การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ - ตอนที่ 89 โซระปะทะสองพี่น้อง (บทต้น)
ตอนที่ 89 โซระปะทะสองพี่น้อง (บทต้น)
ไวเวิร์นครามกำลังกระพือปีกอย่างรุนแรงเหนือท้องฟ้าเมืองอิชกะ
ในวินาทีนั้นเอง ดวงอาทิตย์ก็ได้ถูกบดบังลับสายตาไคลอาไป
ร่างของมันใหญ่พอจะที่บดบังดวงอาทิตย์ในมุมที่เธอยืนอยู่ได้เลย และไม่นานนัก ไคลอาก็เห็นว่ามีเงาหนึ่งได้กระโดดลงมาจากหลังของไวเวิร์น
ทั้งที่ไวเวิร์นตนนั้นกำลังบินอยู่เหนือท้องฟ้าเมืองอิชกะในจุดที่สูงเอามากเกินกว่าที่จะกระโดดลงมาเฉยๆ ได้ เป็นไปไม่ได้เลยที่คนธรรมดาจะปลอดภัยจากความสูงระดับนั้น
แต่หากเป็นผู้ที่ฝึกฝนวิชาของมายาดาบเดียวซึ่งสามารถใช้คิได้แล้วละก็..
แม้แต่ตัวไคลอาเองก็คงจะลงมาถึงพื้นได้โดยไม่มีปัญหาอะไร แน่นอนว่าคลิมกับโกซุก็ด้วย
และร่างที่กำลังลงมาจากท้องฟ้านั้นก็ย่อมเป็นคนที่ไม่ต่างอะไรกับพวกตน
ตึก
เสียงที่ลงมาสู่พื้นนั้นช่างเบาหวิว แม้จะเป็นความสูงที่มากแสดงให้เห็นว่าคนผู้นั้นเป็นผู้ใช้คิที่มีเลเวลมากพอสมควร
และชายหนุ่มก็ได้ลงมาสู่พื้นโดยยืนอยู่ระหว่างจุดที่จอมเวทสาวล้มลงไปกับกลุ่มของไคลอาทั้งสามคน ชายหนุ่มคนนี้มีเส้นผมสีดำ
และก็มีใบหน้าที่เธอคุ้นเคย
ใบหน้าของเขาดูสมบูรณ์และเฉียบคมยิ่งกว่า โซระที่เธอรู้จักตอน 5 ปีก่อนที่มักจะเอาแต่เดินก้มหน้าระหว่างเดิม แต่มันก็เพียงพอจะให้เธอจำเขาได้อยู่แล้ว
「…… คุณโซระ」
เธอเผลอพูดออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบาจนยากจะได้ยินและเสียงดังกล่าวก็หายไปในอากาศ
แต่ไคลอาก็มั่นใจว่าโซระต้องได้ยินเธอ แต่เขาเลือกที่จะไม่ตอบสนองอะไร
พอเขาจ้องมองมายังทั้งสามคน เขาก็หันหน้ากลับไปหามิโรสลาฟที่ล้มอยู่กับพื้น
「มาส-ตะ」
「ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว」
เขาหยุดมิโรสลาฟที่กำลังพยายามพูดอะไรออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา จากนั้นโซระดึงแขนเสื้อของตนออกแล้วใช้ฟันของเขากัดเข้าไปที่แขนของตัวเอง
「……*ฉึก*」
เขากัดมันลงไปอย่างไม่ลังเล
หลังจากนั้นเขาก็พ่นเศษเนื้อบริเวณแขนของเขาออกมาจากปาก แล้วเช็ดบาดแผลเล็กน้อยก่อนจะเขาก็อุ้มเอามิโรสลาฟเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนตัวเองแล้วนำเลือดที่เหลืออยู่ภายในปากของตนประกบเข้าไปกับริมฝีปากของมิโรสลาฟ
