กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ - บทที่ 182 ข้อตกลงระหว่างนางกับเขา (1)
ซูหลีสะท้านไปทั้งตัว โพล่งคำว่า “ไม่!” ออกไปทันที ทว่าเขากลับมองว่าเป็นเสียงกระซิบแผ่วเบาของหญิงสาวตามปกติ เลยกลืนเข้าไปในกลีบปากที่ประกับกันแน่นของทั้งสอง
หัวใจของซูหลีราวกับจะกระดอนออกจากอก ร่างบางที่เดิมทีถูกกระตุ้นจนแทบหลอมละลาย พลันตึงเกร็งไปทั้งตัว ความหวาดกลัวที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกของหัวใจพลันป่วนพล่าน ขัดแย้งกันอย่างรุนแรง
นางยกมือหมายจะผลักเขาออก เขากลับสอดประสานสิบนิ้วเข้ากับฝ่ามือนาง และกดตรึงไว้ด้านข้าง นางไม่อาจขยับตัวได้ ความรู้สึกอ่อนแอพลันจู่โจมหัวใจ ภาพที่เคยถูกตงฟางจั๋วขืนใจแวบผ่านในสมอง ตอนนั้นเขาก็ตรึงมือนางไว้อย่างนี้เหมือนกัน ครอบครองร่างกายนางอย่างดุดันรุนแรง โดยไม่สนใจการขัดขืนอย่างเจ็บปวดของนาง!
ความทรมานที่ทั้งร่างกายและศักดิ์ศรีถูกทำลายพร้อมกันเช่นนั้น นางไม่มีวันลืมเด็ดขาด!
คลื่นความรู้สึกที่ป่วนพล่านอยู่ในร่างกายพลันจางหายไปในพริบตา สติสัมปชัญญะของนางกลับมาแจ่มชัดดั่งสายน้ำใส ยามนี้กลีบปากของเขาประกบลงมาอีกครั้ง นางกัดปากของเขาเต็มแรงโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น…
เลือดสีแดงพุ่งกระฉูด ไหลซึมอยู่ระหว่างกลีบปากของคนทั้งสอง กลิ่นคาวเลือดลอยคลุ้ง
ตงฟางเจ๋อขมวดคิ้วด้วยความเจ็บ คลายมือนางออกหลายส่วน ซูหลีฉวยโอกาสนี้เหวี่ยงแขนใส่เขาเต็มแรง แรงของนางมากพอที่จะทำให้บุรุษที่อยู่ในห้วงแห่งอารมณ์ปรารถนาตกจากเตียง แต่ตงฟางเจ๋อสายตาไหวระริก ราวกับรู้แต่แรกว่านางจะทำเช่นนี้ รีบยกมือขึ้นป้องกัน กุมนิ้วมือเรียวบางดั่งหยกงามของนางไว้ในฝ่ามือใหญ่
นัยน์ตาลึกล้ำ แรงปรารถนายังคงไม่จางไป ทว่ากลับมีรังสีเย็นชาเพิ่มขึ้นมา
‘การตอบสนองเหมือนกันถึงเพียงนี้ เจ้ายังกล้าบอกว่าสตรีในคืนนั้นเป็นผู้อื่น?’
ประโยคนี้ สุดท้ายเขากลับไม่ได้ถามออกไป เพราะเขารู้สึกได้ว่ายามนี้นิ้วมือเย็นๆ ของนางกำลังสั่นเทา ความหวาดกลัวที่ไม่อาจปกปิดได้เหล่านั้น ราวกับความทรงจำอันโหดร้ายของนางถูกปลุกตื่น ทั้งเจ็บปวดและหวาดกลัว
หัวใจพลันเย็นเยียบ เขาหยัดกายลุกขึ้น และปล่อยนางออก
ซูหลีรีบดึงผ้าห่มขึ้นคลุมร่างกายครึ่งท่อนที่กำลังเปลือยเปล่าของตนเองไว้แน่น พยายามข่มกลั้นอาการสั่นของตนเอง นางหดกายไปอีกฝั่ง เงยหน้าจ้องเงาร่างสูงใหญ่อย่างเย็นชา ถึงแม้เขาเคยยื่นมือช่วยเหลือนางหลายครั้ง ไม่เคยมีพฤติกรรมล่วงเกินใดๆ แต่สำหรับนาง เขายังคงเป็นเงามืดอันเลือนรางที่เข้าใจยากมาโดยตลอด
ไม่ว่าใครก็ไม่อาจเข้าใจว่ายามนี้นางกำลังหวาดกลัวแค่ไหน ถูกชายหนุ่มที่ตนเองชอบใช้กำลังขืนใจ เป็นเรื่องที่เจ็บปวดที่สุดในชีวิตนี้ นางไม่มีทางปล่อยให้มันเกิดขึ้นเป็นครั้งที่สองแน่นอน!
