กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ - บทที่ 300 คนร้ายที่ซ่อนตัวอย่างมิดชิดที่สุด (1)
แสงแดดยามบ่ายคล้อยเจิดจ้าแยงตา ท้องฟ้าปลอดโปร่งกว้างไกล ไม่มีทั้งก้อนเมฆและสายลม ซูหลีขี่ม้ามาที่แม่น้ำหลานชางเพียงลำพัง มองดูหลีเหยาที่นั่งอยู่ริมแม่น้ำจากที่ไกลๆ เงาร่างบอบบางหยุดอยู่ตรงตำแหน่งที่หลีซูร่วงตกลงไป นางดูหดหู่เศร้าสร้อยอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ครั้นได้ยินเสียงฝีเท้าของซูหลี ร่างกายของนางสั่นเทา นางก้มหน้าเล็กน้อย
“เจ้าเรียกข้ามามีเรื่องใด?” ซูหลีกล่าวด้วยเสียงเย็นชา สีหน้าที่ดูเหมือนสงบนิ่งปิดบังความเจ็บปวดที่อยู่ในส่วนลึกของจิตใจไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
“พี่สาวซู ตอนนั้น เป็นข้าเอง…” หลีเหยาพลันร่ำไห้ปานใจจะขาด
“เหตุใดจู่ๆ เจ้าก็ยอมรับขึ้นมาเล่า? ไหนเจ้าบอกว่าเจ้าไม่ได้เป็นคนทำ?” ซูหลีสะท้านไปทั้งตัว ลางสังหรณ์บางอย่างพรั่งพรูขึ้นมาทันที
หลีเหยาพลันลุกขึ้นมากอดนางแน่นๆ ซุกศีรษะกับอกนาง แล้วร้องไห้พลางกล่าวว่า “ตอนนั้นข้ากลัวมาก ไม่กล้ายอมรับ เมื่อคืนข้าคิดทบทวนอยู่นาน เป็นข้าเองที่วางอุบายใช้ปิ่นปักผมอันนั้นทำให้พี่สาวมีชีพจรตั้งครรภ์”
หลีเหยาสะอื้นไห้ไม่หยุด ซูหลีกลับสงสัยขึ้นมา ค่อยๆ ดันร่างของนางออกเบาๆ สายตาคมปลาบกวาดพิจารณาหลีเหยาที่อยู่ตรงหน้าอย่างละเอียด นางยังคงมีคิ้วเรียวสวยและดวงตางดงาม บุคลิกก็ยังอ่อนโยนน่าเอ็นดูเช่นเดิม แม้แต่กลิ่นหอมประจำกายของนาง ก็เหมือนเดิมทุกประการ แต่เหตุใดซูหลีจึงรู้สึกไม่คุ้นเคยกับนางแม้แต่น้อย? ปัญหาอยู่ตรงที่ใดกันแน่?
ท่าทีปฏิเสธของซูหลีชัดเจนมาก การกระทำนี้ของซูหลีไม่เพียงทำให้หลีเหยาชะงักเล็กน้อย แววคมปลาบพาดผ่านและจางหายไปจากดวงตาหลีเหยาอย่างรวดเร็ว นางรีบหลุบตาต่ำ ข้อมือที่ซ่อนอยู่ใต้แขนเสื้อสะบัดเบาๆ คล้ายไม่ได้ตั้งใจ แต่กลับมีเสียงใสกังวานเหมือนเสียงกระดิ่งเงินดังขึ้นทันที
เสียงกระดิ่งดังกระทบโสตประสาท เสมือนอสรพิษเจ้าเล่ห์ที่ร่ายมนต์สะกดจิตผู้คน เสียงนั้นบีบรัดหัวใจซูหลีในพริบตา นางรู้สึกได้ถึงความผิดปกติทันที ร่างกายแข็งค้างอยู่กับที่ไม่อาจขยับ รู้สึกได้เพียงว่าภาพทิวทัศน์รอบข้างหมุนติ้วไปหมด เงาร่างของหลีเหยาทับซ้อนกัน เลือนรางไม่ชัดเจน
ซูหลีรีบหลับตา กลับพบว่าไม่มีประโยชน์ เหมือนเสียงกระดิ่งเงินใสๆ ที่ดังเป็นจังหวะทำให้ภาพนั้นยังคงอยู่ในสมองนาง ไม่เลือนหายไป! นางสะท้านไปทั้งใจ ตวาดใส่คนผู้นั้นด้วยเสียงเกรี้ยวโกรธ “เจ้าไม่ใช่หลีเหยา!”
