การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ - ตอนที่ 81 เลือดไม่พอใช้
ตอนที่ 81 เลือดไม่พอใช้
「คุณโซระคะ มีบางอย่างที่ฉันอยากจะถามคุณหน่อยค่ะ」
นี่ก็ผ่านไปได้สามวันแล้วตั้งแต่ที่ผมเอายารักษาให้อิเรียดื่ม นักบวชซาร่าได้เดินเข้ามาถามบางอย่างกับผม
แต่ผมก็ไม่ได้ยินเสียงของเธอในตอนแรก
นั่นก็เป็นเพราะผมกำลังถูกบางอย่างดึงดูดความสนใจเอาไว้อยู่
ยารักษาที่อิเรียดื่มไปเมื่อสามวันก่อนมันได้ผลจริง แถมยังช่วยจัดการรักษาอาการที่ได้รับมาจากพิษจนหมด
ทุกอย่างมันก็ดำเนินมาได้ด้วยดีหรอก จนกระทั่งวันนี้แหละ อาการของเธอก็กลับมาเหมือนเดิม
ด้วยเรื่องดังกล่าวมันมีผลกระทบหนักมากพอจนทำให้ผมต้องมานั่งคิดมากจนไม่ได้ยินเสียงของนักบวชที่เรียกผม
และแล้ว――
「……โฮ่ยยย? 」
ผมไม่รู้สึกตัวเลยจนกระทั่งแก้มของผมถูกจับเอาไว้อยู่
ผมได้แต่กะพริบตาปริบๆ เมื่อเห็นนักบวชผมสีดำกำลังยืนอยู่ตรงหน้าผมด้วยท่าทางที่จริงจัง ขณะที่มือทั้งสองข้างของเธอกำลังบีบแก้มผมอยู่
หากเป็นในมุมคนนอกมาเห็นภาพนี้พวกเขาคงคิดว่าพวกเรากำลังมีสัมพันธ์อะไรกันสักอย่าง
จากนั้นเธอก็เอามือออกไปจากแก้มของผม ผมจึงถามเธอถึงสาเหตุที่เธอมาหาผมโดยเอามือลูบแก้มสองข้างของตัวเองไปด้วย
「…เอ่อ คือว่า..คุณนักบวชทำอะไรผมครับเนี่ย? 」
「ก็เพราะคุณไม่ตอบสนองอะไรเลยนี่คะ ฉันก็เลยต้องใช้กำลังนิดหน่อย」
「เอ๋ คุณพูดอะไรกับผมด้วยเหรอ? ขอโทษด้วยนะครับพอดีผมกำลังคิดอะไรอยู่..」
ดูเหมือนว่าผมจะตกอยู่ในห้วงความคิดมากไปจนไม่รู้สึกถึงคนที่อยู่ตรงหน้าของผม นั่นทำให้ผมต้องรีบขอโทษเธอที่แสดงความหยาบคายออกมา
โชคดีที่เธอยอมรับคำขอโทษของผมด้วยรอยยิ้ม
และเนื่องจากความสูงของเธอนั้นต่ำกว่าผมไปประมาณครึ่งหัวผม ดังนั้นเมื่อเธอจ้องมองใบหน้าของผมในระยะใกล้ เธอจำเป็นต้องเงยหน้าขึ้นมานิดหน่อย
คงไม่ต้องบอกนะว่าเธอมีเสน่ห์ขนาดไหนพอยิ้มในตำแหน่งนี้ ไม่ได้สิๆ อยู่ดีๆ ไอ้ความคิดแบบนี้ก็ผุดขึ้นมาในหัวเฉยเลย ต้องรีบจัดการเอามันออกไปก่อนๆ
「แล้วมีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่าครับ? 」
「พอดีฉันมาเรื่องอยากจะถามคุณหน่อยค่ะ」
นักบวชซาร่าตอบกลับผมด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง หลังจากนั้นเธอก็เปลี่ยนไปเป็นน้ำเสียงเหมือนอยากจะขอโทษซะงั้น
「แต่ว่าถ้าคุณยังไม่สะดวกไว้เราคุยกันทีหลังก็ได้นะคะ ดูคุณเหนื่อยๆ ด้วย ยังไงคุณก็เดินทางไปมาระหว่างเมืองอิชกะบ่อยเลยนี่คะ」
