กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ - บทที่ 205 จู่ๆ ก็มีน้องสาวโผล่มา (1)
หรือว่า…ในโลกแห่งความปรารถนาของเขา ไม่มีนาง? ความผิดหวังมหาศาลแผ่ปกคลุมหัวใจของซูหลี นางหลุบตา เม้มปาก ไม่ได้เอ่ยคำใด
บรรยากาศในห้องเงียบงันไร้เสียง
ตงฟางเจ๋อพลันดึงนางเข้าไปกอด ซูหลีตกใจ หมายจะขัดขืน ทว่ากลับยิ่งถูกกอดแน่นขึ้น
“ซูซู” เขาขานเรียกนางเสียงแหบพร่า ในน้ำเสียงมีความลนลานแฝงอยู่ “อย่าจากข้าไป”
ซูหลีอึ้งงัน นี่หมายความว่าอย่างไร? นางเงยหน้ามองเขาอย่างแปลกใจ ยังไม่ทันมองหน้าเขาให้ชัดเจน ริมฝีปากของเขาก็กดทับลงมา
ซูหลีสะดุ้ง รีบผลักเขาออก “ตงฟางเจ๋อ! ไม่ได้นะ!”
ตงฟางเจ๋อผิดหวัง ถามว่า “เพราะเหตุใด? หรือในห้วงจินตนาการที่ซูซูมองเห็น ไม่มีข้า?” สายตาเขาสั่นระริกเล็กน้อย ไม่ได้มองข้ามความผิดหวังในสายตาของนางที่เกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาทีเมื่อครู่นี้
ซูหลีขมวดคิ้ว สีหน้าหนักใจ ส่ายหน้ากล่าวว่า “ไม่ใช่ข้า แต่เป็นท่านต่างหาก! หากคนที่อยู่ในใจท่านไม่ใช่ข้า ก็อย่าเสี่ยงอันตรายดีกว่า!”
ตงฟางเจ๋อพลันชะงักงัน แต่ไม่นานก็กลับมาแย้มยิ้ม สายตากลับมาอ่อนโยนดังสายน้ำอีกครา ไม่เปิดโอกาสให้พูดอะไร เขาก้มหน้าประทับจูบนางอีกครั้ง คราวนี้ไม่ว่านางจะผลักเขาออกอย่างไร เขาก็ไม่ปล่อยนาง
จากเผด็จการและแข็งกร้าว กลายเป็นอบอุ่นอ่อนโยน จูบของเขาเหมือนกำลังตอบข้อสงสัยในใจนาง จินตนาการเมื่อครู่ยังทำให้เขารู้สึกหวาดผวาไม่หาย โลกแห่งจิตใจเช่นนั้น เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยสักครั้ง
“ซูซู ถ้าหากไม่มีข้อตกลงนั้น เจ้าจะยังยอมช่วยข้าแก้พิษด้วยวิธีนี้หรือไม่?”
ซูหลีนิ่งอึ้ง เงยหน้ามองเขา ไม่ตอบกลับย้อนถาม “หากข้าไม่มีวิธีช่วยท่านแก้พิษ ท่านจะยังรักษาสัญญาสองปีอยู่ไหม?”
“แน่นอน” เขาพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ตอบอย่างไม่ลังเล
ซูหลีประหลาดใจเล็กน้อย นางครุ่นคิด ยิ้มแล้วตอบเสียงเบา “ข้า…อาจจะกระมัง”
คำตอบของนางไม่มั่นใจเหมือนเขา แต่ตงฟางเจ๋อกลับดีใจมาก นี่จึงสมกับเป็นนิสัยของนาง ไม่ได้ตอบคำถามไปตามน้ำ แสดงว่าในใจนางมีเขาอยู่
กอดนางไว้ในอ้อมอก ก้มหน้าจุมพิตกลางหน้าผากนางเบาๆ ความเสน่หาอันลึกล้ำ คล้ายต้องการทลายป้อมปราการอันเยือกเย็นที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกของจิตใจนาง ขณะเดียวกันก็ได้กลืนคำปฏิเสธของนางให้หายไปด้วย
เรือนร่างใต้น้ำนิ่มนวลนุ่มลื่น กลิ่นหอมเฉพาะกายของหญิงสาวลอยโชยอยู่ตรงปลายจมูก ตงฟางเจ๋อจูบไล่จากคิ้ว จมูก และริมฝีปาก มาจนถึงติ่งหูเล็กๆ ของนาง หยอกเย้าประสาทสัมผัสอันไวต่อความรู้สึกของนาง ซูหลีร่างกายสั่นสะท้าน ยอมรับความอ่อนโยนที่แปลกใหม่จากเขาแต่โดยดี
สัมผัสทางผิวกายทำให้ลมหายใจของทั้งสองเริ่มหนักหน่วง หัวใจเต้นรัว อารมณ์พลุ่งพล่าน
อากาศราวกับถูกแผดเผาในชั่วพริบตา
นางสูดหายใจอย่างไม่รู้ตัว แต่กลับทำให้สติชัดเจนขึ้นสองส่วน รีบหันไปหยิบยาแก้พิษ ครั้นคลำเจอริมฝีปากของเขา ก็รีบป้อนยาให้เขาด้วยปากตนเอง
ความเจ็บปวดพลันจู่โจมร่างกาย ราวกับเนื้อหนังและผิวกายถูกถลก โลหิตไหลรวมไปอยู่จุดเดียว คล้ายต้องการทะลวงแผงอกของเขาและพุ่งออกมา
ตงฟางเจ๋อเจ็บปวดจนร่างกายสั่นเทิ้ม แรงปรารถนาในดวงตาจางหายไปจนสิ้น เขารีบผลักนางออก หลับตาสูดหายใจแล้วกล่าว “รีบออกไป!”