คนผู้นั้นคล้ายอึ้งไปเล็กน้อย ไม่นานก็แค่นเสียงหัวเราะเย็นชาชั่วร้าย “นึกไม่ถึงว่าจะถูกเจ้าจับได้ตั้งแต่แวบแรกเช่นนี้ เจ้ารู้จักนางดีถึงขนาดนี้เชียวหรือ!” สตรีนางนั้นกล่าวด้วยเสียงเย็นชา “น่าเสียดายที่สายไปเสียแล้ว ตายเสียเถิด!”
เสียงนี้กลับฟังดูคุ้นหูอย่างบอกไม่ถูก ซูหลีสะท้านไปทั้งใจ ยามนี้การมองเห็นของนางไม่ชัดเจน พยายามฝืนรวบรวมสติ ดึงร่างถอยหลังไปหลายจั้ง ก่อนจะแค่นเสียงเย็นชา “คิดจะฆ่าข้า เช่นนั้นก็ต้องดูว่าเจ้ามีปัญญาหรือไม่!”
ซูหลีรวบรวมลมปราณภายในจนถึงจุดสูงสุดในพริบตา ไอพิฆาตพาดผ่านคิ้วเรียวงาม กลางฝ่ามือเรียวที่ยกขึ้นช้าๆ มีชี่แท้ไหลเวียน พัดเอาเส้นผมที่เคลียอยู่ตรงไหล่และชายอาภรณ์ให้ปลิวว่อน
สตรีนางนั้นหัวเราะเสียงดังลั่น ไอสังหารพลันแผ่กำจายในพริบตา ซูหลีหลับตาแน่น มองอะไรไม่เห็นทั้งสิ้น นางเงี่ยหูฟัง อาศัยโสตประสาทอันว่องไวหมุนตัวไปด้านหนึ่ง คมดาบอันเฉียบแหลมพุ่งผ่านร่างบางไปอย่างฉิวเฉียด!
ดูเหมือนกำลังภายในของคนผู้นั้นไม่ได้สูงนัก กระบวนท่าแต่ละท่ากลับร้ายกาจเฉียบขาด นางมีกริชเพียงเล่มเดียวอยู่ในมือ แต่กลับไล่ต้อนเข้ามาอย่างรวดเร็วดั่งพยัคฆ์ติดปีก หลายครั้งที่ซูหลีเกือบโดนแทง แต่ก็ยังหลบหลีกได้อย่างคล่องแคล่วทุกครั้งไป กระบวนท่าของอีกฝ่ายยากจะแยกแยะ ในที่สุดซูหลีก็หมดความอดทน แววคมปลาบพาดผ่านดวงตา นางเหวี่ยงแขนปัดป้องกริชของคนผู้นั้น ขณะยกฝ่ามือหมายจะซัดใส่หน้าอกคนผู้นั้น เสียงฝีเท้ารีบร้อนพลันดังมาจากข้างหลัง นางตกใจ ใครกันมาที่นี่ในเวลานี้?
ขณะที่นางใจลอยไปเพียงเล็กน้อยนี้เอง กริชคร่าชีวิตพุ่งแทงมาข้างหน้าอีกครั้ง ซูหลีรีบเบี่ยงกายหลบ เท้ากลับสะดุดก้อนหินโดยไม่ทันระวัง นางล้มลงกับพื้น! ยังไม่ทันลุกขึ้น ก็ได้ยินสตรีนางนั้นหัวเราะชั่วร้ายและตะโกนเสียงเกรี้ยว “ตายเสียเถิด!”
