กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ - บทที่ 234 ชะตาชีวิตผูกพัน (2)
ซูหลีมีท่าทางผ่อนคลาย ราวกับไม่รับรู้ แต่ในใจกลับเย็นเยียบ สถานการณ์ในยามนี้ ตงฟางเจ๋อทำให้ฮ่องเต้กริ้วจนถูกกักบริเวณหนึ่งเดือน ฮองเฮาย่อมไม่มีทางพลาดโอกาสที่จะให้ตงฟางจั๋วแสดงความสามารถต่อหน้าฮ่องเต้ไปอยู่แล้ว ย้อนนึกไปถึงวันนั้น สายตาของฮองเฮาที่แสดงออกถึงแววเจ็บใจ เป็นเหมือนภาพติดตาที่คอยตามหลอกหลอน ทำให้นางรู้สึกหนักอึ้งในใจขึ้นอีกหลายส่วน
เดินทางมากว่าครึ่งค่อนวัน ในที่สุดก็มาถึงเขตแดนภูเขาฝูซาน ขบวนด้านหน้าไม่รู้เหตุใดอยู่ๆ ก็ชะลอความเร็วลง
ม่านรถม้าถูกแหวกขึ้น ห่างออกไปไม่ไกล หินก้อนใหญ่ขนาดสูงครึ่งตัวคนขวางอยู่กลางทาง ทำให้รถม้ามิอาจผ่านไปได้ ทหารกลุ่มหนึ่งเดินเข้าไปออกแรงผลัก
แต่ในตอนนี้เอง ท่ามกลางความเงียบ เสียงสวบสาบพลันดังขึ้นพร้อมกับไอสังหารรุนแรง ซูหลีสะท้านไปทั้งใจ รีบเลิกม่านรถม้าขึ้น เห็นเพียงกลางอากาศ มีห่าธนูดั่งสายฝน แผ่ปกคลุมไปยังทหารกลุ่มนั้นเหมือนดั่งเมฆครึ้มก้อนใหญ่
ทุกคนหวีดร้องตกใจ ผงะถอยคนละทิศคนละทาง ชักดาบขึ้นมาปัดป้อง แต่ห่าธนูโจมตีอย่างรวดเร็วและดุดัน พวกเขาไม่ทันหลบเลี่ยงก็ถูกยิงเสียแล้ว ชั่วขณะหนึ่ง นอกรถม้าเลือดสาดทั่วทิศ กลิ่นคาวเลือดลอยคลุ้ง เสียงกรีดร้องดังระงม พาให้ผู้คนอกสั่นขวัญหาย
บนหน้าผา ชายชุดดำปิดบังใบหน้านับสิบคนพลันกระโดดลงมา พาเอาไอพิฆาตรุนแรงเข้าปะทะกับทหารที่เหลืออย่างดุเดือด ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน รวดเร็วจนแทบตั้งตัวไม่ทัน
ฮองเฮาคล้ายตะลึงงันไปแล้ว อ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออก หลีเหยาหน้าซีด ร่างกายสั่นเทาจนไม่อาจขยับเขยื้อน
ซูหลีหน้าเปลี่ยนสี ตัดสินใจตะโกนออกไปข้างนอก “หันกลับทางเดิม! เร็วเข้า!”
คนขับรถม้าทำตามคำสั่ง รีบหันหัวรถกลับไปยังทางเดิมด้วยความเร็วสูง
วิ่งไปได้ไม่ไกล ชายชุดดำปิดบังใบหน้าหลายคนก็ปรากฏตัวข้างถนนที่เป็นป่าทึบ ก่อนจะพุ่งตัวออกมาขวางทางไว้ เห็นชัดว่าพวกเขาซุ่มอยู่ที่นี่ก่อนแล้ว ทหารสิบกว่าคนสุดท้ายที่เฝ้าคุ้มกันอยู่ข้างรถม้าไม่พูดพร่ำทำเพลง ตวัดดาบพุ่งตัวเข้าไปทันที
ยามนี้ ธนูแหลมดอกหนึ่งบินแหวกอากาศมาพร้อมกลิ่นอายแห่งความตาย พุ่งทะลุลำคอของคนขับรถม้าในพริบตา! ศพของเขาหงายหลังล้มเข้ามาในตัวรถทันที หลีเหยากับฮองเฮาหวีดร้องตกใจ กลิ่นคาวเลือดรุนแรงลอยคลุ้งไปทั่วตัวรถ
ซูหลีกับหยางเสวียนขมวดคิ้วพร้อมกัน แต่สีหน้าของพวกนางถือว่าค่อนข้างสงบเยือกเย็น
ชายชุดดำปิดบังใบหน้าเหล่านี้เห็นชัดว่าช่ำชองการลอบสังหารบนถนนเส้นนี้ ทุกกระบวนท่าร้ายกาจ แม้มีคนน้อยกว่ากลับไม่เสียเปรียบ ผ่านไปไม่นาน ก็สังหารทหารได้หลายคนแล้ว อีกไม่กี่คนที่เหลือก้าวถอยช้าๆ เห็นชัดว่าตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบ
ซูหลีขมวดคิ้วแน่น อาวุธลับในแขนเสื้อไหลลงมาอยู่กลางฝ่ามืออย่างเงียบงัน เหลือเพียงรอโอกาสตวัดออกไป
การโจมตีที่รุนแรง และการร่วมมือประสานงานกันอย่างโดดเด่นเช่นนี้ ในยุทธภพนอกจากสำนักเฉินเหมินแล้ว คล้ายจะไม่เคยเจอที่ไหนอีก!
