กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ - บทที่ 261 ข้าคิดถึงเจ้า! (1)
ตงฟางเจ๋อมองเขาอย่างเย็นชา ยิ้มอย่างไร้ความปรานี “สิ่งที่ข้าต้องการที่สุด ก็คือชีวิตของกู้หยวนถง! หากนางไม่ตาย ก็ไม่มีใครพานางไปไหนได้” ไม่ง่ายเลยกว่าจะมาถึงวันนี้ เขาจะใช้ศีรษะของผู้หญิงคนนั้นเซ่นไหว้ดวงวิญญาณของเสด็จแม่ที่อยู่บนสวรรค์ ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ขวางไม่ได้
“หนี้มารดาบุตรใช้คืน ข้ายอมใช้ชีวิตแลกชีวิต” ตงฟางจั๋วแทบจะอ้อนวอน
ซูหลีสะท้านไปทั้งตัว อดไม่ได้ที่จะหันมองเขา
สายตาของตงฟางเจ๋อเย็นชา “ท่านไม่อาจทดแทนได้”
“จั๋วเอ๋อร์! ไม่ต้องขอร้องเขา! ไม่มีประโยชน์” กู้หยวนถงตะโกนอย่างปวดใจ ยามนี้ในที่สุดจ้าวสวินก็ต้านทานวงล้อมโจมตีไม่ไหว ถูกกระบี่เล่มหนึ่งแทงทะลุหัวใจ เลือดไหลท่วมตัว ยามล้มลงไปเขาเบิกตากว้างมองตงฟางจั๋ว อ้าปากเล็กน้อย พยายามเปล่งเสียงพูด “กระหม่อมไร้ความสามารถ ขอท่านอ๋อง…โปรดอภัย…” ประโยคสุดท้ายยังกล่าวไม่ทันจบ ร่างกายก็ล้มลงไป โลหิตสีแดงสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ
เขาคือผู้ใต้บังคับบัญชาที่ติดตามตงฟางจั๋วมาสิบกว่าปี จงรักภักดีมาโดยตลอด ก่อนตายก็ห่วงเพียงว่าไม่อาจทำภารกิจที่นายมอบหมายให้สำเร็จ ตงฟางจั๋วรู้สึกเพียงอย่างเดียวคือปวดใจ ขานเรียกอย่างเจ็บปวด “จ้าวสวิน!”
อีกฝ่ายไม่ได้ยินเสียงของเขาแล้ว
จนถึงตอนนี้ ชายชุดดำทั้งหมดได้ล้มตายไปหมดแล้ว กู้หยวนถงถูกเซิ่งฉินกับเซิ่งเซียวจับแขน กดตัวให้คุกเข่าอยู่บนแท่นประหาร
ตงฟางจั๋วทั้งโศกเศร้าและเคียดแค้น ไม่สนใจคมดาบมากมายที่จ่ออยู่ตรงลำคอ พลันระเบิดพลัง ชี่แท้แข็งแกร่งดั่งสายรุ้ง ผลักเหล่าองครักษ์หลวงที่อยู่รอบกายกระเด็นออกไปคนละทิศคนละทาง เขาคำรามเสียงดังหมายจะพุ่งตัวเข้าไปช่วยคน ตงฟางเจ๋อหรี่ตา ปลายนิ้วไหวขยับ ดีดไข่มุกน้ำแข็งหลายเม็ดไปยังบุรุษที่อารมณ์เดือดพล่าน
จุดลมปราณทั่วตัวถูกสกัดทันที ร่างสูงใหญ่ของตงฟางจั๋วที่กระโดดกลางอากาศ พลันกระด้างแข็งและร่วงตกลงมาบนแท่นประหาร
“พวกท่านแม่ลูกจงมองหน้ากันให้ดี อีกประเดี๋ยวก็จะไม่มีโอกาสแล้ว” คำพูดโหดร้ายเย็นชาของตงฟางเจ๋อ เหมือนดั่งมีดคมๆ ที่แทงทะลุหัวใจตงฟางจั๋ว!
ตงฟางจั๋วถูกสะกดจุด ขยับเขยื้อนไม่ได้ แม้แต่พูดก็ยังพูดไม่ได้ นอกจากจ้องมองอย่างเคียดแค้น ก็ไม่อาจทำอะไรได้อีก เขาแทบจะบ้าคลั่ง ดวงตาราวกับจะมีเลือดไหลออกมา!