นางเย็นวาบไปทั้งใจ ทว่าลูกดอกสีทองที่ซ่อนอยู่ใต้แขนเสื้อกลับไถลลงมาที่กลางฝ่ามืออย่างเงียบงัน เพ่งสมาธิเงี่ยหูฟัง สตรีนางนั้นทิ้งตัวลงพื้น ก่อนจะพุ่งตรงเข้ามาหานาง ซูหลีไม่ลังเลอีก นางคำนวณเวลาอย่างแม่นยำ เหวี่ยงแขนออกไป ลูกดอกสีทองพุ่งออกจากฝ่ามือแหวกอากาศพุ่งตรงไปยังเป้าหมายทันที!
ในตอนนั้นเอง เงาร่างบอบบางที่วิ่งมาจากข้างหลังนาง วิ่งเข้ามาขวางตรงหน้าซูหลีโดยไม่คำนึงถึงอะไรทั้งสิ้น สตรีนางนั้นตกใจ ไม่อาจถอยกลางคัน เสียง ‘ฉึกๆ’ ดังขึ้น ลูกดอกสีทองและกริชพุ่งแทงเข้าไปในร่างบางพร้อมกัน! เงาร่างนั้นกรีดร้องอย่างเจ็บปวด!
เรื่องราวไม่คาดฝันมักเกิดขึ้นกะทันหันเช่นนี้เสมอ!
สายลมหนาวพลันก่อตัวริมแม่น้ำ ความอบอุ่นอันเบาบางที่กระจายตัวอยู่ภายใต้แสงแดดถูกพัดหายไปจนสิ้น สายลมกรีดพัดผ่านใบหน้า หนาวเย็นจนรู้สึกเจ็บ เสียงอาวุธเหล็กกระทบกันไม่ได้ดังขึ้นตามที่ซูหลีคาดการณ์ไว้ นางกลับได้ยินเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดทรมานของหญิงสาวผู้หนึ่ง จึงอึ้งงันไปทันที
“โจรชั่ว ถึงขั้นกล้าลอบสังหารท่านหญิงเชียวหรือ!” เสียงตวาดเกรี้ยวเสียงหนึ่งพลันดังขึ้นพร้อมกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
มือสังหารหญิงเมื่อได้ยินเช่นนั้น หน้าถอดสีครั้งใหญ่ ไม่ต้องหันไปมอง นางก็รู้ว่าผู้มาเป็นใครแล้ว! นึกไม่ถึงว่าซูหลีจะรอบคอบถึงเพียงนี้! นางสั่งให้หวั่นซินซุ่มรอแถวนี้แต่แรกแล้ว! มาถึงขนาดนี้แล้วทุกอย่างจะล้มเหลวไปง่ายๆ อย่างนี้จริงหรือ? ไม่ ไม่ได้เด็ดขาด! แววชั่วร้ายฉายชัดในดวงตา นางดึงกริชออกมาและพุ่งแทงไปที่ซูหลีอีกครั้ง!
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ซูหลีสะท้านไปทั้งใจ ลืมตาขึ้นโดยสัญชาตญาณ ท่ามกลางครรลองสายตาอันเลือนราง เงาร่างบอบบางสายหนึ่งกอดมือสังหารหญิงผู้นั้นไว้แน่น คล้ายกำลังรั้งไม่ให้อีกฝ่ายเข้ามาทำร้ายนาง!
มือสังหารหญิงนางนั้นถูกกอดรัดไว้แน่น หมายจะผลักนางออก แต่กลับไม่เป็นผล “ไสหัวไป!” ดวงตาของมือสังหารหญิงพลันแดงก่ำ เพลิงโทสะลุกท่วม กริชคมในมือเปล่งประกายเย็นเยียบ แทงลงไปอย่างแรง! คมมีดทิ่มแทงลงไปครั้งแล้วครั้งเล่า เลือดสีแดงสดพุ่งกระฉูดดั่งลูกธนู!