“ข้านึกว่าในใจเจ้ามีข้าอยู่!” เสียงแหบพร่าของชายหนุ่มสะท้อนความผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด การปฏิเสธอย่างเย็นชาและหวาดกลัวของนาง เสียดแทงหัวใจของเขาให้เจ็บยิ่งนัก เดิมนึกว่าหลังจากผ่านเรื่องราวมากมายมาด้วยกัน ในใจนางจะมีเขาและไม่ปฏิเสธเขาอีก แต่นึกไม่ถึง นางยังคงมีปฏิกิริยาเช่นเดียวกับวันนั้นที่สระน้ำพุร้อน ตงฟางเจ๋ออดรู้สึกผิดหวังไม่ได้
สายตาของซูหลีสั่นไหว ทว่ากลับเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “พฤติกรรมของท่านอ๋อง ก็ไม่คล้ายมีหม่อมฉันอยู่ในใจเช่นกันเพคะ!”
ตงฟางเจ๋อกล่าว “หากข้ามีเจ้าอยู่ในใจ ข้าต้องปฏิบัติต่อเจ้าเช่นไร? อยู่ให้ห่างจากเจ้า เห็นเจ้าก็ต้องคอยหลบหน้าเช่นนั้นหรือ?” เขาขมวดคิ้วแน่น สีหน้าสับสนยากอธิบาย
ซูหลีเม้มปากแน่นไม่ยอมตอบ หลุบตาต่ำ พยายามจัดการความตื่นตระหนกในใจ
สายตาหม่นหมองของตงฟางเจ๋อกวาดมองนาง กล่าวถามเสียงขรึม “เจ้าคิดว่า ข้าจะแตะต้องสตรีที่ตนเองไม่ชอบงั้นหรือ? หรือว่าในสายตาเจ้า ข้าเป็นคนต่ำช้าที่ใช้กำลังบังคับขืนใจผู้หญิง?” เดิมทีก็ไม่ได้คิดจะกระทำเกินเลย เพียงแต่หลังจากที่สัมผัสตัวนาง เขาก็ต้องการมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างไม่รู้ตัว เรื่องจึงได้ดำเนินมาจนถึงขั้นนี้ และการตอบสนองของนางในตอนแรก ก็เห็นชัดว่าไม่ปฏิเสธ แต่เหตุใดในตอนท้ายกลับแปรเปลี่ยนเป็นโกรธเกรี้ยวอย่างรุนแรง? อย่างกับเขาใช้กำลังขืนใจนาง! ในใจพลันบังเกิดความรู้สึกหงุดหงิด
ซูหลีก้มหน้า นางรู้ว่าเขาไม่ใช่คนเช่นนั้น ไม่อย่างนั้นที่หุบเขาจู๋หลี นางคงไม่อาจรักษาความบริสุทธิ์ไว้ได้แล้ว แต่ความรู้สึกที่ไม่อาจหลุดพ้นจากพันธนาการเมื่อครู่ ทำให้นางรู้สึกหวาดกลัว
กระชับผ้าห่มบนกายแน่น นางค่อยๆ เคลื่อนกายไปทางผนัง แผ่นหลังบางๆ แนบชิดกับผนังที่ทั้งเย็นทั้งแข็ง ราวกับต้องทำอย่างนี้เท่านั้น นางจึงจะรู้สึกปลอดภัย
นางไม่พูดอะไร
ตงฟางเจ๋อมองดูการเคลื่อนไหวของนาง พลันขมวดคิ้วแน่น ท่าทีปฏิเสธและปกป้องตนเองเช่นนั้น แสดงให้เห็นถึงความอ่อนแออย่างบอกไม่ถูก หัวใจเขาสะดุดวูบ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นนางเป็นอย่างนี้ ราวกับว่าในส่วนลึกของหัวใจนางมีบาดแผลที่ไม่มีใครมองเห็นซ่อนอยู่!
หัวใจพลันอ่อนยวบ เขาเอื้อมมือออกไปหมายจะรั้งร่างบางของนางเข้ามากอด แต่เขายังไม่ทันยกมือ นางก็รีบหดกายอย่างระแวดระวัง ราวกับความอ่อนแอที่เขามองเห็นเพียงชั่วพริบตาเมื่อครู่ เป็นเพียงภาพลวงตา
ตงฟางเจ๋อหัวเราะหยันตนเอง ล้มเลิกความตั้งใจที่จะดึงนางเข้ามากอด เอนกายพิงขอบเตียงด้วยท่าทางเกียจคร้าน แล้วกล่าวขึ้นด้วยเสียงแฝงแววจนใจ “ซูซู เหตุใดเจ้าจึงไม่ยอมรับ?” ว่าสตรีที่อยู่ในโรงเตี๊ยมคืนนั้น ก็คือเจ้า!
