กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ - บทที่ 216 ควรยอมนางหรือไม่? (2)
ซูหลีเลิกคิ้วเล็กน้อย “ไม่ได้หรือเพคะ?”
ตงฟางเจ๋อหันมองนาง นัยน์ตาลึกล้ำ ไม่เอ่ยคำใดอีก หลังจากเรื่องแก้พิษ เขาก็มั่นใจในความรู้สึกของนางแล้ว แต่ในทางตรงกันข้าม เขากลับคาดเดาความคิดของนางไม่ถูก ในเมื่อนางชอบเขาจากใจ เหตุใดยังต้องระวังเขาถึงเพียงนี้ ไม่ยอมพูดความจริงกับเขาแม้แต่ประโยคเดียว ซ้ำยังหลีกเลี่ยงความใกล้ชิดจากเขามากขึ้นเรื่อยๆ เช่นนี้อีก?
ไล่ตามมาตลอดทาง ไม่เห็นเงาของเสือดาว ซูหลีหมายจะเอ่ยว่าตามมาผิดทางหรือไม่? แต่ยามนี้เอง เสือดาวที่ซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้ไกลๆ กลับสัมผัสได้ถึงการสะกดรอยตามของนักล่าอย่างว่องไว มันตวัดสายตาดุร้ายไม่เป็นมิตรทอดมองมา ก่อนจะพุ่งตัวเข้าไปยังพุ่มไม้ที่ลึกกว่าอย่างรวดเร็ว
ครานี้ตงฟางเจ๋อไม่ยอมปล่อยผ่าน เขาง้างธนูเต็มวงแขน และปล่อยออกไปอย่างรวดเร็ว ‘สวบ’ ลูกธนูแหลมคมพุ่งแหวกอากาศ พุ่งตัวเป็นเกลียวไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูง
เสียงคำรามเคียดแค้นของสัตว์ร้ายดังกึกก้องไปทั่วฟ้า พาให้นักล่าทุกคนที่อยู่ในสนามต่างพากันชะงักไปชั่วขณะ
ซูหลีกับหวั่นซินพลันอึ้งงัน หันไปมองหน้ากันโดยสัญชาตญาณ ทักษะการยิงธนูอันยอดเยี่ยมของตงฟางเจ๋อ ไม่ได้เป็นเพียงข่าวลือดังคาด วิธีการยิงธนูแบบหมุนควงกลางอากาศเช่นนี้ ถึงแม้จะแม่นยำกว่ายิงตรง แต่ความเร็วกลับลดลงอย่างมาก ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีใครยิงเป็น นางกระทั่งยังมองไม่เห็นว่าเหยื่ออยู่ที่ใด เขากลับยิงโดนอย่างแม่นยำ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เพียงมีทักษะการยิงธนูที่ยอดเยี่ยม สัญชาตญาณว่องไว แต่ยังมีกำลังภายในที่ลึกล้ำยากคาดเดาอีกด้วย! โดยเฉพาะยามนี้เมื่อพิษของดอกฉิงฮวาถูกแก้แล้ว เขาก็ไร้ซึ่งความกังวลอีก
เซิ่งฉินรีบเข้าไปเก็บศพเหยื่อ ตงฟางเจ๋อกับซูหลีก็ขี่ม้าเข้าไป แต่ในตอนนี้เอง ลึกเข้าไปในป่าทึบ สตรีนางหนึ่งกลับตะโกนร้องอย่างดีใจ “ยิงโดนแล้ว! ยิงโดนแล้ว!”
เมื่อเสียงหัวเราะกังวานใสของหญิงสาวดังขึ้น เงาร่างสีแดงเพลิงดั่งก้อนเมฆ ณ ขอบฟ้าสายหนึ่งพุ่งพรวดเข้ามาอย่างรวดเร็ว อาภรณ์สีแดงเพลิง ชุดแต่งกายชาวต่างถิ่น ผู้มาอายุราวสิบห้าสิบหกปี เส้นผมยาวสวยที่ถูกรวบสูงปลิวไสวกลางอากาศไปตามแรงควบม้า ไข่มุกหลากสีประดับอยู่บนหน้าผาก ยามแสงตะวันที่ส่องลอดเข้ามาในป่าทึบสาดกระทบไข่มุกหลากสีบนศีรษะนาง พลันเปล่งประกายระยิบระยับ งามสะดุดตา ทว่าสิ่งที่สะดุดตายิ่งกว่าไข่มุก คือดวงหน้าอันงดงามสดใส และรอยยิ้มที่เจิดจ้าดั่งแสงตะวันของหญิงสาว นางตะบึงม้าเข้ามาด้วยความเร็ว
ราศีโดดเด่นสะดุดตาถึงเพียงนี้ หากอีกฝ่ายไม่ใช่สตรี ซูหลีแทบจะคิดว่าเป็นหยางเซียวมาเยือนแล้ว!
ด้านหลังนางมีผู้ติดตามหญิงที่แต่งกายด้วยชุดชาวต่างถิ่นเหมือนกันตามมาหนึ่งคน นางกล่าวอย่างดีใจ “องค์หญิง ผลงานชั้นยอดต้องตกเป็นขององค์หญิงแน่นอนเพคะ!”