ผู้ใดกันแน่? ที่ยอมปกป้องนางแม้ต้องแลกด้วยชีวิตเช่นนี้? ซูหลีตกตะลึง เสียงกระดิ่งดังขึ้นเป็นระยะ สายตากลับยังคงเลือนราง นางกัดฟันลุกขึ้นยืน ซัดฝ่ามือใส่กลางหลังมือสังหารหญิงอย่างแรง!
หวั่นซินโฉบกายเข้ามาดั่งสายฟ้าฟาด ตวัดกระบี่ใส่มือสังหารหญิง นางกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด เลือดสาดกระเซ็น มือที่กำกริชพลันอ่อนแรง!
เงาร่างบอบบางสายนั้นหยัดยืนต่อไปไม่ไหว นางคลายแขนออกอย่างอ่อนแรง ก่อนจะล้มลงไป!
หวั่นซินพุ่งตัวเข้าไปบีบคอมือสังหารหญิง กล่าวเสียงเกรี้ยว “บอกมา! เจ้าเป็นใคร? เหตุใดต้องลอบสังหารท่านหญิง?!”
คนผู้นั้นหัวเราะเสียงแหลม นางหลับตาไม่ยอมตอบคำถาม
เสียงกระดิ่งแปลกๆ เงียบหายไปแล้ว ซูหลีพลันมองเห็นได้อย่างชัดเจน นางหันไปมองคนที่นอนจมกองเลือดเพื่อช่วยชีวิตนาง แล้วก็ต้องอึ้งค้าง
กลับเป็นหลีเหยา!
นางพุ่งตัวเข้าไปกอดหลีเหยาไว้โดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ขานเรียกด้วยเสียงสั่นเทา “เหยาเอ๋อร์! เหยาเอ๋อร์เจ้าฟื้นสิ!”
หญิงสาวที่หมดสติไปเพราะอาการบาดเจ็บสาหัส ดวงหน้าซีดขาวดั่งกระดาษ ไร้ซึ่งปฏิกิริยาตอบสนอง ลูกดอกสีทองตรงหน้าอกแทงเข้าไปจนมิดด้าม!
ซูหลีกัดฟันแน่น ความเคียดแค้นก่อตัวในใจ ไร้ที่ระบาย! คลื่นน้ำซัดสาด คล้ายรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดและสิ้นหวังอย่างไม่มีที่สิ้นสุดของนาง
หญิงสาวในอ้อมแขนคล้ายขยับตัวเล็กน้อย ซูหลีดีใจยิ่งนัก นิ้วมือสั่นเทาลูบไล้ดวงหน้าของนาง แล้วเรียกเสียงเบา “เหยาเอ๋อร์ เหยาเอ๋อร์ฟื้นเร็วเข้า ข้าเอง ข้าคือพี่สาวของเจ้าอย่างไรเล่า!”
ทันใดนั้น หญิงสาวที่หายใจรวยรินพลันลืมตาขึ้น ในดวงตาที่จ้องมองมายังนาง กลับเต็มไปด้วยน้ำตา หลีเหยามองนางด้วยสายตาแน่วแน่ ขยับปากเล็กน้อย มือเรียวบางข้างหนึ่งจับนางไว้ด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี ทั้งสองต่างเกาะเกี่ยวอีกฝ่ายไว้อย่างสุดความสามารถ ด้วยกลัวว่าหากผ่อนแรงแม้แต้น้อย ก็จะต้องลาจากกันไปตลอดกาล
“พี่สาว…” หลีเหยาสูดหายใจ “เชื่อข้า ข้าไม่เคยทำร้ายท่าน ไม่เคยเลยจริงๆ”
…………………………………………