――ไม่นานนักก็มีเสียงกลืนของบางอย่างเกิดขึ้นในลำคอของมิโรสลาฟ
สุดท้ายริมฝีปากของทั้งสองก็ผละออกจากกัน ทำให้เห็นว่าปากของทั้งคู่กลายเป็นสีเลือดสดไปแล้ว
「มาสเตอร์คะ ศัตรูกำลังตามล่าซูซูเมะอยู่ค่ะ โดยตอนนี้เธออยู่ข้างในกับชีล」
มิโรสลาฟสามารถพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจนมากกว่าเดิมหลายเท่า
โซระก็พยักหน้ารับ ก่อนจะใช้แขนเสื้อเช็ดปากของตน แล้วปากของมิโรสลาฟด้วยผ้าเช็ดหน้าที่นำออกมาจากในกระเป๋า
จากนั้นเขาก็เริ่มพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
「ที่ปกป้องทั้งสองมาได้นานขนาดนี้ทำได้ดีมาก ขอบคุณเธอจริงๆ 」
「……ฉันไม่คู่ควรกับคำพูดนั้นหรอกค่ะ……」
น้ำเสียงของมิโรสลาฟสั่นขึ้นมา ไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะความเจ็บปวดหรือความสุขกันแน่นะ?
จากนั้นเธอก็พยายามหลับตาลงแน่นเพื่อระงับอารมณ์ที่กำลังพลุ่งพล่านไว้
จากนั้นเขาก็เริ่มบอกข้อมูลของแขกที่ไม่ได้รับเชิญพวกนี้ต่อ
「ได้โปรดระวังตัวด้วยนะคะ คนพวกนี้……」
แข็งแกร่ง มิโรสลาฟกำลังจะพูดคำนั้นออกมา แต่โซระก็ตัดบทเธอเสียก่อนด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่ง
「ไม่เป็นไรหรอก ที่สำคัญตอนนี้ฉันพาอิเรียกับแม่ของเธอมาด้วย เดี๋ยวพวกเธอจะมาช่วยดูแลเธอต่อเอง ดังนั้นอดทนรออีกนิดนะ」
「….เข้าใจแล้วค่ะ ขอให้คุณปลอดภัย」
หลังจากที่โซระพยักหน้าตอบเธอ เขาก็ถอดเสื้อท่อนบนของเขาออกแล้วปูลงกับพื้นก่อนจะวางร่างของมิโรสลาฟลงไป
พอเสร็จงานเขาก็ยืนขึ้น
แล้วเขาก็ค่อยๆ ดึงเอาดาบสีดำออกมาจากเอว เสียงการเสียดสีจากปลอกดาบดังไปทั่วบริเวณ
◆◆◆
「ได้โปรดรอเดี๋ยวก่อนครับ นายน้อย ข้ามีอะไรที่อยากจะคุยกับท่านเสียก่อน」
「คุย? 」
ทั้งที่อยู่ในบรรยากาศที่รุนแรงเต็มไปด้วยจิตต่อสู้ โกซุกลับเป็นฝ่ายอยากคุยกับเขาก่อน
ทันทีที่ได้ยิน โซระก็เม้มฝีปากพูดขึ้นมาราวกับตนได้ยินเรื่องตลกเข้าแล้ว
「มันยังจะเหลือเรื่องอะไรให้คุยกันอีก ในเมื่อนายเข้ามาในบ้านฉันแล้วทำพวกพ้องฉันบาดเจ็บขนาดนี้? 」
「ความโกรธของท่านนั้นย่อมสมเหตุสมผลดี ทว่าความจำเป็นในการสังหารคิจินตนนั้นจึงทำให้พวกเราเลี่ยงเหตุการณ์นี้ไม่ได้ครับ」
