การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ - ตอนที่ 70 แรงจูงใจที่แสนซับซ้อน
ตอนที่ 70 แรงจูงใจที่แสนซับซ้อน
「ขอบคุณนะโซระ ขอบคุณมากจริงๆ!」
สามวันก่อนที่ผมพามิโรสลาฟกลับมาจากเขาสกิม ทางราสก็เข้ามาขอบคุณผมซ้ำแล้วซ้ำเล่าในขณะที่สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าแต่มันก็เปี่ยมไปด้วยความขอบคุณและความโล่งใจ
สภาพของเขาดูแย่ยิ่งกว่าก่อนหน้านี้เสียอีก นี่ก็แปลว่าเขาแทบไม่ได้หลับได้นอนเลยสินะตั้งแต่ที่ผมออกไปช่วยมิโรสลาฟ
สำหรับเขาแล้ว เหตุการณ์ในครั้งนี้ก็จบลงด้วยความล้มเหลวของเขาไม่ต่างกับคราวก่อน――เขาหมดสติไปก่อนที่จะเริ่มการต่อสู้ เหมือนกับตอนราชาแมลงวัน
นอกจากนี้ นี่ก็เป็นอีกครั้งที่พวกพ้องของเขาต้องตกอยู่ในอันตรายโดยที่เขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย ผมมั่นใจว่าจิตใจของเขาคงบอบช้ำมากแน่ๆ
หลังจากเขาแน่ใจแล้วว่ามิโรสลาฟกลับมาอย่างปลอดภัย เขาก็มีความสุขมากเสียจนลืมเรื่องแย่ๆ ที่มีต่อผมไปซะหมดเลย
พอมองไปทางมิโรสลาฟ ท่าทางที่เธอแสดงออกมาให้ราสเห็นนั้นช่างดูอ่อนโยนเสียเหลือเกิน
เธอจับมือเขาด้วยใบหน้าที่แดงก่ำและน้ำตาที่คลอเบ้า ทำให้เห็นเหมือนกับภาพของหญิงสาวในห้วงแห่งรัก
ผมละสงสัยจริงๆ ว่าจะมีสักกี่คนเดาออกว่าเธอนี่แหละคือคนที่ทำให้ราสหมดสภาพไปตอนอยู่บนเขา
ในฐานะของผู้ที่รู้ความจริงเรื่องนี้ ถึงจะเป็นผมก็รู้สึกขนลุกกับการกระทำของมิโรสลาฟนะ
อย่างไรก็ตาม บางทีนี่อาจเป็นความตั้งใจจริงของมิโรสลาฟด้วยก็ได้――ผมย้อนนึกไปถึงตอนที่คุยกับเธอบนเขา
หลังจากที่ผมได้คุยกับเธอ ผมก็เข้าใจทุกสิ่งที่จอมเวทผมแดงคนนี้คิดแล้ว
ทางผมก็ไม่ติดอะไรหรอกนะเพราะยังไงผมก็จำเป็นต้องหาคนมาเพื่อกินวิญญาณนอกจากลูนามาเรียด้วย
โดยเฉพาะหลังจากผมรู้ว่าเธอได้ฆ่าพวกมอนสเตอร์บนเขาที่อันตรายนี้เพื่ออยากจะเป็นประโยชน์ผม
ซึ่งเงื่อนไขเดียวที่เธอขอ――หรือก็คือสิ่งที่เธอต้องการเพียงหนึ่งเดียว คือการที่ผมไม่ยุ่งอะไรกับราสอีก
แน่นอนว่าผมตอบตกลงไป
เพราะส่วนตัวผมก็ไม่คิดจะทำอะไรร้ายๆ กับราสอีกแล้ว
แต่ถ้าเขายังคิดจะหาเรื่องผมมันก็อีกเรื่องนะ
มิโรสลาฟก็เหมือนจะเข้าดี ผลของการสนทนาภายในปาร์ตี้ก็ทำให้ราสตัดสินใจออกจากเมืองอิชกะไป
“ฉันจะกลับไปที่บ้านเกิดแล้วเริ่มต้นทุกอย่างใหม่” นั่นคือสิ่งที่ออกมาจากปากของราสเอง แต่ส่วนตัวผมแอบคิดว่ามิโรสลาฟน่าจะมีส่วนแฮะ
พอพูดถึงมิโรสลาฟแล้ว เธอได้ขอแยกทางกับราสแล้วมาเข้าแคลนดาบควันโลหิตของผม