ซูหลีสะดุ้งเล็กน้อย ใบหน้ากลับยังคงเรียบเฉยคาดเดาอารมณ์ไม่ได้ เพียงกระดกคิ้วถาม “ท่านอ๋องอยากให้หม่อมฉันยอมรับเรื่องใดเพคะ?” ยอมรับว่านางคือหลีซูที่กลับมาเกิดในร่างใหม่? ขนาดเรื่องวิญญาณเข้าฝัน เขายังไม่เชื่อ เรื่องกลับมาเกิดในร่างใหม่ที่ประหลาดกว่าวิญญาณเข้าฝันหลายเท่า หากพูดออกไปยิ่งไม่มีใครเชื่อ! ยิ่งไปกว่านั้น ระหว่างนางกับเขา ก็ยังไม่ถึงขั้นที่จะเปิดอกคุยกันได้ทุกเรื่อง! ขณะเดียวกันซูหลีที่ไม่เคยก้าวออกจากประตูจวนมาตลอดสิบหกปี ยิ่งไม่สมควรเคยมาที่นี่ มิเช่นนั้น คำถามที่จะตามมาอีกมากมาย ก็จะไม่สามารถหาคำอธิบายได้ หากนางแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ ให้ตายก็ไม่ยอมรับ แล้วเขาจะทำอะไรนางได้เล่า?
ตงฟางเจ๋อย่อมทำอะไรนางไม่ได้ การคาดเดาของเขาอาศัยเพียงความรู้สึกอย่างเดียวเท่านั้น ไม่มีหลักฐานชัดเจน นางระวังตัวถึงเพียงนี้ ดูท่าคงตัดสินใจแล้วว่าจะไม่มีวันพูดความจริง ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เขาพลันเปลี่ยนความคิด จู่ๆ ก็แย้มยิ้ม กล่าวว่า “เส้นตายสามวันที่เสด็จพ่อให้เจ้า ครานี้เจ้าคิดจะประวิงเวลาออกไปอย่างไรอีก?”
หัวข้อสนทนาถูกเปลี่ยนอย่างกะทันหันเกินไป ทำเอาซูหลีตั้งตัวไม่ทัน และนึกไม่ถึงว่าเขาจะปล่อยนางไปง่ายๆ เช่นนี้…ประวิงเวลา? เขากลับอ่านนางออกอย่างชัดเจน น่าเสียดายที่การคัดเลือกพระสวามีในครั้งนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจประวิงเวลาออกไปได้อีกแล้ว!
ในเมื่ออย่างไรก็ต้องเลือก แต่นางกลับไม่อยากแต่งงานเร็วขนาดนี้ เช่นนั้นก็ต้องรีบคิดหาทางออกโดยเร็วที่สุด
สายลมอ่อนโชยมา พัดเอาบานหน้าต่างที่เปิดอยู่ให้อ้าออกอีกเล็กน้อย แสงจันทร์สลัวสาดส่องเข้ามา พาให้ในห้องสว่างขึ้นหนึ่งส่วน ทั้งสองนั่งอยู่บนเตียงหลังเดียวกัน ใกล้กันจนมองเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน เพียงแต่ในคืนนั้น ไร้ซึ่งแสงจันทร์ หน้าต่างปิดสนิท จึงทำให้ทั้งสองมองไม่เห็นใบหน้าของอีกฝ่าย
ซูหลีเงยหน้า เหลือบมองเขาด้วยสายตาเรียบเฉย ในความมืด ดวงตาของเขาสุกสกาวดั่งดวงดารา ใบหน้าไร้ซึ่งแรงปรารถนา แลดูอบอุ่นอย่างหาได้ยาก ริมฝีปากจุดที่ถูกนางกัดจนแตก ยังคงมีรอยเลือดติดอยู่เล็กน้อย ท่ามกลางแสงจันทร์อ่อนๆ เขาในยามนี้กลับขโมยหัวใจและวิญญาณของผู้พบเห็น
ลมหายใจซูหลีสะดุดเล็กน้อย จู่ๆ ก็คิดว่า การได้แต่งงานกับคนเช่นนี้คงเป็นความฝันของสตรีในใต้หล้านี้กระมัง? เขาหน้าตาหล่อเหลาฐานะสูงส่ง สติปัญญาปราดเปรื่อง สมบูรณ์แบบจนแทบไร้ที่ติ! ตลอดมาไม่เคยสนใจสตรีเพศ มีเพียงนางที่ได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษ ยื่นมือเข้ามาช่วยครั้งแล้วครั้งเล่า มีช่วงเวลาที่ใกล้ชิดกันก็หลายครั้งหลายหน หากเป็นสตรีอื่นเกรงว่าคงติดบ่วงความใกล้ชิดที่ชวนให้รู้สึกคลุมเครือของเขา และรีบแต่งงานโดยไม่ลังเลไปนานแล้ว! แต่ว่า…เหตุใดนางจึงหวาดกลัวเช่นนี้?
คิ้วงามขมวดมุ่น คำตอบบางอย่างชัดเจนในใจ นางกลับไม่อยากคิดอีก ในอากาศ กลิ่นหอมอ่อนๆ ระเหยลอยอ้อยอิ่ง นางพลันสะท้านใจ ใช่แล้ว พิษดอกฉิงฮวา!
……………………………………………………….