เสียงหัวเราะแหลมใสของหญิงสาวดังทะลุชั้นเมฆ ราวกับเสียงนกนางแอ่นก็มิปาน หญิงสาวชุดแดงดึงบังเหียน เงยหน้ามาเห็นตงฟางเจ๋อ ก็ร้อง ‘เอ๊ะ’ อย่างแปลกใจ ดวงตากลมโตยิ่งเป็นประกายเจิดจ้าน่าประทับใจ นางมองพิจารณาเขาขึ้นลง คล้ายไม่เคยเห็นบุรุษใดรูปงามเท่านี้มาก่อน!
หญิงสาวนางนั้นหันมองอีกทาง สายตาปะทะเข้ากับใบหน้าซูหลี แววตาเป็นประกายเจิดจ้าอีกครั้ง เต็มไปด้วยความรู้สึกแปลกใหม่และค้นหา
เซิ่งฉินเห็นหญิงผู้ติดตามเดินไปหมายจะเก็บซากเสือดาว ก็ขมวดคิ้วเอ่ยปราม “เสือดาวตัวนี้ท่านอ๋องของข้ายิงได้! เจ้าห้ามแตะต้อง!”
หญิงผู้ติดตามชุดเขียวนางนั้นอึ้งงัน รีบกล่าวตาขวาง “เจ้าพูดจาเหลวไหล! เสือดาวตัวนี้องค์หญิงของข้ายิงโดน! นี่ไง เจ้าดู ลูกธนูขององค์หญิงยังอยู่บนตัวมันอยู่เลย!” หญิงผู้ติดตามชุดเขียวพลิกศพเสือดาว บนท้องสีขาวนวลมีลูกธนูปีกนกสีขาวเสียบคาอยู่ บนลูกธนูมีอักษร ‘องค์หญิงเจาหวา’ ปรากฏเด่นชัด
เป็นองค์หญิงเจาหวาหยางเสวียนที่เลื่องชื่อที่สุดในแคว้นเปี้ยนดังคาด! ถึงแม้เห็นแวบแรกก็รู้ฐานะของอีกฝ่ายแล้ว แต่ยามนี้ซูหลีกลับตึงเครียด หันไปมองบุรุษข้างกาย เห็นเพียงเขากำลังมองไปข้างหน้าด้วยสายตาลึกล้ำ มองไปยังหญิงสาวอาภรณ์สีแดงสดใสที่งดงามสะดุดตาบนหลังม้าผู้นั้น แววชื่นชมพาดผ่านดวงตาเขา
เซิ่งฉินอึ้งไปเล็กน้อย รีบพลิกศพเสือดาวไปอีกด้าน ชี้ไปที่ลูกธนูปีกนกสีดำที่ปักอยู่บนคอเสือดาว บนลูกธนูปรากฏอักษร ‘เจิ้นหนิงอ๋อง’ บ่งบอกถึงเจ้าของเหยื่ออย่างชัดเจน
หญิงผู้ติดตามชุดเขียวเบิกตากว้าง ที่แท้ตงฟางเจ๋อและองค์หญิงเจาหวาก็ยิงเสือดาวตัวนี้ได้พร้อมกัน ธนูที่ปักตรงคอคือจุดปลิดชีพ ลูกที่อยู่ตรงท้องก็ปักลงไปลึกยิ่งนัก ยากจะตัดสินว่าผู้ใดเป็นคนยิงมันตาย
“องค์หญิงเพคะ! พวกเขาต้องการแย่งผลงานขององค์หญิง!” หญิงผู้ติดตามชุดเขียวลุกขึ้นอย่างโกรธเคือง ร้องขึ้นอย่างเดือดดาล
เซิ่งฉินคัดค้านเสียงเกรี้ยว “เสือดาวตัวนี้ เดิมทีท่านอ๋องของข้าก็ไล่ล่ามาจากทางนั้นแต่แรก พวกเจ้าแย่งเหยื่อของผู้อื่น แล้วยังใส่ความกันอีก!”
เจ้านายของทั้งสองยังไม่ทันเอ่ยคำใด บ่าวรับใช้ก็ทะเลาะกันเสียก่อนแล้ว
ตงฟางเจ๋อกระดกคิ้วเบาๆ “องค์หญิงเจาหวาแห่งแคว้นเปี้ยน รูปโฉมโดดเด่น งดงามผึ่งผาย ศิลปะต่อสู้ยอดเยี่ยม ช่ำของการขี่ม้ายิงธนู เป็นจริงดังข่าวลือตามคาด!”
