวลหากนายไม่ได้อะไรเลยใช่ไหมล่ะ นี่ไงนายสามารถทำให้ฉันกลายเป็นทาสและทำอะไรกับฉันก็ได้เลยนะ แน่นอนว่าทรัพย์สินส่วนตัวของฉันก็จะเป็นของนายด้วยว่าไงล่ะจะหินเวทราคาแพงหรือตำราเวทก็ดี ถึงฉันจะไม่รู้ราคาจริงๆ แต่ฉันว่ามันก็น่าจะเกิด 30 เหรียญทองแน่ๆ 」
「 น-นี่ มิโร!!」
「ไม่เป็นไรหรอก ราส โอกาสที่นายจะแพ้น่ะไม่ถึงหนึ่งในพันด้วยซ้ำ ฉันจะพูดอะไรออกไปก็ได้ แต่ถึงมันจะเกิดขึ้นมาจริงๆ ฉันที่เชื่อมั่นในตัวนายก็ไม่มีสิทธิ์ไปโทษหรือโกรธนายได้หรอก」
「มิโร…นี่เธอทำถึงขนาดนี้เพื่อฉัน…」
ราสและมิโรสลาฟต่างจ้องมองกันด้วยน้ำตาและใบหน้าที่แดงระเรื่อ
ไอ้เจ้าสองคนนี้มันเข้าไปในโลกของตัวเองกันเหมือนเคยเลยแฮะ
แต่สถานการณ์ในตอนนี้มันต่างกันเมื่อก่อนนิดหน่อยอ่ะนะ
「ข้อเสนอไม่เลวนี่ แต่ฉันก็ไม่เอาอยู่ดี ใครจะไปอยากอยู่กับยัย”ฆาตกร”อย่างเธอ อย่ามาล้อกันเล่นสิ」
「โซระ นี่นาย…!」
「งั้น ถ้าเป็นเอลฟ์ที่อยู่ตรงนั้นฉันจะลองพิจารณาดูนะ」
พอผมพูดจบผมก็มองไปตรงลูนามาเรียที่ไม่เปิดปากออกมาเลยตั้งแต่เมื่อกี้
อิเรียก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาเหมือนกัน แต่นั่นอาจจะเป็นเพราะเธอนึกถึงคำพูดมิโรสลาฟ คงจะเป็นอะไรอย่างความไว้วางใจให้เป็นคนเจรจาแหละมั้ง
ทันใดนั้นลูนามาเรียก็แสดงความงุนงงออกมาพอผมต้องการคำตอบจากเธอ
「ฉ-ฉันเหรอคะ? 」
「ก็เพราะต่อให้จ่ายเงินกว่าร้อยเหรียญทองก็ใช่จะหาเอลฟ์แบบนี้ได้นี่นา ขนาดยัยฆาตกรยังไว้ใจหัวหน้าปาร์ตี้ได้มากขนาดนี้แล้วคนอื่นล่ะจะเป็นเหมือนกันไหมน้อ ว่าไงถ้าไม่เอาตามนี้ก็ลืมเรื่องที่คุยกันไปได้เลย」
ผมมองราสขณะพูด
จากนั้นผมก็ชี้ไปที่ถุงมือก่อนจะพูดต่อ
「ถ้านายรับเงื่อนไขนี้ไม่ได้ ก็หยิบถุงมือคืนไปซะราส」
「…นี่นายเอาจริงเหรอ? 」
「แน่นอนสิ ฉันก็หมายความตามที่พูดนั่นแหละ นายอยากจะประลองกันในพื้นที่ของกิลด์โดยมีพ่อค้าทาสเป็นพยานด้วยไหมล่ะ ถ้านายชนะฉันก็ปล่อยชีล ถ้าฉันชนะลูนามาเรียก็กลายเป็นทาสของฉัน แต่ว่าทางนายน่ะจำเป็นต้องไปโน้มน้าวลูนามาเรียก่อนด้วยนี่นะ เพราะถ้าเธอไม่ยอมการดวลของพวกเราก็คงไม่เกิดขึ้น ว่าไงล่ะ? 」
「… ได้สิ ฉันจะเป็นคนเกลี้ยกล่อมลูน่าเองและจะรีบติดต่อกับทางกิลด์ด้วย โซระรอก่อนเถอะจนกว่าวันนั้นจะมาถึง–」
「เออน่า เอาเป็นว่าฉันจะไม่ยุ่งกับชีลระหว่างนี้แล้วกัน จะขอลูกสาวเจ้าของโรงแรมมาสอดแนมดูที่ประตูห้องฉันก็ได้ ว่าฉันโกหกไหม」
พอพูดจบ ผมก็หยิบถุงมือนั้นขึ้นมาจากบริเวณเท้าของผม
วินาทีนั้นคือการประกาศการท้าดวลระหว่างผมกับราสได้เกิดขึ้นแล้ว ซึ่งองค์ประกอบที่แสนสำคัญอย่างเจตจำนงของชีลและลูนามาเรียก็ขอให้ละเอาไว้ก่อนแล้วกัน
——–
Note 1 : มิโรการละครป่าวครับ
Note 2 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ สามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code