กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ - บทที่ 334 พบหน้าอีกครั้ง (2)
ม้าเร็วเคลื่อนไหวดั่งสายฟ้า พุ่งตัวออกนอกหมู่บ้านอย่างรวดเร็ว ถึงแม้รู้แต่แรกว่าเขาต้องเตรียมพร้อมมาก่อนแน่นอน แต่ซูหลีก็ยังตกตะลึงอยู่ดี อุณหภูมิอุ่นๆ จากร่างกายเขาแนบติดแผ่นหลังนาง หัวใจของนางเต้นเร็วขึ้นอย่างไม่อาจควบคุม
“ซูซู” เสียงแผ่วเบาของเขาดังอยู่ข้างหูนาง ทั้งสั่นพร่าและแหบแห้ง เขากดใบหน้าลงบนซอกคอนางแรงๆ สูดกลิ่นหอมเฉพาะกายของนางเข้าไปลึกๆ อารมณ์ของเขาพลุ่งพล่านจนมิอาจสงบ
เป็นนาง เป็นนาง เป็นนางจริงๆ!
ลมหายใจของบุรุษรดต้นคอหญิงสาว อุณหภูมิอุ่นๆ แทรกซึมผ่านผิวกาย แผ่ซ่านไปจนถึงหัวใจดวงน้อยๆ คล้ายต้องการละลายความเย็นชาของนาง
ซูหลีตัวแข็งทื่อ อยากจะผลักเขาออก แล้วหนีไปโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น แต่มือของนางกลับไม่ฟังคำสั่ง ได้แต่อยู่นิ่งๆ ไม่ยอมขยับ
ข้างหลังยังมีทหารไล่ตามมาอยู่ นางรู้สึกเหมือนถูกกอดเอวแน่นขึ้น ราวกับว่าเขาโอบกอดนางด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี จนนางหายใจไม่ออก
“นายท่าน พ้นลำธารสายนี้ไป ก็จะปลอดภัยแล้วขอรับ” เสียงคุ้นหูที่ดังมาจากด้านหน้า คือเสียงของเซิ่งจินนั่นเอง
ซูหลีเบนหน้าหนี หัวใจป่วนพล่าน ตลอดเส้นทางนางไม่เห็นเงาร่างของเสด็จพ่ออีก ไม่รู้ว่าเขาหนีไปได้อย่างปลอดภัยหรือไม่
“เจ้าวางใจเถิด มีเซิ่งฉินคอยคุ้มกันพวกเขาอยู่ เซ่อเจิ้งอ๋องไม่มีทางเป็นอะไรหรอก” ราวกับรับรู้ได้ถึงความไม่สบายใจของนาง เขากล่าวเสียงเบาข้างหูนาง
เขายังคงคาดเดาความคิดของนางได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ หัวใจของซูหลีหนักอึ้งเล็กน้อย ได้ยินเพียงเขาเอ่ยเสียงเบา “ซูซู อย่าจากข้าไปอีก”
ความเจ็บปวดพาดผ่านดวงตาซูหลี นางกล่าวเสียงเย็นชา “ท่านจำคนผิดแล้ว” นางผลักแขนเขาออกแรงๆ เสียงร้องครวญอย่างเจ็บปวดดังออกมาจากลำคอเขาเบาๆ สัมผัสอุ่นร้อนและเหนียวหนืดตรงปลายนิ้วทำให้นางชะงักไปชั่วขณะ
ครั้งที่แล้ว แผลที่นางใช้มีดแทงเขาลึกมาก นางรู้ดีแก่ใจ เมื่อครู่เขาเคลื่อนกำลังภายในระเบิดรถม้า บาดแผลต้องฉีกขาดอย่างเลี่ยงไม่ได้แน่นอน ยามนี้เขายังออกแรงกอดนางไว้อีก แล้วเลือดจะไม่ไหลซึมแขนเสื้อได้อย่างไรกัน?
กลิ่นคาวเลือดลอยมาแตะจมูก ซูหลีเบนหน้าไปอีกทาง ยากจะอธิบายความรู้สึกในยามนี้
เขากุมมือนางไว้แน่น แทบไม่กล้าละสายตาออกไป และไม่กล้าปล่อยมือ เทียบกับความสุขที่ได้คืนมาหลังจากสูญเสีย เขาหวาดกลัวความสิ้นหวังจากการสูญเสียหลังจากได้คืนมาอีกครั้งมากกว่า ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเจ็ดวันที่เขาตามหานางที่แม่น้ำหลานชางอย่างบ้าคลั่ง เขารู้สึกเจ็บปวดโศกเศร้าและสิ้นหวังเพียงใด! นับตั้งแต่วินาทีนั้น อำนาจได้กลายเป็นเสมือนหนามแหลมที่ทิ่มแทงหัวใจสำหรับเขา
ศพที่ถูกงมขึ้นมาจากแม่น้ำหลานชางเน่าจนไม่เหลือสภาพเดิม จึงมิอาจยืนยันตัวตนได้ มีเพียงตุ๊กตาไม้ที่เขาแกะสลักให้นางด้วยมือตนเองที่ยังคงอยู่ในสภาพสมบูรณ์ครบถ้วน วินาทีนั้น หัวใจของเขาราวกับได้ตายไปพร้อมกับนาง แต่ก่อนเขาไม่เคยคิดแม้แต่น้อย ว่าเขา ‘ตงฟางเจ๋อ’ จะเจ็บปวดจนไม่อยากมีชีวิตอยู่เพราะผู้หญิงคนหนึ่ง!
