การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ - ตอนที่ 33 ดาบควันโลหิต
ตอนที่ 33 ดาบควันโลหิต
「… น่าสงสัย ไม่ว่ายังไงมันก็ดูน่าสงสัย」
หลังพระอาทิตย์ตกดิน บริเวณเคาน์เตอร์ของพนักงานต้อนรับกิลด์จะมีเงาหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้นเสมอ…เธอคนนั้นคือลิดเดลที่กำลังพึมพำและขมวดคิ้ว
สีหน้าของเธอเช่นนี้ย่อมไม่เคยแสดงให้เหล่าเพื่อนร่วมงานหรือนักผจญภัยเห็น
แต่สีหน้าของเธอในตอนนี้เธอแสดงมันออกมาโดยไม่รู้ตัว เพราะจิตใจของเธอถูกโจมตีด้วยความรู้สึกที่ไม่สบายใจเข้าอย่างรุนแรง
「 รุ่นพี่คะ ฉันชงชามาให้-หืม? เป็นอะไรไปเหรอคะ หน้าเหมือนย้ายโต๊ะเครื่องแป้งละเจอแมลงสาบตายในนั้นเลยนะคะ? 」
「…หยุดเทียบกับอะไรแบบนั้นได้แล้วค่ะ ยิ่งกับตอนที่ไปเสิร์ฟอาหารหรือเครื่องดื่มอย่าไปพูดเรื่องนี้ออกมาอีกนะคะ」
「อ้อ จริงด้วยสินะคะ รุ่นพี่เป็นคนที่โตมาในเมืองนี่เนอะ เพราะฉันมันพวกบ้านนอกอ่ะค่ะ ก็เลยคุ้นชินกับเรื่องพวกนี้ไปซะแล้วสิ」
「 ฉันไม่ได้สนใจหรอกค่ะ ว่าเธอจะมาจากชนบทหรือที่ไหน ที่สำคัญกว่านั้นพาร์เฟตเรื่องมนุษย์หมาป่าที่หุบเขาอเทนโดเป็นยังไงบ้างคะ? 」
「อ้อ ถ้าเรื่องนั้นละก็ฉันได้รับการยืนยันว่าพวกมันถูกกวาดล้างไปแล้วค่ะ! ทั้งกริฟฟอนจากเขาสกิม แบนชีที่สุสาน สกิลล่าบริเวณทะเลสาบโทยะ และมนุษย์หมาป่าที่หุบเขาอเทนโดที่ส่งมาวันนี้ ภารกิจที่แสนน่าปวดหัวของกิลด์เราค่อยๆ ถูกเคลียร์ทีละภารกิจแล้วค่ะ ที่จริงกิลด์มาสเตอร์ก็เพิ่มเรียกฉันไปชมเรื่องนี้ด้วยค่ะ วี้!!」
ลิดเดลรู้สึกรำคาญรุ่นน้องที่แสนน่ารักซึ่งกำลังชูสองนิ้วเป็นตัววีด้วยมือของเธอเล็กน้อย
แต่ถ้ามองในมุมของรุ่นน้องเธอ ก็คงช่วยไม่ได้หรอกที่จะมีความสุขกับเรื่องนี้
เครดิตในการเคลียร์ภารกิจที่ถูกดองไว้นั้นย่อมเป็นของพวกนักผจญภัยที่ทำหน้าที่จัดการ แต่ผลการประเมินพนักงานต้อนรับที่มอบภารกิจให้กับคนเหล่านั้นก็ถูกเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกันหากภารกิจนั้นสำเร็จ
สำหรับพนักงานต้อนรับของกิลด์แล้ว ทักษะสำคัญที่ทุกคนต้องมีก็คือการโน้มน้าวให้เหล่านักผจญภัยรับภารกิจที่ยุ่งยากเหล่านั้นไปให้ได้ ดังนั้นก็คงไม่แปลกหากภารกิจที่มีความยากระดับสูงถูกเคลียร์เพราะการแนะนำของพวกเธอ
นี่ก็เป็นภารกิจที่ 4 แล้วนับตั้งแต่ที่พวกเขารับมามันเป็นภารกิจที่มีเครดิตสูงทั้งสิ้น และหากรวมเข้ากับภารกิจย่อยด้วยแล้วก็ต้องบอกว่ามากกว่า 10 ไปแล้ว โดยพาร์เฟตที่ได้เครดิตจากการแนะนำภารกิจที่ถูกดองเอาไว้ในเวลาอันสั้นเช่นนี้ ก็คงไม่แปลกหากเธอจะมีความสุขตลอดช่วงที่ผ่านมา