ซูหลีจ้องการเคลื่อนไหวของเหล่านักฆ่าตาไม่กะพริบ ยิ่งมองดูก็ยิ่งรู้สึกเคร่งเครียด นางในฐานะเจ้าสำนัก สามารถบอกได้อย่างมั่นใจว่าคนพวกนี้ไม่ได้มาจากสำนักเฉินเหมิน!
ฮองเฮากุมมือหลีเหยาแน่น แทบไม่รู้ตัวว่าแรงบีบของตนเองทำให้ผิวเนียนนุ่มดั่งหยกขาวเริ่มเขียวช้ำ ครั้นเห็นนักฆ่าคนหนึ่งหลบหลีกทหารตรงหน้า ลอยตัวเหนือพื้นพุ่งตัวแหวกอากาศมาทางรถม้าอย่างรวดเร็ว! นางก็อดตะโกนเสียงสั่นไม่ได้ “นั่น เขาเข้ามาแล้ว!”
ทั้งด้านหน้าและด้านหลังไร้ซึ่งหนทางหนี สถานการณ์คับขันยิ่งนัก!
แววคมปลาบพาดผ่านสายตาซูหลี หมายจะลงมือ หยางเสวียนกลับเร็วกว่าหนึ่งก้าว ถีบศพกระเด็น ก่อนจะพุ่งตัวออกไปยืนอยู่หน้ารถม้าอย่างไร้ความเกรงกลัว อาภรณ์สีแดงเพลิง เส้นผมดำสลวยที่ถูกรวบสูงปลิวไสวเบาๆ ดวงตาที่เปล่งประกายเหมือนดวงดารามีประกายนักสู้โลดแล่น แส้อ่อนที่คาดเอวไว้ถูกดึงมากำไว้ในมือ ก่อนจะตวัดแส้ออกไปกลางอากาศอย่างรวดเร็วดั่งสายอัสนีบาต!
นักฆ่าคล้ายนึกไม่ถึงว่าในรถม้าจะยังมียอดฝีมือเช่นนี้อยู่ จึงตกตะลึง ยามนี้ซูหลีกลับรั้งทัพรอดูสถานการณ์ สังเกตกระบวนท่าของหยางเสวียนเงียบๆ คนที่ใช้แส้ยาวเป็นอาวุธนั้นหาได้ยากมาก หากกำลังภายในไม่แกร่งพอ ก็ยากจะควบคุมทิศทาง นึกไม่ถึงหยางเสวียนอายุยังน้อย กลับมีกระบวนท่าจู่โจมร้ายกาจเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าวรยุทธ์ไม่ธรรมดา!
นักฆ่าผู้นั้นลอยตัวอยู่กลางอากาศ ทำได้เพียงเบี่ยงกายหลบหลีกไปได้อย่างเฉียดฉิว ทว่าอาภรณ์บนกายกลับถูกสายลมแรงที่เกิดจากการตวัดของแส้บาดจนขาด! ผิวกายพลันปรากฏรอยเลือดหนึ่งเส้น
ดวงตางามของหยางเสวียนกลอกหมุน ยิ้มระรื่นมองหน้าเขา “เป็นอย่างไรบ้าง รสชาตินี้ไม่เลวเลยใช่ไหม?”
วาจาที่คุ้นเคย ทำเอาซูหลีอึ้งงันไปทันที
นักฆ่าทิ้งกายลงพื้น พลันรู้สึกผิวกายแสบร้อนเจ็บปวดยากจะทานทน ในใจทั้งโกรธทั้งตกใจ เมื่อก้มหน้ามอง ก็เห็นขอบแผลบวมช้ำและดำคล้ำ! แส้เส้นนั้นกลับอาบยาพิษ! เขาพลันมองลอดเข้าไปในรถม้า ดวงตาภายใต้ผ้าโปร่ง พลันบังเกิดไอพิฆาต เขาตวาดเสียงเกรี้ยว “จับตัวยายเฒ่านั่น!” เห็นชัดว่าเขาเป็นหัวหน้า ยามนี้ทหารไม่กี่คนที่ถูกล้อมโจมตีทยอยล้มลงท่ามกลางกองเลือด นักฆ่ากลุ่มนี้เมื่อได้ยินคำสั่ง ก็รีบกรูกันเข้าไป
ซูหลีขมวดคิ้ว วาจานี้ หมายความว่านักฆ่ากลุ่มนี้หมายหัวฮองเฮา? ผู้ใดกันช่างใจกล้าเช่นนี้ ถึงกับลอบสังหารฮองเฮาองค์ปัจจุบัน!