“ซูซู!” เขาพลันโอบกอดนางแน่น เสื้อเกราะสีดำแข็งๆ กระแทกเข้ามาจนทำให้นางรู้สึกเจ็บตรงหน้าอก แต่นางกลับไม่ร้องออกมาสักแอะ
ตงฟางเจ๋อกอดนางแน่นๆ กัดฟันพูดด้วยความเจ็บปวด “เจ้าช่างโหดร้ายยิ่งนัก ถึงกับปล่อยให้ข้าใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ภายใต้ความเจ็บปวดที่ต้องสูญเสียเจ้าไป!”
ซูหลีเจ็บแปลบหัวใจ ถ้าหากนางโหดร้ายจริงๆ นางก็อยากจะสังหารเขาด้วยดาบเดียวเสีย! เพื่อไม่ให้เขาตามรังควานนาง และรื้อฟื้นความเจ็บปวดที่นางซ่อนเอาไว้ในส่วนลึกของหัวใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าเช่นนี้อีก
สายตาของตงฟางเจ๋อสั่นระริก เขายกมือจับหน้ากากนาง ซูหลีนึกไม่ถึงว่าเขาจะใจร้อนเช่นนี้ เพียงพริบตาเดียว มือของเขาก็เปิดหน้ากากของนางออกเล็กน้อย เผยให้เห็นพวงแก้มด้านซ้ายของนาง
เวลาราวกับหยุดเดินในวินาทีนั้น เขาเบิกตากว้าง จ้องมองนางอย่างอึ้งงัน
หางตาของหญิงสาวกระดกขึ้นเล็กน้อย นี่ไม่ใช่ภาพที่อยู่ในความทรงจำของเขา ผิวขาวเนียนมาก ไม่มีปานสีแดงโลหิตที่ติดตัวมาแต่เกิด ใบหน้านี้…กลับไม่ใช่นาง?! มือของเขาค้างเติ่งไปทันที
“เจ้า…” เสียงของเขาสั่นเครือ พูดอะไรไม่ออก ไม่อยากเชื่อ กลิ่นอายและความรู้สึกที่คุ้นเคยถึงเพียงนั้น กลับไม่ใช่นาง! ไม่ ไม่มีทาง เขาไม่เชื่อ! คนผู้นี้ก็คือนาง ต้องเป็นนางแน่นอน! นอกจากนาง ก็ไม่มีทางมีผู้ใดเข้าไปช่วยเซ่อเจิ้งอ๋องหลีเฟิ่งเซียนในสถานการณ์เช่นนั้นโดยไม่คำนึงถึงผลที่ตามมาอีกแล้ว!
ไม่รู้ว่าม้าวิ่งมาไกลเท่าใดแล้ว ครั้นซูหลีเห็นลำธารยาวเหยียดอยู่ตรงหน้า คำพูดของเซิ่งจินก็ดังขึ้นมาในสมอง พ้นลำธารสายนี้ไป ก็จะปลอดภัยแล้ว จะปลอดภัยแล้ว…
ซูหลีหัวใจเต้นรัว หมุนกายเอื้อมมือคว้าออกไป
หน้ากากหนังหลุดร่วงไปตามแรงลม เผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาที่สมบูรณ์แบบที่สุดบนโลกใบนี้
“นายท่าน!” เซิ่งจินตะโกนเสียงดังด้วยความตกตะลึง ซูหลีฉวยโอกาสตอนที่ทุกคนกำลังอึ้งซัดฝ่ามือไปที่หัวไหล่เขา แขนของเขาคลายออกเล็กน้อย ซูหลีรีบกระโดดขึ้นกลางอากาศ
ครั้นเห็นนางลงมือทำร้ายเขา ทุกคนก็เล็งธนูไปที่นาง ตงฟางเจ๋อกลับหน้าเปลี่ยนสีไปทันที ตวาดเสียงเกรี้ยว “หยุดเดี๋ยวนี้! ห้ามทำร้ายนางเด็ดขาด!”