「อ๋อ ก็คือเพื่อที่จะฆ่าคิจินที่ไม่รู้แม้กระทั่งวิธีต่อสู้ นายก็เลยเลี่ยงไม่ได้ที่จะใช้อาภรณ์วิญญาณสินะ แถมยังเป็นนักรบจากธงแห่งผืนป่าตั้งสามคนซะด้วย」
โซระมองไปยังโกซุและพี่น้องตระกูลเบิร์ช ก่อนจะส่งเสียงพูดออกมา
คลิมพยายามจะสวนกลับไปด้วยความโกรธแต่ก็ถูกไคลอาหยุดเอาไว้
โกซุที่ได้ยินที่โซระพูดก็ถึงกับขมวดคิ้ว
มันไม่ใช่เพราะเขาโกรธเหมือนกับคลิม แต่เป็นเพราะการแสดงออกของโซระมันทำให้เห็นถึงปัญหาบางอย่างที่ตนไม่อาจจะมองข้ามไปได้
「นี่ท่านกำลังตั้งใจจะปกป้องคิจินตนนั้นอยู่เหรอครับ」
เขาก็ได้ยินมาก่อนหน้านี้จากลิดเดลแล้วว่าโซระกำลังดูแลคิจินตนนั้นอยู่
ทว่าโกซุก็ไม่อยากจะปักใจเชื่อ เขาคิดด้วยซ้ำว่าบางทีโซระอาจจะไม่รู้ก็ได้ว่าคนที่เขาดูแลอยู่เป็นคิจิน เธออาจจะใช้เวทหรือไอเทมอะไรบางอย่างเพื่อเปลี่ยนรูปร่างของเธอก็ได้
ทว่าจากสิ่งที่เขาพูดออกมาตอนนี้ก็ชัดแล้วว่าเขารู้ถึงตัวตนของคิจินสาว นั่นทำให้โกซุรู้สึกตกใจไม่น้อย
เพราะโซระไม่สามารถสอบผ่านพิธีทดสอบได้ เขาจึงไม่มีทางรู้ว่าเบื้องหลังประตูปีศาจเป็นเช่นไรและมีอะไรเกิดขึ้นเมื่อ 300 ปีก่อนกันแน่ ดังนั้นเขาคงไม่รู้หรอกว่าจริงๆ แล้วคิจินเป็นตัวตนแบบไหน ทว่าถึงเขาจะไม่รู้ก็ตาม―
「นี่นายน้อยลืมหลักการของตระกูลมิตสึรุกิอย่างการฆ่าพวกปีศาจและผนึกเหล่าเทพมารไปแล้วเหรอครับ? 」
「ไอ้จำมันก็ได้หรอก แต่ทำไมฉันต้องทำตามมันด้วยล่ะ」
「นายน้อย!」
「ทำไมคนที่ถูกเนรเทศออกจากตระกูลมายังต้องมาสนใจหลักการบ้าบออะไรนั่นอีกล่ะ? อีกอย่างนายเองก็ขัดคำสั่งของผู้นำตระกูลโดยยังเรียกฉันว่า”นายน้อย”อยู่เลยนี่ แล้วนายจะมีสิทธิ์อะไรมาสอนฉันกันหา? 」
「อึก..เรื่องนั้น…」
โกซุพูดอะไรไม่ออกพอโดนโซระจี้จุด
จากนั้นโซระก็พูดออกมาอย่างตรงไปตรงมา
「ฉันไม่ใช่คนของมิตสึรุกิอีกแล้ว และนายก็ไม่ใช่ผู้ดูแลของฉันแล้วด้วย อย่ามาทำเป็นเรียกฉันตามใจชอบอีก โกซุ ชิมะ นายควรจะหยุดเรียกฉันว่านายน้อยตั้งแต่ที่ฉันถูกเนรเทศออกจากเกาะ 5 ปีก่อนแล้วสิ」
「……นายน้อย」
「นอกจากนี้ก็ฉันเองนี่แหละที่ฆ่าไอ้เจ้านักบวชอันดับ 9 แห่งธงที่ 4 ไป แบบนี้ฉันก็ต้องกลายเป็นคนบาปที่ต่อต้านเจ้านายที่แสนสำคัญของนายนะเห้ย แล้วยังจะมีเรื่องอะไรให้ต้องคุยกันอีก เห้ยไอ้อ่อนนั่นรีบๆ ทำให้มันจบแล้วเอาอาภรณ์วิญญาณออกมาซะ」