ก็เหมือนกับที่นักบวชเธอบอก ผมได้เดินทางไปมาระหว่างหมู่บ้านกับเมืองอิชกะ 2 รอบได้ในช่วง 3 วันที่ผ่านมา
อย่างแรกก็คือการตรวจสอบสถานการณ์เกี่ยวกับการคลุ้มคลั่ง นอกจากนี้ก็เป็นเรื่องที่ต้องแจ้งสำนักงานของเมืองเกี่ยวกับพิษของไฮดรา
นักบวชเธอคงเป็นกังวลเกี่ยวกับสภาพร่างกายของผม เพราะเธอก็ทราบถึงเรื่องที่ผมทำดี
ผมละรู้สึกขอบคุณความใจดีของเธอจริงๆ แต่บอกตามตรงว่าการเดินทางไปมาระหว่างหมู่บ้านกับเมืองอิชกะมันไม่ได้สร้างภาระอะไรมากกับผมเลย
ที่ผมกังวลจริงๆ น่ะคือเรื่องอิเรียต่างหาก
◆◆◆
ยารักษาได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นแล้วด้วยเลือดของผมจนทำให้สามารถต้านพิษของไฮดราได้พักหนึ่ง แต่หลังจากผ่านไป 3 วันอาการของมันก็กลับมาอีก
ถึงมันจะได้ผล แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้หายขาดได้ ――หากมองในมุมนี้มันก็ไม่ต่างอะไรกับยารักษาหรือเวทมนตร์ที่ใช้ในการช่วยเหลือเธอก่อนหน้านี้นัก
ถ้าจะให้ต่างก็คงเป็นเรื่องที่ของพวกนั้น ขอแค่ครึ่งวันก็ทำให้อาการกลับมาเหมือนเดิมแล้ว ดังนั้นจึงสามารถพูดได้ว่าของผมเป็นอันที่พัฒนามาดีแล้วจนทำให้ต้านพิษได้ถึง 3 วัน
หากคิดง่ายๆ ก็แปลว่าผมต้องทำการสร้างยาให้เธอประมาณ 10 ขวดต่อเดือน ถ้ามียาถึงขนาดนั้นต่อให้โดนพิษของไฮดราไปคนโดนก็ยังสามารถมีชีวิตต่อไปได้สบายๆ
พอฟังแบบนี้อาจจะมองว่าเป็นข่าวดีก็ได้
แต่ว่าหากไอ้เจ้านี่มันได้ผลน้อยลงเรื่อยๆ หลังจากการใช้ซ้ำล่ะ สุดท้ายมันจะไม่ต่างอะไรกับของก่อนหน้านี้เลยหรือไง เพราะยารักษากับเวทก่อนหน้านี้ก็เป็นเหมือนกัน
ดังนั้น จุดที่พวกผมอยู่จึงห่างไกลมากกับตัวยาที่สมบูรณ์จริงๆ แต่อย่างน้อยก็คงไม่จำเป็นต้องกังวลถึงอนาคตอันใกล้นี้เท่าไรนัก
จากที่ผมเห็นเช้านี้ อาการช้ำ บวม และ เหี่ยวย่นของอิเรียได้บรรเทาลงบ้างแล้ว ใบหน้าของหญิงสาววัยนี้ก็สำคัญเท่าชีวิตเลยนี่นะ เอาเถอะเห็นแบบนี้ก็โล่งใจไปอีกเรื่อยหนึ่ง
แต่บอกไว้ก่อนนะว่าไม่ใช่เพราะอิเรีย ผมโล่งใจเพราะทำให้แม่ของเธออย่างนักบวชซาร่ากับพวกเด็กๆ สบายใจต่างหาก
――ก็ถือว่าจบได้ดีอยู่มั้ง
แต่ก็นั่นแหละปัญหาอื่นมันก็มักจะตามมาเสมอพอเรื่องหนึ่งจบไป
คนที่ติดพิษไฮดราเข้าไป ต้องใช้ยาประมาณ 10 ขวดต่อเดือน ก็แปลว่า ปีหนึ่ง ต้องใช้ 120 ขวด
แถมไอคนที่ป่วยก็ใช่จะมีแค่อิเรียเสียหน่อย