ซูหลีไม่ได้ลืมที่เจียงหยวนกำชับนางไว้ เดิมทีนางหมายจะออกไปหลังจากป้อนยาให้เขา แต่เมื่อนางลุกขึ้น แล้วมองเห็นใบหน้าที่พยายามอดกลั้นต่อความเจ็บปวดของเขา ร่างกายนางกลับนิ่งค้างราวกับถูกตรึงไว้ จะให้ทิ้งเขาไว้กับความเจ็บปวดเพียงลำพัง นางกลับทำไม่ได้!
“เหตุใดยังไม่ไปอีก?” ความเจ็บปวดรุนแรงเป็นตัวการเข้าไปกระตุ้นความรุนแรงในร่างกาย ทำให้เกิดความต้องการที่จะทำลายทุกสิ่งเพื่อลดความเจ็บปวดในร่างกาย ใบหน้าหล่อเหลาของตงฟางเจ๋อเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น คิ้วเข้มขมวดแน่นเพราะต้องข่มกลั้นอย่างสุดชีวิต “สิ่งที่เจ้าทำได้ เจ้าก็ทำหมดแล้ว! รีบออกไป!”
เขากำชับอย่างร้อนใจในตอนที่ยังสามารถควบคุมตนเองได้ แต่ซูหลีกลับกัดฟัน หมุนกายหันกลับมากอดเขา
ตงฟางเจ๋อสะท้านไปทั้งใจ กล่าวอย่างประหลาดใจ “เจ้า…” ยังเอ่ยไม่ทันจบประโยค ซูหลีก็เงยหน้าจูบริมฝีปากเขาเบาๆ
ร่างกายของตงฟางเจ๋อแข็งทื่อไปทันที นี่เป็นครั้งแรกที่นางเป็นฝ่ายใกล้ชิดเขาก่อน นางจูบเงอะงะ ไม่ได้จงใจยั่วยวน แต่เขากลับใจเต้นรัวเพราะจูบเช่นนี้ของนาง
นางอยากช่วยเขาบรรเทาความเจ็บปวด ไม่มีอะไรล้ำค่าไปกว่าความตั้งใจนี้แล้ว ความอ่อนโยนที่ไม่เคยได้รับมาก่อน หลอมละลายหัวใจอันแข็งกระด้างของชายหนุ่มที่เติบโตขึ้นมาท่ามกลางแวดวงอำนาจให้นุ่มนวล ความเจ็บปวดมหาศาลในร่างกายราวกับทุเลาลงไปมากจริงๆ ทว่าก็เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น
“ซูซู!” เขากอดรัดนางแน่น แล้วก็ผลักนางออก กล่าวเสียงแหบ “ข้ากลัวควบคุมตนเองไม่ได้แล้วจะทำร้ายเจ้า!”
ซูหลีเงยหน้าเอ่ยว่า “ท่านไม่ทำแน่!” ในสระน้ำพุร้อน เขาไม่ได้ทำร้ายนาง! ในโรงเตี๊ยมริมแม่น้ำ เขาก็ไม่ได้ทำ! นางเชื่อว่าความสามารถในการควบคุมตนเองของเขาจะเอาชนะทุกอย่างได้
สายตาอันแน่วแน่จดจ้องนัยน์ตาที่ฉายแววทรมานของเขา ตงฟางเจ๋อพลันรู้สึกขมฝาด แม้แต่เขายังไม่กล้ารับประกัน นางกลับเชื่อมั่นถึงเพียงนี้!
