กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ - บทที่ 197 บุรุษผู้บ้าคลั่ง (2)
น้ำเสียงของนางเกรี้ยวกราด สะท้อนความโหดเหี้ยม ราวกับจะจับคนกินทั้งเป็น! นอกห้อง เหล่าบ่าวรับใช้ที่ยืนก้มหน้าเรียงแถวกันอยู่ ครั้นเห็นฮองเฮากริ้วโกรธ ก็รีบพากันคุกเข่าเสียงดัง ตัวสั่นงันงก แทบจะมุดหน้าลงกับดิน ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดัง
“ท่านอ๋องมีสภาพเช่นนี้ กลับไม่รายงาน? หากเกิดเรื่องใดขึ้นกับท่านอ๋อง พวกเจ้ามีกี่ศีรษะให้รับผิดชอบ?!”
จ้าวสวินหัวหน้าองครักษ์ประจำกายตอบอย่างลนลาน “ทูลฮองเฮา ไม่ใช่พวกกระหม่อมไม่อยากรายงาน แต่…แต่ท่านอ๋องมีรับสั่งว่าห้ามรายงานฮองเฮา มิเช่นนั้น…ฆ่าไม่เว้น!”
วาจาของจ้าวสวินดั่งท่อนไม้หนาตีแสกกลางหัวใจของฮองเฮาอย่างแรง นี่เขาหมายความว่าอย่างไร? ยังโกรธที่นางสั่งให้หวังอันจับตามองเขาอยู่ข้างกาย? หากไม่ใช่เพราะคิดถึงเขาก่อนเสมอ นางจะลงทุนทำทุกอย่างนี้ไปเพื่ออะไร? เพียงแต่ความพยายามทั้งหมดนี้ จั๋วเอ๋อร์จะรับรู้ได้มากน้อยเพียงใด?
หัวใจของฮองเฮาโศกเศร้ารันทด สองมือกำหมัดแน่น ค่อยๆ นั่งลงตรงขอบเตียง กล่าวเสียงเข้ม “เปิดหน้าต่าง แล้วออกไปให้หมด”
เหล่าบ่าวรับใช้รีบพากันถอยออกไปอย่างเงียบเชียบ
หน้าต่างที่ปิดสนิทถูกเปิดออก แสงสว่างแยงตาสาดส่องเข้ามาในห้อง สายลมในฤดูสารทกรีดพัดเข้ามาเสียงดังหวีดหวิว เปลือกตาของตงฟางจั๋วขยับเล็กน้อยจนแทบสังเกตไม่เห็น
“จั๋วเอ๋อร์ แม่ต้มซุปรังนกที่เจ้าชอบกินที่สุดมาให้ เจ้าลุกขึ้นมากินหน่อยเถิด” ฮองเฮาเกลี้ยกล่อมเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน พร้อมกับซุปรังนกหอมๆ ช้อนหนึ่งที่ถูกป้อนถึงริมฝีปากของเขา
ตงฟางจั๋วหันหน้าหนี ยังคงหลับตาไม่เอ่ยคำใด
มือของฮองเฮาที่ถือชามกระเบื้องสั่นเล็กน้อยอย่างไม่อาจควบคุม
ในห้องอันเงียบงัน พลันเกิดเสียงวัตถุแตกดัง ‘เพล้ง’ ชามกระเบื้องสวยงามและอาหารที่ถูกปรุงขึ้นอย่างพิถีพิถันกระจายเต็มพื้น ไอร้อนแผ่กำจาย พาเอากลิ่นหอมลอยกรุ่นไปทั่วห้อง
อารมณ์ที่ทนข่มกลั้นมานานของฮองเฮาพลันระเบิด นางตวาดเสียงเกรี้ยว “เจ้าทำตัวเช่นนี้ให้ใครดู? คิดว่าทำเช่นนี้แล้วนางจะกลับมาอยู่เคียงข้างเจ้าหรือ?”
ตงฟางจั๋วทำราวกับไม่ได้ยิน ค่อยๆ หมุนกายนอนตะแคงไปอีกด้าน
“เป็นถึงจิ้งอันอ๋องแห่งแคว้นเฉิง โอรสองค์โตแห่งราชวงศ์ เพียงเพราะสตรีนางเดียวที่ไขว่คว้ามาไม่ได้ เจ้าถึงกับมีสภาพน่าเวทนาขนาดนี้ หากข้าเป็นนาง ก็ไม่มีทางเลือกเจ้าเช่นกัน!”
ฮองเฮาโกรธจนตัวสั่น เอ่ยวาจาสะเปะสะปะ โอรสที่นางเลี้ยงดูอย่างประคบประหงมมายี่สิบกว่าปี กลับอ่อนแอถึงเพียงนี้ แค่ผู้หญิงคนเดียว มีพลังมากพอที่จะทำให้เขาละเลยตนเองจนไม่เป็นผู้เป็นคน สูญเสียความปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่ถึงเพียงนี้จริงหรือ?!
ไม่ เป็นแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด!