ตอนนี้มีคนอื่นอีก 5 คนในหมู่บ้านที่เริ่มแสดงอาการเหมือนกับอิเรีย นั่นก็หมายความว่าเดือนหนึ่งผมต้องทำยา 60 ขวด ปีหนึ่งก็ 720 ขวด
ยาทั้งหมด 720 ขวดจำเป็นต้องผสมเลือดผมเข้าไปด้วย
แถมไอ้ที่บอกไปคือขั้นต่ำด้วยนะ
เหมือนที่ผมบอกไปก่อนหน้านี้ ยารักษาใหม่สามารถยับยั้งพิษได้ประมาณ 3 วัน แต่ถ้าเกิดว่าผลของมันน้อยลง ก็แปลว่าปริมาณยาที่ต้องใช้เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้พิษพวกนี้ก็ไหลไปตามน้ำ นั่นก็หมายความว่าจำนวนผู้ป่วยย่อมไม่หยุดเพียงเท่านี้
นี่ขนาดว่าหมู่บ้านเมลเทเป็นหมู่บ้านแถวปลายน้ำนะ ผู้ป่วยยังมีประมาณนี้ ไม่อยากจะคิดว่าถ้าเป็นแถวต้นน้ำจะมากขนาดไหนอีก
หากผมต้องการจะช่วยทุกคนที่ป่วย จำนวนยาที่ผมต้องทำก็คงปาไปเป็นหมื่นสองหมื่นต่อเดือนได้ แล้วคิดดูว่าเลือดที่ผมต้องใช้ในการทำยาจะมากขนาดไหน
――พูดง่ายๆ ก็ไอ้นี่แหละปัญหาใหม่ ผมไม่มีเลือดพอจะทำอะไรได้มากขนาดนั้นหรอกนะเออ
แถมถ้าไม่มีเลือดผม ยารักษาตัวใหม่นี่ก็สร้างไม่ได้ด้วยสิ
แล้วผมจะทำยังไงดีล่ะ? คือผมก็กังวลหรอกนะ――แต่มันก็ไม่ได้กังวลถึงขนาดคิดหนักเพราะผมก็ไม่อยากจะช่วยทุกคนจนต้องสละตัวเองจนแห้งเป็นมัมมี่หรอก
สำหรับหมู่บ้านเมลเทแล้ว ที่ผมต้องการก็มีเพียงแค่นักบวชซาร่ากับเจ้าสามหน่อนั่น แน่นอนว่าอิเรียก็คงต้องเอาไปด้วยเพราะจะให้ผมทิ้งเธอต่อหน้านักบวชกับพวกเด็กๆ ได้ที่ไหน นอกจากนี้ก็คงเป็นราสเนื่องจากผมสัญญากับมิโรสลาฟไว้ด้วยสิ
ส่วนชาวบ้านที่เหลือ…ว่าตามตรงขอโทษทีละกันแต่ผมไม่จำเป็นต้องมารับผิดชอบอะไรนี่
ก็จริงว่ารอบนี้ผมคงจะช่วยพวกเขาได้จากยาที่ผมเอามา แต่พวกเขาก็ควรจะหาทางออกในอนาคตเผื่อไว้ด้วยแล้วกัน
ว่ากันตามตรง สุดท้ายพวกชาวบ้านก็คงไม่ยอมหรอก พวกเขาก็คงจะโวยวายว่าทำไมถึงช่วยแต่อิเรียคนเดียว
สิ่งที่รออยู่ก็คงเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ของผู้คน จนมันกลายไปไฟลามทุ่มแน่
แค่ผมคนเดียวน่ะไม่ได้สนใจหรอกว่าพวกเขาจะพูดอะไร…แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่มีคนได้รับผลกระทบจากเรื่องดังกล่าวนอกจากผม
เป้าหมายที่เป็นไปได้มากที่สุดก็คือนักบวชซาร่าแห่งวิหารเทพกฎหมายแม่ของอิเรีย จากจุดที่เธอยืนอยู่เธอคงหลบไม่พ้นเสียงพวกนี้อยู่แล้ว
――ทั้งที่เป็นนักบวชแห่งวิหารกฎหมายแท้ๆ คงยินดีมากเลยสินะที่มีแค่ลูกสาวตัวเองคนเดียวที่รอด?!