ซูหลีกอดเขาอีกครั้ง เรือนร่างบอบบางราวกับมีขุมพลังไม่สิ้นสุดถือกำเนิดขึ้น ยิ่งเขาผลักนาง นางก็ยิ่งกอดเขาแน่นขึ้น
แขนของนางถูกบีบจนเขียวช้ำ แต่นางก็ไม่ปล่อยมือ ชีวิตคนเราต้องมีสักครั้งที่จะทำตามใจตนเอง ความสุข ไม่ใช่ว่าเอาแต่รอคอยแล้วมันจะมาหาเอง บางครั้งก็ต้องออกไปไขว่คว้ามันมา คนสองคนกอดกันแน่น หัวใจแนบชิดหัวใจ เสียงหัวใจเต้นของอีกฝ่ายทำให้อีกฝ่ายสั่นไหว หัวใจของตงฟางเจ๋อค่อยๆ สงบลงอย่างปาฏิหาริย์
สีหน้าเขากลับมาเป็นปกติ ทว่ากลับไม่อยากปล่อยมือจากหญิงงามในอ้อมอก ราวกับคนผู้นี้และดวงวิญญาณดวงนี้ สามารถเติมเต็มช่องว่างในหัวใจของเขา และอยู่เคียงข้างเขาไปทุกชาติภพ
“ยินดีกับคุณชายด้วย พิษถูกขับออกจนสิ้นแล้ว” เสียงเย็นชาของเจียงหยวนดังมาจากนอกประตู พาให้ชายหญิงที่ยังจมดิ่งอยู่ในห้วงแห่งอารมณ์สะดุ้ง
ซูหลีรีบผลักเขาออก หมายจะเดินไปหยิบเสื้อผ้า ทว่ากลับนึกไม่ถึงว่าเท้าจะลื่น ส่งผลให้ล้มกลับไปในอ้อมกอดของเขาอีกครั้ง!
“ซูซู…” เขากอดนางเบาๆ ในใจรู้สึกอิ่มเอมอย่างบอกไม่ถูก “อยู่กับข้าอีกประเดี๋ยว”
ซูหลีประหม่าจนพูดอะไรไม่ออก เขากลับหัวเราะ “เมื่อครู่ยังเข้าใกล้ข้าอย่างใจกล้า เหตุใดยามนี้กลับมาถือเคร่งในกรอบอีกแล้วเล่า?”
“เมื่อครู่…สถานการณ์บังคับ ย่อมไม่มีเวลาให้คิดมาก ยามนี้ท่านแก้พิษสำเร็จแล้ว ก็รีบลุกขึ้นเถิด” นางผลักเขาออก ทั้งสองกอดกันโดยที่ร่างกายไร้อาภรณ์ห่อหุ้ม ครั้นดิ้นขัดขืน อุณหภูมิอุ่นๆ จากผิวกายพลันกระตุ้นประสาทสัมผัส ทำให้ใบหน้านางแดงผ่าว
ตงฟางเจ๋อกลับไม่อยากปล่อยมือ กระซิบแผ่วเบาข้างหูนาง “ขอบใจเจ้ามาก”
ซูหลีอึ้ง ยิ่งพูดอะไรไม่ออก
“ภายหน้าหากซูซูอยากทำสิ่งใด อยากไปที่ใด ข้าจะอยู่เคียงข้างเสมอ ไม่มีวันทอดทิ้งแน่นอน”
วาจาของเขาหนักแน่นเพียงนั้น หัวใจของซูหลีเต้นรัวอย่างบ้าคลั่ง พิษดอกฉิงฮวาถูกขับออกหมดแล้ว เช่นนั้นก็หมายความว่า คนที่เขารักคือ…นาง! เช่นนั้นที่บอกว่าจะไม่ทอดทิ้ง คือคำสัญญาหรือ?
“ซูซูเหตุใดไม่พูดอะไรบ้างเลย? ไม่เชื่อข้าหรือ?” เสียงเนิบนาบของเขาแฝงแววเสน่หาชวนหลงใหลอันแสนอันตราย หยอกเย้าหัวใจของซูหลี
นางรีบตั้งสติ กล่าวอย่างจริงจัง “ดีเพคะ ในเมื่อท่านอ๋องเอ่ยเช่นนี้ ซูหลีมีเรื่องหนึ่งอยากให้ท่านอ๋องช่วยอยู่พอดี”
“เรื่องใด?” เขาแย้มยิ้มอ่อนๆ ไม่ตื่นเต้นแม้แต่น้อย
………………………………………………………..