ดวงตาที่ปิดสนิทของตงฟางจั๋วพลันลืมขึ้น เขาพลิกกายลุกขึ้นนั่ง กล่าวเสียงเย็นชา “เสด็จแม่ตรัสถูกแล้วพ่ะย่ะค่ะ ลูกไม่ได้เรื่องถึงเพียงนี้ นางจะชอบลูกได้อย่างไร? ไม่ว่าเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ ล้วนต้องให้เสด็จแม่คอยจัดการให้ ชีวิตยี่สิบกว่าปีมานี้ของจั๋วเอ๋อร์ ช่างไร้ค่ายิ่งนัก!”
เอ่ยถึงประโยคสุดท้าย ความเย็นชาในวาจาของเขา พลันทำให้ไออุ่นที่เพิ่งลอยกรุ่นขึ้นกลางอากาศถูกแช่แข็งในพริบตา!
ประกายยินดีที่เพิ่งผุดขึ้นบนใบหน้าฮองเฮาจางหายไปจนสิ้น! นางเบิกตากว้าง นี่… เขาใช่โอรสที่แสนกตัญญูของนางหรือไม่? “จั๋วเอ๋อร์กำลังโทษแม่งั้นหรือ?”
ตงฟางจั๋วตีหน้าขรึม “ลูกพูดผิดหรือพ่ะย่ะค่ะ? หรือว่าเสด็จแม่อยู่ในวังหลังวางแผนจนเคยชิน ยามนี้แม้แต่ลูกก็ยังไม่ละเว้น?” สายตาของเขาแข็งกร้าวและเคืองขุ่น เห็นชัดว่าถือโทษโกรธเคือง
เพลิงโทสะของฮองเฮาพลันปะทุร้อนแรง นางเดินเข้าไปสะบัดฝ่ามือใส่ใบหน้าตงฟางจั๋วด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี พลางตวาดเสียงเกรี้ยว “บังอาจ!”
ครั้นเสียง ‘เพียะ’ ดังขึ้น ใบหน้าซูบผอมของตงฟางจั๋วก็พลันปรากฏรอยนิ้วมือห้าเส้น ทั้งสองต่างอึ้งงัน ชั่วขณะหนึ่งในห้องเงียบงันไร้เสียง ได้ยินเพียงเสียงหอบหายใจอันหนักหน่วงของอีกฝ่าย
ฮองเฮาเบ้าตาร้อนผ่าว นางสูดหายใจลึกๆ กล้ำกลืนน้ำตาที่กำลังจะพรั่งพรูออกมา! เดินไปนั่งอีกด้านหนึ่ง ปรับลมหายใจ แล้วจึงค่อยกล่าว “ปีนั้น ข้ากำลังจะคลอดลูก เหลียงกุ้ยเฟยก็ตั้งครรภ์ แต่ในสายตาของเสด็จพ่อเจ้ากลับมีเพียงสนมผู้ต่ำต้อยนางนั้น! เขาไปหานางที่ตำหนักทุกวัน ไม่สนใจข้าแม้แต่น้อย ข้าทนทรมานอยู่สามวันกว่าจะคลอดเจ้าออกมา! ทุกคนต่างคิดว่าข้าคงชะตาขาดแล้ว แต่ข้าชะตาแข็งนัก กลับมีชีวิตรอดมาได้!”
น้ำเสียงนางแฝงแววอำมหิต ทำให้ตงฟางจั๋วอดไม่ได้ที่จะเงยหน้ามองนาง เสด็จแม่ที่อยู่ตรงหน้า ขอบตาร้อนผ่าว ทว่ากลับเชิดหน้ายืดอกอย่างภาคภูมิ ไม่มีท่าทางอ่อนแอเลยแม้แต่น้อย
“ข้าไม่เพียงมีชีวิตรอด แต่จะมีชีวิตยืนยาวกว่านางแพศยาผู้นั้นอีกด้วย!” ฮองเฮาแสยะยิ้มเย็นชา “จั๋วเอ๋อร์ เสด็จพ่อของเจ้าลำเอียงรักตงฟางเจ๋อมากกว่าตั้งแต่เด็ก ทั้งที่เจ้าเป็นโอรสองค์โต กลับโปรดปรานเขามากกว่าเจ้า! เขามีสิทธิ์อะไร?”
ใบหน้าของตงฟางจั๋วขรึมลงทันใด!
“แม่ลูกคู่นั้น ถึงแม้เป็นสนม แต่กลับได้รับการปฏิบัติไม่ต่างจากพวกเรา เห็นชัดว่ามีจิตคิดทะเยอทะยาน หมายตาตำแหน่งสูง! นางเป็นเพียงบุตรสาวของข้าราชการขั้นสาม คิดจะเทียบชั้นกับข้า? ข้าจะทำให้พวกนางรู้ ว่าเจ้าตงฟางจั๋ว เป็นเพียงผู้เดียวที่จะได้รับการสืบทอดราชบังลังก์!”