ฮองเฮาได้ยินก็ตัวสั่น หน้าซีดเผือด เห็นชัดว่าตกใจไม่น้อย กอดหลีเหยาแน่น พยายามรักษาท่าทีสงบนิ่ง
หยางเสวียนยิ้มเย็น ตอบอย่างห้าวหาญ “เช่นนั้นก็ต้องถามแส้ในมือข้าก่อนว่าจะยอมหรือไม่!” กลีบปากเผยอขึ้นเผยรอยยิ้มเย็นชา แส้ในมือตวัดหมุนด้วยความเร็ว ส่งเสียงดังชวนสะพรึงกลางอากาศ นางยืนโดดเด่นอยู่ผู้เดียว ตวัดหมุนแส้หนังจนไร้ช่องโหว่ นักฆ่ากลุ่มนั้นถูกกันไว้นอกวง ไม่อาจเข้าใกล้
ผู้นำกลุ่มชายชุดดำเงยหน้า ก็เห็นว่าทหารที่อยู่ตรงหินขนาดใหญ่ฝ่าวงล้อมออกมาได้ และวิ่งเข้ามาล้อมที่นี่เอาไว้แล้ว ในใจพลันลนลาน รีบโบกมือส่งสัญญาณถอยทัพ ทว่ากลับไม่ทันกาลเสียแล้ว
“คิดหนีหรือ? ไม่ง่ายหรอกนะ ข้ายังเล่นสนุกไม่พอเลย!” ครั้นอ่านจุดประสงค์ของอีกฝ่ายออก หยางเสวียนยิ้มเย็นแล้วกล่าว นางตวัดแส้พุ่งแหวกอากาศไปทางศีรษะของผู้นำกลุ่มชายชุดดำ ปลายแส้ตวัดเกี่ยวมวยผมของเขา ร่างกายพลันถูกกระชากลอยเหนืออากาศ จากนั้นก็ถูกพละกำลังมหาศาลลากไปกับพื้น!
ปลายดาบแหลมคมหลายเล่มจ่อมาที่ลำคอเขา ไม่อาจขยับเขยื้อนได้อีก
“บอกมา! ผู้ใดบงการให้เจ้าลอบสังหารฮองเฮา?” หยางเสวียนตวาดถามเสียงเกรี้ยว ความน่าเกรงขามที่แผ่กำจายออกมาในเสี้ยววินาที กลับไม่ด้อยไปกว่าบุรุษเพศ
ผู้นำกลุ่มชายชุดดำหลับตาไม่ตอบคำถาม กลีบปากสั่นเทา หยางเสวียนตวัดแส้ตบใบหน้าเขาอีกครั้ง ฟันและเลือดผสมยาพิษพลันทะลักออกมา
ผ้าโปร่งคลุมหน้าสีดำถูกตวัดร่วง เผยให้เห็นใบหน้าชั่วร้าย หยางเสวียนอึ้งงัน คนผู้นี้ดูเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
ซูหลีที่อยู่ในรถม้าครั้นเห็นคนผู้นี้ ก็อึ้งไปทันที คนผู้นี้ ถึงแม้นางไม่รู้ชื่อแซ่ แต่กลับมั่นใจเต็มร้อยว่าเขาคือหนึ่งในองครักษ์ชุดเกราะของตงฟางเจ๋อ! สายลมหนาวหอบหนึ่งพลันพัดผ่าน ซูหลีรู้สึกเย็นเยียบไปทั้งร่างกาย บนใบหน้าเหมือนมีเกล็ดน้ำแข็งเล็กๆ ตกกระทบ นางเงยหน้าขึ้น ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใดที่หิมะร่วงโรยเต็มท้องฟ้า
วันที่สิบห้าเดือนสิบสองขบวนของฮองเฮาออกเดินทาง ประสบเหตุลอบสังหารระหว่างทาง หนึ่งในผู้ร้ายที่ถูกจับได้ หลังผ่านการตรวจสอบ พบว่าคนผู้นี้เป็นองครักษ์ชุดเกราะของเจิ้นหนิงอ๋องตงฟางเจ๋อ และรับสารภาพในชั้นศาลว่าภารกิจลอบสังหารครั้งนี้รับคำสั่งมาจากเจิ้นหนิงอ๋อง
ฮ่องเต้ได้ยินก็โกรธเกรี้ยวสุดแสน มีราชโองการให้จับตัวโอรสที่เคยเป็นที่ภาคภูมิใจที่สุดขังในคุกมืดอันเป็นสถานที่ซึ่งคนทั่วไปยอมตายดีกว่าเข้าไปในนั้น! เรื่องนี้สะเทือนไปทั้งราชสำนัก ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้าง
…………………………………………………