พนักงานต้อนรับสาวสวยของกิลด์นั้นย่อมเป็นดาวเด่นของเหล่าผู้คน แต่งานที่เธอทำนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
มันไม่ใช่แค่การมอบหมายภารกิจให้เหล่านักผจญภัยและมอบรางวัลให้เมื่อพวกเขาทำภารกิจเสร็จแล้ว
พวกเธอจำเป็นต้องพิจารณาถึงความสามารถในการที่กิลด์จะบรรลุคำขอของผู้ว่าจ้างได้หรือไม่ก่อนที่จะตรวจสอบถึงรางวัลจากภารกิจว่าเหมาะสมหรือเปล่า
หากเงินไม่มา งานก็ย่อมไม่เดินถ้าจะให้อธิบายก็เหมือนกับพวกชาวสวนที่มาขอให้พวกเขาไปช่วยคนในครอบครัวที่ถูกพวกก็อบลินลักพาตัวไป พวกเธอก็จำเป็นต้องตอบไปประมาณว่า “ทางเราขอแสดงความเสียใจด้วยค่ะ แต่ด้วยเงินจำนวนเพียงเท่านี้ทางกิลด์ของเราไม่สามารถรับคำขอนั้นได้ค่ะ” นั่นคือสิ่งที่ทุกคนต้องเคยผ่านมาสักครั้งในชีวิตการทำงาน
ไหนจะการตักเตือนพวกนักผจญภัยหน้าใหม่ที่อยากจะรับภารกิจที่เกินมือพวกเขา แน่นอนว่าในบางครั้งพวกเธอก็จะถูกตำหนิและเกลียดชังจากผู้คนได้เช่นกัน อีกทั้งพวกเธอยังต้องหว่านล้อมพวกนักผจญภัยระดับสูงที่มีความมั่นใจในตัวเองให้รับภารกิจที่ยุ่งย่างอีกด้วย
และหากพวกเธอตัดสินถึงระดับความยากของภารกิจที่ได้รับมาผิดไป จากการที่ผู้ว่าจ้างให้ข้อมูลมาไม่ถูกต้อง จนทำให้เกิดความสูญเสียขึ้น พวกเธอก็จำเป็นต้องรับโทษอย่างรุนแรงสำหรับการสูญเสียครั้งนั้นจากผู้เสียหายด้วย
ทั้งหมดที่ว่ามาก็คือลักษณะการทำงานของพนักงานต้อนรับกิลด์ ไม่ว่าบุคคลนั้นจะเป็นคนที่ยอดเยี่ยมเพียงใด แต่ด้วยความละเอียดอ่อนของงานก็ย่อมทำให้รู้สึกเหนื่อยล้าได้ไม่ยาก ไม่นานนักพวกเขาก็จะเปลี่ยนแผนกที่ตนทำงาน
จนผู้คนมักพูดกันว่า การจะเป็นมาพนักงานต้อนรับของกิลด์เนี่ยมันต้องอึดพอๆ กับนักผจญภัยระดับสูงเลย แต่นั่นก็จริงกับงานที่โหดร้ายระดับนี้หากไม่อึดพอก็ไม่รอดไปได้หรอก
ดังนั้นไม่ใช่แค่ตัวของลิดเดลที่ทำหน้าที่นี้ได้มาถึง 5 ปีแล้ว แต่ยังรวมไปถึงพาร์เฟตที่เข้ามาทำงานแผนกนี้ได้เพียง 1 ปี พวกเธอทั้งคู่ต่างก็มีความอึดทนกันพอสมควรเลย
ถึงปกติพาร์เฟตมักจะเรียกลิดเดลด้วยคำว่า “รุ่นพี่ รุ่นพี่” เพื่อเป็นการเคารพเธอ แต่จริงๆ เธอรู้ว่าพาร์เฟตนั้นเล็งตำแหน่งผู้จัดการแผนกต้อนรับของกิลด์ที่เธอเป็นอยู่มานานแล้ว
หากในสถานการณ์ปกติลิดเดลก็คงอยากจะพูดด้วยรอยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ว่า “ขอให้ความมั่นหน้านั้นอยู่ไปอีกนานๆ นะคะ” แต่สถานการณ์ในตอนนี้ไม่เป็นใจพอจะให้เธอคิดแบบนั้นได้เลย