เมื่อเห็นลูกรักบาดเจ็บไปทั้งตัว ซ้ำยังถูกควบคุมตัวไว้ กู้หยวนถงปวดใจจนแทบจะหมดสติ โอรสของนาง ถึงแม้นางจะเลี้ยงดูอย่างเข้มงวดกวดขัน แต่ก็รักดุจชีวิต ไม่เคยปล่อยให้ผู้ใดกระทำกับเขาเช่นนี้! นางอดไม่ได้ที่จะกัดฟันแล้วกล่าวอย่างเคียดแค้น “ตงฟางเจ๋อ เจ้าฆ่าข้าเสียเลยดีกว่า”
“เจ้าอยากตาย?” ตงฟางเจ๋อหัวเราะอย่างเย็นชา “คนอย่างเจ้า เดิมสมควรถูกประหารด้วยการฆ่าหั่นศพ เสด็จพ่อทรงมีเมตตาให้เจ้าได้ตายอย่างสบาย แต่ลูกของเจ้ากลับไม่เห็นด้วย”
เขาก้มเก็บดาบเล่มใหญ่ที่เพชฌฆาตทำตกไว้ คมดาบค่อยๆ จ่อใกล้เข้าไปยังคอของศัตรู เขากลับไม่รีบร้อนปลิดชีพนาง
ค่อยๆ กรีดแทงให้ความเจ็บปวดชัดเจน โหดเหี้ยมกว่าบั่นคอในดาบเดียวเป็นร้อยเท่า
คมดาบอันเย็นเยียบดั่งน้ำแข็งเฉือนเข้าไปในผิวหนังทีละนิดๆ ตัดเส้นเลือดอันบอบบางอย่างเชื่องช้า แม้เป็นคนที่ไม่กลัวตาย ก็ยังทนรับความทรมานเช่นนี้ไม่ไหว ความเจ็บปวดทางกาย ความหวาดกลัวต่อความตาย ทำให้กู้หยวนถงร่างกายสั่นสะท้าน นางขบกรามจนฟันแทบจะแหลกละเอียด จึงห้ามตนเองไม่ให้ส่งเสียงร้องออกมาอย่างทุกข์ทรมานได้
เลือดค่อยๆ ไหลทะลักออกมา ย้อมชุดนักโทษสีเทาให้กลายเป็นสีแดงฉาน ขับเน้นให้ใบหน้าซีดขาวของนางยิ่งซีดเผือดไร้วิญญาณ
หิมะยังคงตกลงมาอย่างบ้าคลั่ง ไม่นานก็ก่อตัวเป็นชั้นๆ อยู่บนพื้นดิน สีขาวของหิมะ เสียดแทงนัยน์ตาเหมือนคมดาบก็มิปาน
สายลมหนาวโอบอุ้มไอเย็นสาดปะทะเข้ามาอย่างไร้ความปรานี ศพบนพื้นแข็งกระด้างเป็นน้ำแข็งอยู่ในกองเลือด
มองดูชีวิตของคนที่รักที่สุดค่อยๆ ดับสูญไปต่อหน้าต่อตา แต่กลับไม่อาจทำอะไรได้ ตงฟางจั๋วเจ็บปวดหัวใจสุดแสน ดวงตาแทบจะฉีกขาด ตาทั้งสองข้างแดงก่ำราวกับจะมีเลือดไหลออกมา เขาพยายามทลายการสะกดจุดอย่างสุดความสามารถ แต่วิธีสะกดจุดของตงฟางเจ๋อกลับประหลาดยิ่งนัก ไม่ว่าเขาจะพยายามสักเท่าใดก็เปล่าประโยชน์ วินาทีนี้ เขาหวังจริงๆ ว่าตนเองจะตายก่อน!
‘ตงฟางเจ๋อ ข้าจะสับร่างเจ้าให้เป็นพันๆ ชิ้น!’ แม้ปากพูดไม่ได้ แต่เขากลับสาบานอย่างหนักแน่นในใจ สิ้นหวังจนแทบจะเป็นบ้า
ตงฟางเจ๋อหันมองเขาแวบหนึ่ง คล้ายรู้ความคิดของเขา อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเย็นชา ทิ้งดาบในมือ หมุนกายหันไปออกคำสั่งอย่างเยือกเย็น “เริ่มการประหาร!”
ดาบถูกง้างสูงก่อนตวัดฉับลงมา ศีรษะของนางกลิ้งไปกับพื้น เลือดสดๆ สาดกระเซ็น กระเด็นติดเต็มหน้าตงฟางจั๋ว
ศีรษะของกู้หยวนถงที่เบิกตากว้างกลิ้งมาหยุดตรงหน้าตงฟางจั๋วพอดี เขาเบิกตากว้าง รู้สึกเพียงวินาทีนี้เลือดทั่วกายแข็งค้างไปหมด อากาศอันเย็นเยียบพัดผ่านใบหน้าเขา ราวกับมือของเทพแห่งความตายผู้โหดเหี้ยม เลือดบนใบหน้าจากอุ่นกลายเป็นเย็นในเวลาเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น แล้วญาติคนสำคัญที่สุดในชีวิตของเขา ก็ได้เสียชีวิตคาที่ไปเช่นนี้เอง
“อ๊ากกกกก!” ความเจ็บปวดอันแสนสาหัสทำให้เขาคลุ้มคลั่ง จนถึงขั้นคลายการสะกดจุดได้สำเร็จ เขาแหงนหน้าคำรามลั่น ความเจ็บปวดและเคียดแค้นโจมตีหัวใจ ทำให้เขากระอักเลือดออกมาอย่างควบคุมไม่ได้
“ตงฟางเจ๋อ ข้าจะฆ่าเจ้า!” เขาเหมือนคนบ้า พุ่งตัวไปทางตงฟางเจ๋อ ราวกับต้องการตัดสินเป็นตายกับเขา
เซิ่งฉินและเซิ่งเซียวถือดาบยืนปกป้องอยู่ข้างหน้า ตงฟางเจ๋อไม่ขยับ บุรุษตรงหน้าเลือดท่วมกาย ใบหน้าเปื้อนเลือด กลิ่นอายสิ้นหวังและเคียดแค้นแผ่กำจายรอบกาย ดูราวกับปีศาจกระหายเลือด ทว่ากลับเป็นเพียงธนูปลายแผ่ว สำหรับเขา ไร้ซึ่งภัยอันตรายใดๆ อีก
ซูหลีพลันตะโกน “ตงฟางจั๋ว หยุดเดี่ยวนี้!”