ไม่บอกก็รู้ว่าคนที่โซระกำลังจ้องมองไปอยู่ก็คือคลิม
พอถูกเรียกว่าเป็นคนอ่อนแอ มีหรือคลิมจะทนไหว ก่อนจะพ่นน้ำลายลงพื้น
「อย่ามาพูดกับคนอย่างฉันทั้งที่แกไม่ผ่านแม้กระทั่งพิธีทดสอบด้วยซ้ำ โซระ!」
「ถึงแกจะผ่านพิธีทดสอบมาแล้ว แต่ดูเหมือนจะยังเป็นเด็กติดพี่ไม่หายเลยนี่ ฉันเดาได้เลยว่า พี่สาวแกก็คงต้องเป็นคนคอยตามเช็ดเรื่องที่แกทำหลังจากคลั่งไปล่ะสิ? 」
ถึงโซระจะไม่ได้เห็นเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ แต่จากแสงของเวทมนตร์และเสาแห่งเปลวเพลิงที่พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าที่เขาเห็นบนหลังไวเวิร์น และสัญญาณการใช้อาภรณ์วิญญาณของสองพี่น้องตระกูลเบิร์ช รวมไปถึงนิสัยของทั้งคู่
มันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้โซระเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
อันที่จริงถ้าจะพูดให้ชัด คือโกซุเป็นคนหยุดคลิมไม่ใช่ไคลอา แต่ความจริงที่ว่าเธอตั้งใจใช้อาภรณ์วิญญาณเพื่อหยุดน้องชายเธอก็ไม่เปลี่ยน
ชิ คลิมเดาะลิ้นด้วยความไม่พอใจ ก่อนที่เขาจะมองไปยังโซระแล้วพูดกับโกซุ
「ชิบะ ไอ้หมอนี่มันยอมรับเองนะว่าฆ่าพระนั่นไป ถ้าฉันจะจัดการมันลงที่นี่เลยก็ไม่เป็นไรสินะ? 」
「ถึงเขาจะเกี่ยวข้อง แต่เขาก็ยังเป็นสายเหลือของตระกูลหลักมาจากนายหญิง ดังนั้นข้าจำเป็นต้องเอาเรื่องนี้ไปปรึกษากับนายท่านก่อน เรื่องฆ่าเขาคงจะทำไม่ได้ตอนนี้ ดังนั้นเอาแค่ให้หมดสภาพแล้วกัน」
「ออมมือมันยากนะเห้ย…เอาเถอะ ยังไงขอแค่ไม่กี่วิไอ้เจ้าคนอ่อนแอแบบนี้ก็ยืนไม่ไหวแล้ว」
พอพูดจบ คลิมก็เดินเข้ามาหาโซระพร้อมกับดาบเพลิงในมือเขา
ข้างหลังของเขาก็มีเสียงของไคลอาเรียกเตือน
「คลิม อย่าประมาทเด็ดขาดนะ หากเขาเป็นคนฆ่าคุณจินโบจริงๆ เขาจะต้องเป็นผู้ใช้อาภรณ์วิญญาณแล้วแน่ๆ 」
「เข้าใจแล้วน่าท่านพี่―มาสิโซระ เดี๋ยวฉันจะดูแลแกเป็นอย่างดีเลย ไม่ต้องห่วงนะเดี๋ยวฉันจะค่อยๆ อัดแกไปเรื่อยๆ เอง เอาสิเอาอาภรณ์วิญญาณของแกออกมาซะ」
คลิมพูดเป็นเหมือนนัยๆ ว่า ถ้าแกกล้าก็เอาออกมาเลยสิ
―ไม่ใช่ว่าเขาสงสัยเรื่องที่พี่สาวเขาพูดเกี่ยวกับการที่โซระได้อาภรณ์วิญญาณมาแล้ว