ตงฟางจั๋วมองดูมารดาตน แต่กลับพูดอะไรไม่ออก เขารู้ ตั้งแต่เล็กเสด็จแม่เคี่ยวเข็ญให้เขาอ่านตำราท่องหนังสือหลักการปกครองบ้านเมือง นางต้องลงทุนลงแรง และพยายามไม่น้อย ความลำบากมากมายที่นางประสบพบเจอมา มีเพียงเขาที่รู้ดีแก่ใจที่สุด ในฐานะโอรสองค์โตของราชวงศ์ การมีน้องชายที่เก่งกาจและได้รับความโปรดปรานมากกว่าอยู่ข้างกาย เป็นภัยอัตรายใหญ่หลวงอย่างไม่ต้องสงสัย! และเขาเองก็ถูกนำมาเปรียบเทียบกับตงฟางเจ๋อเสมอ เสด็จพ่อมีใจที่ลำเอียงมาตั้งแต่เด็กแล้วจริงๆ โดยเฉพาะในยามที่เหลียงกุ้ยเฟยยังมีชีวิตอยู่ยิ่งเห็นได้ชัดเจน แต่ว่า…ไม่ว่าอย่างไรเสด็จแม่ก็ไม่ควรวางแผนทำร้ายผู้หญิงที่เขารักที่สุด! ผู้หญิงคนนั้นคือความเจ็บปวดตลอดชีวิตของเขาเชียวนะ!
คิดมาถึงตรงนี้ เขากำหมัดแน่นจนนิ้วมือส่งเสียงดังลั่น สตรีสองคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตเขา คล้ายกำลังฉีกทึ้งเขาให้ตายทั้งเป็น ความเจ็บปวดโจมตีหน้าอก เขาหลุบตาต่ำ หอบหายใจหนักหน่วง
ฮองเฮาไม่อาจทนดู ในที่สุดก็เดินเข้ามากอดเขาเบาๆ “จั๋วเอ๋อร์ ทุกอย่างที่แม่ทำ ล้วนแล้วแต่ทำเพื่อเจ้า! จวนอัครเสนาบดีแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับตงฟางเจ๋อแล้ว ยามนี้ในสายตาของเสด็จพ่อเจ้าเขาได้เปรียบมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วเจ้าเล่า? เจ้ากลับมีเรื่องกับจวนเซ่อเจิ้งอ๋องเพียงเพราะเรื่องของหลีซู หรือเจ้าจะมองดูเขาสืบทอดราชบัลลังก์ไปต่อหน้าต่อตา แล้วต้อนพวกเราแม่ลูกให้จนมุม จึงจะสำนึกได้เสียที?”
ริมฝีปากแห้งผากของตงฟางจั๋วสั่นเล็กน้อย ทว่ากลับไม่อาจเอ่ยวาจาใด
ฮองเฮากล่าวอีกว่า “ยามนั้นเจ้ากับหลีซูแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ ผู้ใดบ้างไม่อิจฉาและสรรเสริญ? น่าเสียดาย สุดท้ายก็มีคนเจตนาทำให้ทุกอย่างพังทลาย! เขากลัวสิ่งใดเล่า? หรือกลัวเจ้ากับเซ่อเจิ้งอ๋องร่วมมือกัน แล้วจะเป็นภัยต่อตัวเขา?!”
ตงฟางจั๋วตกตะลึง ร้องถามเสียงหลง “เสด็จแม่! หมายความว่า…เช่นไร?”
ฮองเฮาสีหน้าเย็นชา “เจ้าคิดว่าเรื่องนั้น เป็นเรื่องที่ผู้หญิงตัวคนเดียวจะสามารถทำได้งั้นหรือ? อวี้หลิงหลง…เป็นเพียงเด็กกำพร้าคนหนึ่งเท่านั้น!”
ตงฟางจั๋วพูดไม่ออก เขาตกตะลึงจนใบหน้าซีดขาวดั่งหิมะ
“วางยาใส่ร้ายป้ายสี ซื้อตัวมือสังหาร แผนการชั่วร้ายใหญ่หลวงขนาดนี้ เสี่ยงอันตรายประหารเก้าชั่วโคตร อวี้หลิงหลงผู้เดียวจะทำได้เช่นไรกัน? ข้าคิดว่าผู้บงการเบื้องหลัง จะต้องเป็นคนอื่นแน่นอน!”
“แต่นางยอมรับแล้ว!” ตงฟางจั๋วตะโกนเสียงดัง
“นางจำต้องยอมรับ เพราะหากยอมรับ ก็ยังสามารถปกป้องบุตรสาวไว้ได้ หากไม่ยอมรับ ก็รังแต่จะนำภัยมาสู่ครอบครัว เข้าคุกเมื่อใด ก็มีแต่ตายสถานเดียว!” ฮองเฮาจ้องหน้าเขาอย่างแน่วแน่ ยิ้มเย็นชาแล้วกล่าวว่า “หลีซูถูกปรักปรำ จากนั้นก็ถูกสังหาร จุดประสงค์ก็เพื่อทำให้เจ้ากับเซ่อเจิ้งอ๋องแตกหักกัน! คนที่ได้รับผลประโยชน์จากเรื่องนี้ มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น…”
………………………………………………..