เงาร่างที่พุ่งตัวไปข้างหน้า กลับหยุดชะงักอย่างน่าประหลาด
นางย่างกรายไปตรงหน้าเขาอย่างเชื่องช้า ยื่นมือข้างหนึ่งออกไปจับข้อมือของเขาที่ถือกระบี่ไว้
มือบอบบางและงดงามของนางบีบมือเขาแน่น ตงฟางจั๋วสั่นสะท้านไปทั้งตัว เรี่ยวแรงหดหายจากมืออย่างรวดเร็ว
“ไม่ว่าผู้ใดล้วนมีพ่อแม่ ใครบ้างจะทนมองญาติตนเองตายไปต่อหน้าได้? ความเจ็บปวดทั้งหมดที่ท่านรู้สึกตอนนี้ เขาเองก็เคยผ่านมาเช่นกัน” วาจาของซูหลี เหมือนดั่งมีดคมๆ ที่เฉือนใบหน้าของทั้งสองพี่น้อง
“หยุดแต่เพียงเท่านี้เถิด” น้ำเสียงเย็นชาของนาง สงบนิ่งจนไม่เหมือนคนทั่วไป
วันนี้ตงฟางเจ๋อกระทำต่อกู้หยวนถงเช่นไร ในอดีตเขาก็รู้สึกเจ็บปวดและสิ้นหวังที่ต้องสูญเสียมารดาไปเช่นนั้น กู้หยวนถงย่อมสมควรตาย ตงฟางจั๋วมีวันนี้ก็เป็นธรรมดา แต่นางกลับไม่อยากทนดูอีกต่อไปแล้ว
“ท่านเคยถามข้า ดวงวิญญาณของท่านหญิงหมิงอวี้ที่อยู่บนสวรรค์ จะให้อภัยต่อความผิดที่ท่านกระทำได้หรือไม่” น้ำเสียงเย็นชาของนางพลันแปรเปลี่ยนเป็นล่องลอยหนึ่งส่วน พาให้บุรุษทั้งสองอึ้งงัน
“ความจริงล้วนกระจ่างแล้ว ฆาตกรถูกลงโทษ ท่าน ไม่ใช่คนรักของนางอีกต่อไป และนางก็จะไม่จดจำว่าท่านเคยทำร้ายนางอย่างไร นับจากนี้ความตายพลัดพราก ไม่อาจพานพบ ปล่อยมือเสียเถิด”
กระบี่ล้ำค่า ‘เกล็ดหิมะ’ ในที่สุดก็ร่วงลงสู่พื้น
ซูหลีไม่ได้มองเขา เพียงสาวเท้ายาวๆ เดินจากไปท่ามกลางหิมะโปรยปราย สายลมหนาวกรีดพัดผ่านใบหน้าจนรู้สึกเจ็บไปหมด
“คุณหนูเจ้าคะ!” หวั่นซินและโม่เซียงวิ่งเข้ามาหา ซูหลีชะงักฝีเท้า โม่เซียงกล่าวด้วยความตกใจ “ท่านร้องไห้ทำไมเจ้าคะ?”
ร้องไห้หรือ? นางน่ะหรือ? นางยกมือลูบใบหน้าตนเอง กลับหลั่งน้ำตาออกมาแล้วจริงๆ
นานเท่าใดแล้วที่นางไม่ได้ร้องไห้? หลังจากมารดาจากไป นางก็บอกกับตนเองว่าในโลกใบนี้มีเพียงซูหลี ไม่มีหลีซูอีกต่อไป บุญคุณความแค้นทั้งหมด ครั้นปะทุออกมา ก็จางหายไปในพริบตา ใต้หลุมฝังศพมีดวงวิญญาณนับไม่ถ้วน แต่จะมีสักกี่คนที่สามารถจากไปได้อย่างสงบจริงๆ?
การแย่งชิงบัลลังก์ พี่น้องห้ำหั่น ล้วนทำไปเพื่อผู้เป็นมารดา ในอดีต นางก็เคยมองเห็นมารดาตายไปต่อหน้า หัวใจแหลกสลายยากจะรับไหว ภาพเหตุการณ์อันโศกเศร้าและสิ้นหวังนั้นได้ฉายซ้ำอีกครั้งในวันนี้ นางจึงเพิ่งค้นพบตอนนี้เอง ว่าที่แท้แล้วความเจ็บปวดที่สลักลึกลงในใจ ไม่มีทางจางหายตลอดไป ตลอดกาล
……………………………………..