ขนาดตัวคลิมที่เป็นผู้ใช้มายาดาบเดียวก็สัมผัสได้ว่า คิที่โซระปลดปล่อยออกมามันรุนแรงมากกว่าเมื่อ 5 ปีที่แล้วแบบเทียบไม่ติด เขาก็คิดเหมือนกับพี่สาวของเขาว่าโซระน่าจะได้เข้าถึงความลับในมายาดาบเดียวแล้วแน่ๆ เขาไม่สงสัยในส่วนนั้นเลย
ทว่า สิ่งที่เขาไม่เห็นด้วยก็คือการที่ตนต้องมาระวังตัวกับคนอย่างโซระ
เขามองว่าที่โซระทำอยู่ก็แค่การบลัฟ
ถึงโซระจะมีอาภรณ์วิญญาณแล้ว แต่ก็คงได้มันมาไม่กี่เดือนหรือไม่กี่ปีก่อนเท่านั้น แต่คลิมกับไคลอาที่อยู่กับมันมามากกว่า 5 ปี และโกซุที่อยู่กับมันมากกว่า 20 ปี ประสบการณ์ของพวกเขาย่อมต่างกันหลายเท่า
และถึงเขาจะมีโอกาสที่จะชนะในการดวล 1ต่อ1 แต่ถ้าเป็น 1ต่อ3 ก็เรียกได้ว่าไม่มีทาง
โซระเองก็คงรู้ตัวอยู่แล้ว เขาเลยเลือกที่จะไม่ใช้อาภรณ์วิญญาณของตัวเอง
หากเขาไม่ใช้มัน พวกตนก็จะไม่สามารถประเมินพลังของเขาได้จริงๆ แล้วเลือกจะไม่ลงมือพร้อมกัน นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่เขาพยายามยั่วยุโกซุและคลิม หลงคิดตามสร้างความสับสนให้กับพวกเขา
เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับผู้ใช้อาภรณ์วิญญาณถึง 3 คน โซระต้องใช้พลังใจอย่างมากในการรับมือกับพวกตน
แต่มันก็ช่างดูออกได้ง่ายดาย
ด้วยเหตุนี้เอง คลิมเลยสื่อออกไปว่าถ้ากล้าเอามันออกมาก็ลองดูสิ
เขาไม่มีทางจะทำแบบนั้นได้แน่ เพื่อให้ตนได้รักษาท่าทีตามเดิมต่อไป―คลิมมั่นใจเป็นอย่างมาก
การกระทำของโซระช่างดูน่าสมเพช
โซระเมื่อ 5 ปีที่แล้วเป็นแค่พวกอ่อนแออย่างไม่ต้องสงสัย เขาคอยพยายามและดิ้นรนอย่างไร้ประโยชน์ แต่คลิมก็ไม่เคยคิดว่าเลยเขาจะตกต่ำมาได้ถึงขนาดนี้
คลิมได้เหวี่ยงคุริคาระของเขาออกไปในขณะที่แสดงใบหน้าที่รู้สึกสมเพชโซระออกมา
ระหว่างที่เขากำลังจ้องมองไปยังเปลวเพลิงที่เกิดมาจากการฟันของอาภรณ์วิญญาณเขาก็ตัดสินใจได้เสียที
ไม่มีเหตุผลให้ต้องเล่นต่อปากต่อคำกับโซระไปมากกว่านี้ ถึงพวกตนจะเคยเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกันมาก่อน แต่เขาก็ไม่อาจจะทนเห็นท่าทีแสนอัปยศของโซระที่พยายามแสดงออกมาอีกแล้ว เขาจึงตัดสินใจว่าจะตัดแขนข้างถนัดของโซระสักข้างเพื่อให้จบๆ ไป