เธอบอกกับราสว่านี่คือการชดใช้หนี้ชีวิตของเธอ และราสก็เหมือนจะเข้าใจด้วย แต่ดูจากสถานการณ์แล้วต้องบอกว่าเขาเข้าใจมากกว่าว่าตนอยู่ในสถานการณ์ที่พูดอะไรไปก็คงไม่มีประโยชน์ แถมเขาก็ปฏิเสธไม่ได้ด้วยว่าตนคือผู้ที่ทำให้มิโรสลาฟต้องตกอยู่ในอันตรายเอง
แต่ผมก็แอบกังวลหน่อยๆ นะ
เพราะมิโรสลาฟนั้นแสดงท่าทีเป็นปรปักษ์กับผมตลอดเวลา ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ไหงเธอมาลงเอยเข้าแคลนผมได้กันล่ะ
ผมพูดได้เลยนะว่า ถึงจะเป็นราสก็น่าจะคิดแบบผมนี่แหละ
แต่ถึงเขาจะไม่คิดแบบนั้นจริงๆ คนรอบข้างเขาอย่าง――อิเรีย กิลด์มาสเตอร์ พนักงานต้อนรับกิดล์ก็น่าจะพอรู้สึกตัวแล้วอาจจะบอกอะไรกับราส
ดังนั้นการตัดสินใจของราสที่จะกลับไปบ้านเกิดอย่างเมลเท บางทีอาจจะไม่ใช่ผลดีกับผมก็ได้
เพราะที่นั่นก็มีอิเรียด้วยสิ
อันที่จริงก่อนที่ทั้งสองจะแยกทางกัน มิโรสลาฟก็บอกให้ราสไปพักที่อื่นแทนจะดีกว่า จะราสก็ตอบกลับเธอว่า “ในฐานะหัวหน้าปาร์ตี้แล้ว ยังไงฉันก็ต้องไปเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้อิเรียฟังด้วยตัวเอง” ดังนั้นมิโรสลาฟก็เลยทำอะไรไม่ได้นอกจากพยักหน้ารับ
มิโรสลาฟก็ขอโทษผมที่หว่านล้อมเขาไม่ให้กลับไปหมู่บ้านอยู่หรอก แต่ผมกลับรู้สึกยินดีมากกว่านะที่ราสกลับไป
เพราะถ้าเขาได้เจอกับอิเรียอีกครั้ง อิเรียอาจจะพูดอะไรบางอย่างกับเขาจนสุดท้ายพวกเขาคืนดีกันก็ได้
และในตอนจบ ถึงผมจะไม่สามารถแก้แค้นเธอได้แต่อย่างน้อยผมก็อาจจะได้รับสิ่งอื่นที่ยิ่งใหญ่กว่าเป็นการตอบแทน
ถ้าจะให้พูดว่าอะไร――บอกตามตรงเลยก็คือแม่ของอิเรียซึ่งเป็นนักบวชที่หมู่บ้านนั้นยังไงล่ะ
นักบวชซาร่าที่ผมเจอตอนไปหมู่บ้านเมลเท ยังทิ้งความประทับใจไม่รู้ลืมไว้บนหัวใจของผม
ก็ไม่เห็นแปลกอะไรนี่เนอะ ถ้าเด็กสาวคนนั้นจะรับหน้าที่แทนแม่ของเธอ หากอิเรียตัดสินใจอยู่กับราสที่หมู่บ้าน อุปสรรคในการหาตัวแทนนักบวชที่จะมาแทนคุณซาร่าก็หายไปด้วย นี่มันข่าวดีสำหรับผมชัดๆ
ผมกำลังคิดๆ อยู่ว่า ผมควรจะเป็นคนยื่นข้อเสนอนี้ให้กับเธอเองเลยดีไหมนะ
ก็จริงว่าผมคงไม่สามารถขอให้นักบวชซาร่าออกจากหมู่บ้านแล้วมาที่อิชกะได้ในทันที ถึงผมจะมีบุญคุณต่อหมู่บ้านเมลเทขนาดไหนก็เถอะ แต่จะให้ผมใช้ประโยชน์จากสิ่งนั้นมันก็ทำไม่ได้ด้วย…แถมมันคงทำให้ผมตกต่ำน่าดูหากต้องมาใช้บุณคุณนั้นในการพาตัวเธอมา
ส่วนตัวผมก็ไม่อยากจะผูกมัดเธอไว้ด้วยบุญคุณอะไรพวกนี้ด้วย ผมอยากจะให้เธอยิมยอมมันด้วยตัวเอง
เอาเป็นว่าขั้นแรก ชวนเธอมาที่บ้านผมก่อนจะดีไหมนะ?