เพราะเธอสัมผัสได้ว่า ผู้คนที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของพาร์เฟตนั้นไม่ได้ชอบขี้หน้าเธอเลย
「แล้วภารกิจต่อไปที่จะแนะนำให้ท่านลูนามาเรียคืออะไรคะ? 」
「นั่นสินะคะ ฉันก็อยากจะเล่าให้รุ่นพี่ฟังเหมือนกัน! คือพวกเราเอาแต่ภารกิจยากๆ ค่าตอบแทนน้อยไปให้กับเธอตลอด ดังนั้นครั้งนี้ฉันก็เลยว่าจะแนะนำภารกิจของพวกชนชั้นสูงบ้าง ได้ยินมาใช่ไหมล่ะคะว่าตระกูลของท่านเอิร์ลได้ยินเรื่องที่กริฟฟอนถูกสังหารณ์ไป พวกเขาก็เลยอยากจะได้ซากของมันทำสตาฟฟ์ไว้ค่ะ ดังนั้นนี่จึงเป็นฤกษ์ดีสำหรับการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างเรากับตระกูลท่านเอิร์ล」
「อ๋อ จะว่าไปมาสเตอร์ก็บอกให้ความสำคัญกับเธอด้วยนี่นะ」
「ใช่ไหมล่ะคะ ก็ตามที่มาสเตอร์บอกฉันจึงรับภารกิจนี้ไว้ แต่ทางท่านลูนามาเรียดันปฏิเสธภารกิจแสนหวานนี้ ที่จะเชื่อมโยงเรากับตระกูลของท่านเอิร์ลไปซะได้สิคะ น่าเสียดายจริงๆ!」
「…งั้นเหรอ? 」
「น่าแปลกสุดๆ ไปเลยใช่ไหมล่ะคะ แล้วรู้ไหมคะว่าเธอทำอะไรหลังจากนั้นแทน รุ่นพี่จำเรื่องภารกิจที่สถานสงเคราะห์ก่อนหน้านี้ได้ไหมที่เขาขอให้ทางเราไปรวบรวมหญ้าอัลโดในป่าทีทิส เธอเลือกจะรับภารกิจนั้นแทนค่ะ」
รางวัลของภารกิจนั้นคือห้าเหรียญทองแดง จำนวนเงินเพียงแค่นั้นคงจะพอซื้อเพียงแค่ขนมปังกับไส้กรองที่แผงลอย จะให้พูดตรงๆ ก็เหมือนงานอาสาสมัครมากกว่ารับภารกิจอีก
โดยปกติแล้วภารกิจพวกนี้มักจะถูกตีกลับตั้งแต่การยื่นคำขอแล้ว แต่เนื่องจากนี่เป็นกรณีพิเศษ เพราะทางกิลด์ไม่สามารถปฏิเสธคำขอที่มาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าและสถานสงเคราะห์คนชราได้
ซึ่งมันก็จะไปปรากฏอยู่ที่บอร์ดภารกิจและหวังว่าจะมีนักผจญภัยใจดีสักคนรับมันไป แต่ก็อย่างที่เห็นพวกเขาไม่ได้สนใจมันเลยแถมยังหัวเราะให้กับภารกิจนี้ด้วยซ้ำ
และเพราะหญ้าอัลโดนั้นมันไม่ได้โตอยู่บริเวณป่าโซนนอก แต่มันโตอยู่ในโซนลึกของป่า ดังนั้นมันไม่ใช่สถานที่ที่ใครคิดจะอยากทำงานอาสาสมัครเฉยๆ เข้าไปได้ง่ายๆ
โดยผลของมันนั้นมีฤทธิ์ในการรักษาไข้ ที่พวกเขายื่นคำขอนี้มาก็คงเพื่อจะเอาไปให้กับผู้ป่วยที่ยากไร้และเข้าถึงการรักษาได้ยาก แต่ถึงทางกิลด์จะอธิบายความยากลำบากทั้งหมดที่ว่ามาก่อนจะรับคำขอ ผู้ว่าจ้างก็ยืนยันอยู่ดีว่าพวกเขาจะขอว่าจ้างตามที่ระบุไว้
โดยไม่ได้สนใจว่าจะมีคนรับภารกิจนี้หรือไม่ พวกเขาขับเคลื่อนด้วยความหวังกันจริงๆ
จากนั้นพาร์เฟตก็เอียงศีรษะไปด้านข้างและพูดขึ้นต่อ