ในวินาทีที่คุริคาระ ติดแขนของเขาเปลวเพลิงจากดาบก็จะปิดแผลไม่ให้เลือดไหลออกมาด้วย อย่างน้อยก็น่าจะตรงกับที่โกซุบอกว่าไม่ให้ฆ่าเขา
――คลิมคิดแบบนั้นขณะเหวี่ยงดาบออกไป
โซระไม่รอช้าแล้วตอบสนองการเคลื่อนไหวของเขา เขาเอาดาบสีดำที่ชักออกมาตอนแรกปักลงพื้นและ ยื่นมือขวาของตนออกมา
จากนั้น――
「เสริมแกร่ง อาภรณ์วิญญาณ」
「……หา? 」
คลิมส่งเสียงประหลาดใจออกมาเมื่อเขาได้ยินคำนั้นออกมาจากปากของโซระ
มันเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงจริงๆ ว่าเขาจะเลือกเอาอาภรณ์วิญญาณออกมา
และไม่กี่วินาทีต่อมา――
「คึก?!」
คลิมสัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันหนักหน่วงที่พร้อมจะบดขยี้ร่างกายของเขา
ไม่ใช่แค่ตัวเขาเท่านั้น แต่เป็นทางไคลอาและโกซุด้วยที่ส่งเสียงออกมาไม่ต่างจากเขา
ดาบสีดำคมสีแดง ได้ปรากฏขึ้นมาบนมือของโซระ มันปลดปล่อยแรงกดดันที่มากพอจะทำให้สามนักรบธงแห่งผืนป่าคร่ำครวญออกมาได้
ความประหลาดใจของเขาถูกแทนที่ด้วยความระวังตัวขึ้นมาทันที
คลิมรีบกลับมาตั้งท่าตามหลักของผู้ใช้มายาดาบเดียว เขาสัมผัสได้แล้วว่าตนควรจะทิ้งความคิดที่มีเมื่อครู่นี้เสียให้หมด
เพื่อตอบสนองการกระทำนั้น โซระได้พูดกับเขาด้วยเสียงที่แผ่วเบา ขณะที่กำอาภรณ์วิญญาณสีดำไว้แน่น
「ไม่เห็นจะต้องทำอะไรให้มันเสียเวลาเลย แกไม่ต้องเข้ามาคนเดียวก็ได้นะ จะ1 หรือ 3 คนก็มาเลยฉันก็ไม่มีปัญหาหรอก」
มันเป็นคำตอบที่ราวกับจะตอกคำพูดก่อนหน้าของคลิม
มันเป็นเสียงที่ราวกับอยากจะเยาะเย้ยคลิมว่า อย่างแกคนเดียวน่ะไม่พอมือหรอก นั่นทำให้คลิมโกรธเป็นอย่างมาก
「หุบปากของแกซะ แล้วก็สำนึกบุญคุณเอาไว้ด้วยที่ฉันยอมมาเป็นเพื่อนเล่นกับแก เดี๋ยวแกจะได้เห็นฉันฟันความภูมิใจอะไรนั่นของแกทิ้งเอง」
「อ๋อ เหรอ? 」
โซระพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะเปลี่ยนสีหน้าไปอย่างสิ้นเชิง
ใบหน้าที่เปลี่ยนไปนั้นมาพร้อมกับน้ำเสียงที่เย็นชาซึ่งประกาศกล้าวออกมา
「เอาเป็นว่า แกจะเป็นคนแรกที่ตายสินะ――จงกลืนกิน โซลอีทเตอร์」
วินาทีที่เขาฟันดาบออกมา มันก็ได้มีประกายแสงสีดำระเบิดออกมาตามการฟันนั้นด้วย
มันเป็นเหมือนความมืดมิดที่พัดผ่านเข้ามายังสวนของคฤหาสน์ที่ถูกปกคลุมด้วยแสงอาทิตย์ของฤดูร้อน ความมืดมิดของมันมากพอที่จะทำให้เปลวไฟของคุริคาระไม่สามารถส่องสว่างผ่านความมืดดังกล่าวได้