หากเธอถูกต่อว่าแบบนั้น ผมคงทนไม่ไหวแน่
และถึงผมจะเป็นคนบอกพวกเขาว่านักบวชซาร่าไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย สุดท้ายพอถึงจุดหนึ่งใครจะไปยอมฟังเรื่องเหตุผลกัน แย่สุดก็คงจะเป็นพวกเด็กๆ โดนลากเข้ามาเอี่ยว
วิธีการแก้ปัญหาให้เร็วที่สุดก็คงจะเป็นพาพวกเขาไปที่เมืองอิชกะ แถมผมก็มีข้อแก้ตัวที่พอฟังขึ้นแล้วด้วย
นั่นคือการรวบรวมกำลังพลไปรับมือกับมอนสเตอร์ที่คลั่ง
สำหรับผมที่เคยช่วยเหลือหมู่บ้านเมลเทเอาไว้เยอะ หากผมหาเหตุผลดีๆ มาบอก พวกเขาก็คงไม่สามารถปฏิเสธผมได้หรอก เรื่องนี้ก็น่าจะช่วยทำให้อิเรียกับนักบวชซาร่าออกหมู่บ้านได้
สุดท้ายนักบวชซาร่ากับพวกเด็กๆ ก็ไม่น่าจะถูกบ่นอะไรได้ด้วย
หากทุกอย่างเป็นไปตามนี้ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรอีก――แต่ก็นั่นแหละปัญหามันยังไม่ได้รับการแก้ไข
นั่นก็เป็นเพราะนักบวชซาร่าคงไม่เห็นด้วยกับความคิดของผมนี่สิ
หากเธอได้ฟังแผนทั้งหมดของผม ผมมั่นใจเลยว่าเธอต้องปฏิเสธ
เธออาจจะมอบความไว้วางใจให้กับผมแล้วเลือกจะอยู่ที่หมู่บ้านต่อ แถมเธอคงไม่สนใจด้วยถึงผมจะบอกเธอว่า เธออาจจะถูกพวกชาวบ้านจับเป็นแพะในเรื่องนี้ ผมมั่นใจเลยว่าเธอจะต้องไปเผชิญหน้ากับพวกชาวบ้านแล้วพยายามบอกความจริงพวกเขา สุดท้ายเธอก็จะรับผลความโกรธส่วนของผมจากชาวบ้านด้วย
ผมจะต้องทำยังไงเพื่อไม่ให้เกิดเรื่องพวกนี้ขึ้นดี――นั่นแหละปัญหาใหญ่สุดๆ เลย
พอพิจารณาจากนิสัยของนักบวชซาร่าแล้ว เธอคงไม่สามารถอยู่เฉยๆ ได้แน่หลังจากรู้เรื่องทั้งหมด
หรือผมควรจะปิดบังเรื่องพวกนี้กับเธอต่อไปดีนะ….แต่ก็คงยากอยู่ดี เพราะสุดท้ายเดี๋ยวเรื่องก็คงหลุดออกมาเอาสักวัน
หรือว่าผมควรจะใช้เรื่องที่ผมมีบุญคุณต่ออิเรียในการบังคับเธอดีนะ?
หากเธอกลายเป็นทาสของผมเหมือนกับลูนามาเรีย ถึงเธอจะรู้ความจริงผมก็ยังสามารถพอเธอกลับไปเมืองอิชกะด้วยได้
…แต่ก็นะ ราคาที่ต้องแลกก็คือความเกลียดชังจากเธอทั้งชีวิต
อึก…แค่คิดก็สยองแล้ว หัวใจของผมมันเจ็บปวดจริงๆ นี่ขนาดแค่จินตนาการนะ การกระทำแบบนี้มันผิดจริงๆ นั่นแหละ
ผมได้แต่ตัวสั่นเมื่อนึกถึงความคิดอันแสนชั่วร้ายที่ซ่อนอยู่ภายในใจ
◆◆◆
กลับมาที่เรื่องผมไม่รู้สึกตัวเมื่อนักบวชซาร่าเรียกแล้วกัน
ผมได้เก็บซ่อนความคิดทุกอย่างเอาไว้และตอบเธอกลับไป
「ขอบคุณที่เป็นห่วงนะครับ แต่ผมไม่เป็นไรหรอก แล้วมีอะไรอยากจะถามเหรอครับ? 」
「อันที่จริง…คือเรื่องเมื่อวันก่อนที่คุณบอกฉันว่า ยารักษาตัวใหม่มันมีเลือดมังกรผสมอยู่」
「อ๋อ เรื่องนั้นเองเหรอครับ」
「ดูจากอาการของอิเรียแล้ว ดูเหมือนเธออาจจะจำเป็นต้องใช้ยานี้อีกเยอะเลยค่ะ…ก็เลยสงสัยว่าคุณเหลือเลือดมังกรอยู่อีกเท่าไหร่กัน? 」
「คือว่า……」
ผมไม่รู้จะพูดอะไรออกไป คาดไม่ถึงเลยแฮะว่าเธอจะคิดเรื่องเดียวกันกับผม ไม่สิหากเป็นสถานการณ์ในตอนนี้ไม่ว่าใครก็คงต้องคิดว่าจำนวนยารักษาจะเหลืออยู่เท่าไหร่กัน
แล้วผมจะตอบเธอกลับไปว่าอะไรดีล่ะ?