「จะว่าไปแล้วท่านลูนามาเรียนี่ก็เริ่มดูกระตือรือร้นขึ้นหลังออกจากดาบฮายาบูสะนะคะ เพราะก่อนหน้านี้เธอเหมือนเป็นป้ายประดับที่คอยเอาแต่ยิ้มอยู่ข้างหลังท่านราสเลย ตอนนี้กลับเลือกตัดสินใจเดินได้ด้วยตัวเองแล้ว….ไม่สิฉันว่าเบื้องหลังการกระทำนี้อาจจะเป็นเจ้า”ปรสิต”นั่นก็ได้นะคะ」
ดาบฮายาบูสะเป็นปาร์ตี้หน้าใหม่ไฟแรง หากคนหนึ่งในออกไปแล้วกลายเป็นทาสก็คงไม่แปลกหากเรื่องมันจะดังไปทั่วถึงจะไม่เต็มใจก็ตาม
ก็เพราะแบบนั้นแหละเรื่องที่เกิดขึ้นกับลูนามาเรียและดาบฮายาบูสะเลยเป็นที่พูดถึงกันทั่วกิลด์แล้ว
ขนาดเด็กยังรู้เลยว่า เจ้านายของเธอตอนนี้คือโซระ
ลิดเดลกอดอกและพูด
「ท่านลูนามาเรียกับผู้หญิงอีกคนที่ชื่อชีลแทบไม่ออกห่างจากเมืองอิชกะเลยนะคะ นั่นจึงทำให้คาดได้ว่าท่านโซระคือผู้ที่จัดการกริฟฟอนไปค่ะ หากไม่ใช่ผู้ที่มีความสามารถมากพอคงไม่อาจทำเช่นนั้นได้…ก็คงไม่แปลกเพราะเขาถึงขนาดเอาชนะท่านราสในการดวลต่อตัวต่อได้ เลเวลของเขาคงจะไม่ใช่ 1 อีกแล้ว」
「โถ่ พูดถึงเรื่องนั้นฉันก็อยากดูการดวลนั้นเหมือนกันนะคะ ทั้งที่ฉันเป็นคนดูแลปาร์ตี้ดาบฮายาบูสะแท้ๆ แต่ทำไมถึงไม่เรียกฉันเข้าไปดูกันคะ ไหงเป็นรุ่นพี่ไปได้!?!」
「ก็เพราะฉันถูกเลือกให้เป็นผู้รับผิดชอบเหตุการณ์นั้นค่ะ ยังไงก็ตามการเคลื่อนไหวของท่านลูนามาเรียแปลกไป ถ้าเป็นไปได้ก็อย่าให้ภารกิจกับเธอมากเกินไปจะดีกว่านะคะ…」
แต่ทางพาร์เฟตก็ได้แค่หัวเราะให้กับความกังวลของเธอ
「ฉันไม่เห็นว่าจะต้องมีอะไรให้ระวังเลยค่ะ ตอนนี้เธอก็จัดการภารกิจดองที่ไม่มีใครอยากจะทำให้เรา ก็แปลว่าเธอช่วยงานเราอยู่ไม่ใช่เหรอคะ บางทีเจ้า”ปรสิต”นั่นอาจจะอยากกลับเข้ามาที่กิลด์เราจนตัวสั่นเลยก็ได้-」
「 -ฉันไม่คิดว่าคนที่ปฏิเสธคำชวนของกิลด์มาสเตอร์ในตอนนั้นจะยอมกลับมาง่ายๆ หรอกนะคะ」
「ตอนนั้นเขาอาจจะทำตามอารมณ์เลยปฏิเสธคำชวนของมาสเตอร์ไปก็ได้ค่ะ ตอนนี้ก็เลยต้องมาเสียใจเอาทีหลังไงคะ พอทำเรื่องแบบนั้นไปจะมาขอกลับรังก็ดูแปลกๆ ไปหน่อย ผลที่ได้ก็อย่างที่เห็นค่ะเขาพยายามอย่างมากที่จะแสดงว่าตนนั้นมีประโยชน์ผ่านท่านลูนามาเรีย ดูๆ ไปเขาก็น่ารักแบบแปลกๆ ดีนะคะเนี่ย」
「 …ฉันไม่คิดว่าเขาจะเป็นคนที่อ่านง่ายขนาดนั้นนะคะ」
ถึงลิดเดลจะไม่เห็นด้วยกับคำพูดนั้น แต่เธอก็รู้ว่าพาร์เฟตไม่ได้คิดจะฟังเธอแต่แรกอยู่แล้ว เนื่องจากตอนนี้เธอเสียปาร์ตี้ดาบฮายาบูสะที่ดูแลไปแล้ว เธอจึงไม่สนใจว่าลูนามาเรียและโซระจะมีแผนอะไรอยู่ตราบใดที่พวกเขายังสามารถสร้างชื่อให้กับเธอได้ก็เธอยินดี