เพราะเธอเคยทำอาหารให้คราว โซราสกินมาก่อนด้วย ผมน่าจะใช้ข้อแก้ตัวนี้ในการเชิญเธอมาได้อย่างเป็นธรรมชาตินะ จริงสิไอ้เจ้าเด็กสามหน่อนั่นด้วย
แต่ถ้าจะให้ขึ้นคราว โซราสทั้งหมดพร้อมกันก็เป็นไปไม่ได้ซะด้วย และถ้าจะไปกลับพาเด็กพวกนั้นมาหลายรอบก็เสียเวลาอีก แล้วผมจะทำยังไงดีนะ…เอาเถอะไว้ค่อยๆ คิดก็แล้วกัน หนทางยังอีกยาวไกล
◆◆◆
หลังจากเรื่องของดาบฮายาบูสะจบลง สิ่งที่ผมต้องจัดการเป็นเรื่องถัดไปก็คือชีล
ผมได้เดินทางไปเยี่ยมพ่อค้าทาสฟีโอดอร์พร้อมกับชีลและลูนามาเรีย
「ผมจะถอดปลอกคอทาสของพวกเธอออกแล้วนะครับ ท่านโซระมั่นใจแล้วใช่ไหม? 」
พ่อค้าทาสจ้องมองผมราวกับอยากถามความตั้งใจอีกครั้ง ซึ่งพวกผมตอนนี้อยู่ภายในห้องหนึ่งของอาคารสหภาพ
ผมพยักหน้ารับไปด้วยความมั่นใจ
「ฝากด้วยล่ะ」
「เข้าใจแล้วครับ ถ้าเช่นนั้น――」
ฟีโอดอร์แตะเข้าไปที่ปลอกคอทาสของชีลและลูนามาเรีย ก่อนจะร่ายอะไรบางอย่าง
จากนั้นปลอกคอทาสของทั้งสองก็หลุดออกมาจากคอของพวกเธอ
ชีลแสดงท่าทางกระวนกระวายอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะกะพริบตาไปมา ส่วนทางลูนามาเรียก็ใช้มือแตะคอของเธอราวกับไม่รู้จะตอบสนองยังไงดี
ส่วนฟีโอดอร์ก็มีรอยยิ้มที่สดใสขณะมองไปยังทั้งสองสาว
「ปลอกคอก็ถูกถอดออกไปแล้ว นอกจากนี้ชื่อของพวกเธอก็จะถูกลบออกจากทางสหภาพของเรา ท่านลูนามาเรีย ท่านชีล ขอแสดงความยินดีด้วยครับ」
เพื่อตอบสนองต่อคำแสดงความยินดีที่เกินจริงของฟีโอดอร์ ทั้งสองก็พยักหน้าให้ด้วยสีหน้าปั้นยาก
ถึงแม้ตัวพ่อค้าทาสจะเป็นคนพูดเองกับปากของตนว่าพวกเขาถูกปลดปล่อยจากการเป็นทาสแล้ว แต่ใจจริงของพ่อค้าทาสคงไม่คิดแบบนั้นหรอกดูเป็นการประชดประชันแปลกๆ เลยแฮะ
นอกจากนี้ประโยคที่ว่า “ชื่อของพวกเธอถูกลบออกจากทางสหภาพ” นั้นก็มีความหมายเชื่อมโยงไปถึงปลอกคอที่พวกเธอสวมตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา
ตามที่ผมเคยบอกไปว่าปลอกคอทาสมันเป็นของที่ถูกร่ายมนตร์ไว้หลายมนตร์