หญิงสาวชุดแดงกะพริบตาปริบๆ ถูกคนชมต่อหน้าเช่นนี้ นางไม่เหนียมอายเช่นสตรีทั่วไป กลับหัวเราะอย่างร่าเริง “เจิ้นหนิงอ๋องผู้เลื่องชื่อแห่งแคว้นเฉิง รูปโฉมหล่อเหลา ฉลาดปราดเปรื่อง เย็นชาห่างเหิน…ความจริงท่านไม่ได้เย็นชาเหมือนในข่าวลือ! เช่นนี้ก็ดี! เย็นชาในยามที่ควรเย็นชา ยามที่ควรอ่อนโยนก็อ่อนโยนมาก บุรุษเช่นนี้มีเสน่ห์ที่สุด! ข้าชอบยิ่งนัก!” นางหัวเราะอย่างเบิกบาน ราวกับพบบุรุษในดวงใจที่สวรรค์ประทานให้อย่างไรอย่างนั้น
ซูหลีหนักอึ้งในใจ สีหน้ากลับไร้ซึ่งคลื่นอารมณ์ เงยหน้ามองตงฟางเจ๋อ ทว่ากลับคาดไม่ถึงว่าเขากำลังมองมาพอดี ซูหลีแย้มยิ้มบางๆ คล้ายกำลังบอกว่า ท่านมีผู้ชื่นชมเพิ่มมาอีกคนแล้ว
ตงฟางเจ๋อกระตุกมุมปากเล็กน้อย เพียงยิ้มอ่อนๆ ไม่รู้ว่าหมายความเช่นไร
ได้ยินเพียงหยางเสวียนกล่าวว่า “ข้ามาเยือนเป็นครั้งแรก เสือดาวตัวนี้ เจิ้นหนิงอ๋องยอมยกให้ข้าเป็นเช่นไร?” รอยยิ้มของนางร่าเริงสดใส พาให้ผู้คนยากจะปฏิเสธ
ตงฟางเจ๋อกลับเอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “ในเมื่อองค์หญิงเอ่ยปากขอ ข้าย่อมต้องอยากให้เกียรติ แต่จนใจที่ข้าสัญญาต่อหน้าฮองเฮาไว้แล้วว่าจะใช้ผลงานนี้ชดเชยที่มาสาย หวังว่าองค์หญิงจะทรงให้อภัย”
ครั้นเห็นเขาไม่ยอมถอยให้ ในที่สุดรอยยิ้มของหยางเสวียนก็จางลง คิ้วงามขมวดเบาๆ กล่าวด้วยสายตาเด็ดเดี่ยว “ข้าเองก็เคยกล่าวต่อหน้าฮ่องเต้แคว้นเฉิงเช่นกันว่าจะสร้างผลงานเพื่อแลกกับรางวัลงามจากแคว้นเฉิง! ฉะนั้นผลงานนี้ ข้าจะต้องครอบครองให้จงได้!”
ตงฟางเจ๋อสายตาขรึมลง สีหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์ นัยน์ตาคมปลาบดั่งดาบน้ำแข็ง กลิ่นอายเย็นชาพลันแผ่กำจาย ราวกับต้องการแช่แข็งอากาศ
หญิงผู้ติดตามชุดเขียวหน้าเปลี่ยนสี ถอยไปยืนข้างหยางเสวียนอย่างไม่รู้ตัว หยางเสวียนสั่นสะท้าน ม้าที่อยู่เบื้องล่างเองก็คล้ายจะรับรู้ได้ถึงอันตราย ถึงขั้นสะบัดศีรษะส่งเสียงคราง ถอยหลังไปสองก้าว
ที่แท้นี่ก็คือไอพิฆาตของเขา เย็นเยียบไปจนถึงกระดูกเช่นนี้!
บรรยากาศพลันตึงเครียด
พวกเขาต่างรู้ดีว่าในการล่าสัตว์ ผู้ใดมีผลงานเป็นคนแรกเป็นเรื่องสำคัญมาก เห็นชัดว่ายามนี้ทั้งสองล้วนไม่คิดจะถอย
ยามนี้ เสียงกีบเท้าม้ากระทบพื้นดังมาจากรอบข้าง ฮ่องเต้แห่งแคว้นเฉิงพร้อมหลีเฟิ่งเซียน จั้นอู๋จี๋ เหลียงสือชูและคนอื่นๆ ควบม้ามาตามเสียงคำรามอย่างเคียดแค้นของเสือดาว ผ่านไปไม่นาน ตงฟางจั๋วเองก็มาปรากฏตัวอยู่ข้างหลังด้วย
เห็นสัตว์ร้ายนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น ฮ่องเต้พลันสำราญพระทัย สีหน้ารื่นรมย์ หัวเราะแล้วกล่าวว่า “ดูท่าคงมีคนชิงทำผลงานได้เป็นคนแรกแล้ว เสือดาวตัวนี้ ผู้ใดเป็นคนสังหาร?”
ไม่รอให้ตงฟางเจ๋อเปิดปาก หยางเสวียนพลิกกายลงจากม้า ค้อมกายไปทางฮ่องเต้ ยิ้มพลางเอ่ยว่า “ทูลฝ่าบาท…เป็นเจาหวา…และเจิ้นหนิงอ๋องสังหารได้พร้อมกัน เจาหวากำลังอยากขอให้ฝ่าบาททรงพิจารณา ผลงานนี้…สมควรเป็นของผู้ใดกันแน่เพคะ?”
…………………………………………….