ก็คงรู้กันอยู่แล้วเนอะจากที่เธอถามผมว่าเธอไม่รู้ถึงเรื่องที่เลือดของผมนี่แหละคือเลือดมังกรที่ว่า
เนื่องจากข้อมูลทั้งหมดมันเกี่ยวข้องโดยตรงกับอนิม่าของผมและอาภรณ์วิญญาณ ผมจึงไม่มีเหตุผลต้องบอกความจริงเรื่องนี้กับใครถึงจะเป็นเธอก็เถอะ
ดังนั้นผมคงจำเป็นต้องโกหกเธอต่อไป จะบอกว่ามันพอแค่สำหรับอิเรียดีไหมนะ
แต่ไม่นานเดี๋ยวความจริงก็คงปรากฏอยู่ดี ถ้าผมโกหกเธอไปตอนนี้ เธอคงรู้สึกผิดหวังเอามากๆ แน่ ไม่อยากจะให้เธอมองผมด้วยสายตาแบบนั้นเลยน้า
――เฮ้อ หรือควรจะบอกทุกอย่างไปเลยดีนะ
ความคิดนี้ได้ผุดขึ้นมาในหัวของผม จะคิดอะไรมากไปก็ไม่ดีแฮะ
หากผมบอกความจริงกับเธอ อย่างน้อยเธอก็คงจะไม่เกลียดผมเท่าเมื่อรู้ความจริงในอนาคตหรอก นอกจากนี้ปัญหาเรื่องที่เลือดไม่พอใช้เธออาจจะช่วยเหลืออะไรด้วยก็ได้
สำคัญที่สุดก็คือแทนที่จะถูกมองว่าเป็นคนเลือดเย็นที่พร้อมทิ้งคนอื่นได้ตลอด ผมจะกลายเป็นคนที่กล้าหาญ เสียสละตัวเองเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น แบบนี้คงได้ค่าความชอบจากเธอพอสมควร
สุดท้ายเพื่อการแก้ไขปัญหาที่ตามมาจากนี้บางทีผมอาจจะพาเธอเข้าแคลนมาด้วยได้
เอาวะ มาลองกันสักตั้งดู พยายามช่วยเท่าที่ไหวไม่ต้องไปคิดอะไรมาก หากสุดท้ายมันเกิดมือไปจริงๆ ก็ค่อยตัดปัญหาให้จบๆ ไปเท่านั้นเอง
พอตัดสินใจได้แบบนี้ ผมก็รู้สึกสบายใจจนน่าประหลาด แต่ดูเหมือนผมจะไม่รู้สึกตัวเลยแฮะว่าการที่ตัวเองคิดจะละทิ้งคนอื่นนอกจากอิเรียมันจะวุ่นวายอยู่ในใจของผมได้มากขนาดนี้
หรือเพราะจิตใจของผมจริงๆ จะเป็นคนดี――อ๊ะ ไม่อ่ะ สุดท้ายผมมันก็แค่คนขี้ขลาดคนหนึ่ง
ในขณะคิดเรื่องพวกนี้อยู่ ผมก็ทำการเปิดปากบอกทุกอย่างกับนักบวชซาร่าไป
———
Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code