การที่ผมสามารถได้ลูนามาเรียมาเป็นทาสก็ต้องขอขอบคุณทางสหาภาพที่ช่วยจัดหาปลอกคอทาสมาตามความต้องการของผม
ตรงจุดนี้ ประโยชน์ที่ผมได้รับก็คือตัวปลอกคอทาส แล้วอีกฝั่งล่ะจะได้รับอะไรเป็นการตอบแทน คำตอบนั้นก็คือพวกเขาสามารถจัดการกับทาสของผมตามความสะดวกได้หลังจากผมตายไป
หรือก็คือ หากผมตายขึ้นมาแล้วผมมีทาสติดตัวไว้อยู่ ลูนามาเรียที่เป็นทาสของผมจะไม่ได้รับการปลดปล่อยและจำเป็นต้องกลายเป็นทาสของทางสหภาพ
เพราะงั้นแหละพวกเขาก็เลยให้ผมยืมปลอกคอทาสที่แสนล้ำค่าได้ตามสะดวก
แล้วมันก็เป็นเหตุผลเดียวกันกับที่ผมต้องการเอาปลอกคอทาสนี้ออก ผมเคยบอกไปแล้วนี่เนอะว่าผมต้องการยืนยันบางอย่างกับชีลด้วย เพราะบางทีเธออาจจะอยากให้ผมกินวิญญาณเธอเพียงเพราะได้รับอิทธิพลจากการเป็นทาสก็ได้ ดังนั้นผมก็เลยปลดปล่อยเธอจากการเป็นทาสดู แล้วมาวัดกันว่าเธอจะคิดเหมือนเดิมไหม
ส่วนลูนามาเรีย พูดตามตรงว่าผมแค่ปล่อยให้เธอตามที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ไม่เสียหายอะไรหรอก
ทว่า หากลูนามาเรียยังคงเป็นทาสอยู่แบบนี้สุดท้ายมันก็จะกลายเป็นหนามทิ่งแทงใจของราสไม่จบสิ้น ดังนั้นนี่ก็เป็นโอกาสดีที่ผมจะเอาหนามนี้ออกไป ซึ่งมันน่าจะช่วยลดความแค้นที่ราสมีต่อผมได้ดีด้วย
นอกจากนี้หากถึงตอนที่ผมเชิญนักบวชซาร่ามาที่บ้าน แล้วเธอเห็นชีลกับลูนามาเรียสวมปลอกคอทาสอยู่ภาพลักษณ์ของผมที่มีต่อเธอคงพังยับแน่
แถมเธออาจจะปฏิเสธการร่วมแคลนกับผมเนื่องจากผมเป็นพวกชอบกดขี่คนอื่น เป็นไปได้ผมก็อยากจะเลี่ยงมัน
ผมก็ไม่คิดหรอกนะว่าลูนามาเรียจะต่อต้านผมหลังจากจบเรื่องนี้ แต่ก็ถือว่าใช้โอกาสนี้ในการพิสูจน์ไปเลยแล้วกัน
พอปลดปล่อยทั้งคู่จากการเป็นทาสแล้ว สิ่งต่อไปที่ต้องทำก็คือเตรียมตัวต้อนรับคลอเดีย
“เห้อ ให้ตายสิยุ่งชะมัดเลยน้อ” ――พอผมบ่นปนตลกออกมา ทางมิโรสลาฟก็เล่าเรื่องที่น่าสนใจขึ้นมา
เธอบอกกับผมว่ากิลด์มาสเตอร์สาขาฮอรัสต้องการจะพบกับผม
———
Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code