มันทำให้คลิมเกิดช่องว่างที่มิอาจหลีกหนีได้ เพราะการมองเห็นตรงหน้าของเขาถูกความมืดดึงความสนใจไว้
จากนั้นโซระก็พุ่งตามเข้าไปหาคลิมทันที
คลิมก็ตอบสนองการเคลื่อนไหวที่หมายจะฟันเฉือนเป็นแนวทแยงตั้งแต่ไหล่ของเขาลงมา
เขารีบเอาดาบเพลิงของเขาขึ้นมาสกัดดาบสีดำของโซระเอาไว้ หากโซระยังเลือกใช้ดาบที่เขาพกไว้ตรงเอว ตอนนี้ดาบนั่นมันก็คงจะละลายกลายเป็นเศษเหล็กไปแล้ว
ทว่าสิ่งที่โซระถืออยู่ตอนนี้คือดาบมังกรสังหารพระเจ้า แทนที่ดาบจะละลายด้วยเปลวเพลิงของคลิม มันกลับกลืนกินเปลวเพลิงนั้นเข้าไปแทน
「อะไรกัน?!」
คลิมส่งเสียงตกใจกับภาพที่เห็น
ทั้งที่เขาก็ระวังตัวแล้วแท้ๆ แต่เขาก็ยังอยู่ในสภาพที่เสียเปรียบงั้นหรือ นอกนี้การปะทะกันของผู้ใช้อาภรณ์วิญญาณหากพลังปะทะของอีกฝ่ายสู้ไม่ได้แล้วล่ะก็ ก็ไม่มีโอกาสให้สวนกลับไปได้อีกแล้ว
ในชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น ร่างของเขาก็เริ่มเสียการทรงตัว
「ฮ่า!!」
「อึก――อ๊าค?!」
การโจมตีของโซระที่รวมพลังทั้งหมดเอาไว้ผลักดาบของคลิมให้กระเด็นออกไปและฟันร่างของเขาตั้งแต่ไหลไปถึงเอวในคราวเดียว
พอการโจมตีแรกเสร็จสิ้น โซระก็ดึงดาบกลับไปเพื่อเตรียมโจมตีระลอกถัดไป
เขาได้รวบรวมพลังคิไปไว้ตรงขาซ้าย และเริ่มใช้จุดนั้นเป็นแกนในการทรงตัว พื้นดินบริเวณใต้เท้าของเขาก็ทรุดตัวลงราวกับมันกำลังกรีดร้อง ไม่นานนักก็เกิดกลิ่นไหม้ขึ้นภายในอากาศ
วินาทีถัดมาเขาก็ทำการรวมคิไปไว้ที่ขาขวา โดยมีเป้าหมายตรงอกของคลิมซึ่งในตอนนี้การป้องกันถูกทำลายลงไปหมดแล้ว เขาได้ถ่ายเทน้ำหนักทั้งหมดลงไปที่เท้าขวาและเตะตรงเข้าไป
「――!!!」
ร่างของคลิมถูกส่งขึ้นไปในอากาศโดยไร้การต่อต้าน
เลือดจากบาดแผลของเขากระจายไปทั่วทุกที่ โดยที่ไม่ทันแม้แต่จะส่งเสียงกรีดร้อง
หลังจากนั้นร่างของเขาก็ร่วงลงกับพื้นก่อนจะกระแทกเขากับทางเดินหิน และเด้งถอยไปอีก2-3ตลบได้ราวกับลูกบอล ที่ถูกเตะอย่างรุนแรง
ในที่สุดร่างของเขาก็ไปหยุดอยู่ตรงที่อีกฟากของประตู――ซึ่งอยู่นอกเขตบ้านพักของโซระ
———
Note 1 : ไม่ใช่แค่พวกคุณที่ค้าง ผมก็ค้าง ก็เลยมาจบตรงนี้ไง
Note 2 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code