วิธีคิดของเธอก็ไม่ได้ผิดอะไร เพราะหากดูโดยผิวเผินมันก็เป็นเรื่องดีที่ลูนามาเรียจัดการกับภารกิจดองที่กิลด์ต้องมานั่งปวดหัว
การกระทำของพวกเขาเป็นประโยชน์ต่อกิลด์ ผู้ว่าจ้าง และคนในเมืองอิชกะ แทนที่จะพยายามหยุดพวกเขาลิดเดลคิดว่าควรจะชื่นชมด้วยซ้ำ
『ไม่ว่าจะเป็นนักผจญภัยหรือพนักงานของกิลด์ หากมีความเกี่ยวข้องกับทางกิลด์แล้ว พวกเขาก็จำเป็นต้องทำงานให้กับเมืองอิชกะ ถึงจะกลายเป็นบุคคลที่มีค่ากับเมืองนี้』
เธอยังจำคำพูดที่เธอบอกกับโซระเมื่อสองเดือนก่อนตอนขับไล่เขาออกไปได้
ตอนนี้โซระก็ทำหน้าที่นั้นอย่างเต็มที่เมื่อเมืองอิชกะ ส่วนลิดเดลกลับพยายามขัดขวางเขาเพราะความสงสัยของเธอเอง
ตำแหน่งของพวกเขามันพลิกผันอย่างน่าแปลกใจ
อย่าบอกนะว่าเขาพยายามสร้างสถานการณ์ขึ้นเพื่อสิ่งนี้? เธอเริ่มสัมผัสได้ถึงความตั้งใจของโซระที่ต้องการจะดูถูกกิลด์ผ่านการกระทำของเขา
นักผจญภัยที่ถูกขับไล่ออกจากกิลด์กำลังคอยตามล้างตามเช็ดเรื่องที่กิลด์ไม่สามารถจัดการได้ ทั้งสังหารกริฟฟอน แบนชี สกิลล่า มนุษย์หมาป่าที่สู้ได้ลำบาก
ราวกับกำลังจะบอกว่าทางกิลด์เป็นฝ่ายผิดที่เลือกไล่เขาออกมา
สุดท้ายแล้วจะเป็นการดูถูกกิลด์จริงหรือไม่ หรือจะเป็นเพียงเขาต้องการเยาะเย้ยลิดเดลและคนอื่นๆ ในกิลด์ที่ไม่มีตามองคนกันแน่ เธอก็ไม่อาจทราบ
จากที่ได้ยินมาโซระ เหมือนจะให้ทิปกับเจ้าของโรงแรมและลูกสาวของเขาอย่างเอื้อเฟื้อทุกครั้งที่เขากลับมาด้วย
หากเธอคิดว่านั่นเป็นการกระทำเพื่อส่งผลดีต่อกิลด์ มันก็ไม่ได้แปลกอะไร
แต่ยังไงเธอก็เชื่อว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านั้น
แต่ไม่มีทางที่มนุษย์ซึ่งทำให้สหายเก่าของตนต้องกลายเป็นทาสคนไหนจะพอใจกับการแก้แค้นเพียงเท่านี้หรอก
…และเรื่องที่เธอกังวลก็เป็นจริงขึ้นในอีกไม่กี่วันถัดมา
ในวันนั้น ลูนามาเรียยื่นคำร้องขอถอนตัวออกจากกิลด์ และสละตำแหน่งนักผจญภัยระดับ 6 อย่างเป็นทางการ
ในตอนที่เธอถอนตัวออกไปนั้น ก็ได้มีผู้ว่าจ้างอีกหลายรายด้วยกันที่ขอตัดขาดกับทางกิลด์ไปด้วย โดยมีเหตุผลว่าพวกเขาเบื่อกับกิลด์ที่ทำภารกิจของพวกเขาไม่สำเร็จเสียที จึงอยากจะไปหาหนทางอื่นในการจัดการแทน
และหนทางอื่นที่ว่าก็คือนักผจญภัยที่ไม่ได้สังกัดกับกิลด์ กลุ่มปาร์ตี้ที่ทำการสังหารกริฟฟอน สกิลล่า และมนุษย์หมาป่าลงได้
นามนั้นคือ ดาบควันโลหิต
——–
Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟครับผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และ สามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code