“ฝ่าบาท!” ครั้นเห็นแขนเสื้อของเขาชุ่มไปด้วยเลือดมากมายจนน่าตกใจ เซิ่งจินรีบเข้ามาประคองเขา เขากลับตะโกนเสียงดัง “เซิ่งจิน รั้งนางไว้ เร็วเข้า!” เดิมทีเขาก็บาดเจ็บอยู่แล้ว เมื่อครู่ยังขับเคลื่อนกำลังภายในระเบิดรถม้า ซ้ำยังถูกนางซัดฝ่ามือใส่ รู้สึกเจ็บปวดไปทั้งร่างกายและอวัยวะภายใน แทบไม่เหลือเรี่ยวแรงแม้แต่น้อย
ซูหลีเคลื่อนไหวรวดเร็วดั่งภูตผี พริบตาเดียวก็โฉบออกไปไกลหลายจั้งแล้ว เซิ่งจินกัดฟัน ทำได้เพียงรีบโฉบกายตามนางไป แต่กลับถูกคนผู้หนึ่งรั้งไว้ก่อน “นายท่าน! ข้างหลังยังมีทหารไล่ตามมาอยู่ วิชาตัวเบาของเซิ่งจินสู้นางไม่ได้ เกรงว่าตามไปก็มีแต่จะเอาชีวิตไปทิ้งเสียเปล่า! นายท่านโปรดพิจารณาอย่างรอบคอบด้วยขอรับ!”
เขาจ้องมองเงาร่างที่ห่างออกไปเรื่อยๆ ของนาง ดวงตาแดงก่ำราวกับจะมีเลือดไหลออกมา เขาเตะท้องม้าศึก แล้วกล่าวเสียงเกรี้ยว “ได้ เช่นนั้นพวกเจ้าก็รอรับเซ่อเจิ้งอ๋องอยู่ที่นี่ ข้าจะตามนางไปเอง…”
เขาเร่งตามไปได้เพียงสองก้าว กลับกระอักเลือดออกมา เซิ่งจินหน้าถอดสี รีบวิ่งเข้าไป “ข้าน้อยสมควรตาย ข้าน้อยจะรีบตามไปเดี๋ยวนี้…”
“กลับมาบัดเดี๋ยวนี้!” ทันใดนั้น เสียงตะโกนสั่งอันทรงพลังของคนผู้หนึ่งพลันดังขึ้น ทุกคนหันไปเพ่งมอง เซ่อเจิ้งอ๋องหลีเฟิ่งเซียนมาถึงแล้ว ด้านหลังเขาฝุ่นลอยตลบอบอวล เห็นชัดว่าทหารแคว้นเปี้ยนไล่ตามมาแล้ว
“ทุกคนจงฟัง รีบถอยออกนอกลำธารสายนี้เสีย แม่ทัพหยวนเซี่ยงซุ่มรออยู่ที่นั่น ทหารแคว้นเปี้ยนไม่มีทางกล้าตามไปถึงที่นั่นแน่นอน!”
เขาถลึงตาจ้องหลีเฟิ่งเซียน แทบไม่อยากเชื่อสิ่งที่ตนเองได้ยิน
“ท่าน…ท่านกล้า…”
“ตราบใดที่หุบเขาเขียวขจียังคงอยู่ เหตุใดต้องกลัวไม่มีฟืนเผา!” หลีเฟิ่งเซียนจ้องเขาตอบอย่างไม่เกรงกลัว “นับตั้งแต่ที่ฝ่าบาทขึ้นครองราชย์ กระหม่อมก็ไม่มีใจคิดเป็นอื่น กระหม่อมเข้าใจความคิดของฝ่าบาทดีพ่ะย่ะค่ะ”
“เข้าใจแล้วเหตุใดไม่ตามไป?” ดวงตาของเขาแดงก่ำทั้งสองข้าง เขาตวาดอย่างเกรี้ยวโกรธด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี
“ฝ่าบาทโปรดระงับโทสะ! หากวันนี้กระหม่อมมิอาจพาฝ่าบาทกลับไปอย่างปลอดภัย จึงจะถือเป็นคนบาปแห่งแคว้นเฉิงเราอย่างแท้จริง หลังกลับแคว้น ฝ่าบาทจะทรงบั่นคอกระหม่อม กระหม่อมก็จะไม่โต้แย้งสักคำ!”
เสียงทหารแคว้นเปี้ยนดังไล่หลังเข้ามาเรื่อยๆ ดังกึกก้องไปทั้งผืนฟ้า ใบหน้าของหลีเฟิ่งเซียนตึงเครียด เดินเข้าไปดึงบังเหียนม้าศึกของเขาอย่างไม่ลังเล พลางตวาดเสียงเกรี้ยว “รีบคุ้มกันฝ่าบาทออกจากลำธารสายนี้! ผู้ใดฝ่าฝืนมีโทษประหาร!”
ซูหลีใช้วิชาตัวเบาพุ่งทะยานออกมาด้วยความเร็วตลอดเส้นทาง ราวกับเพิ่งหนีออกมาจากฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนมาอย่างยาวนาน อากาศในเดือนเจ็ดร้อนแผดเผาดั่งเปลวเพลิง คลื่นอากาศร้อนระอุลอยปะทะเข้ามา มือและเท้าของนางกลับเย็นเฉียบ ร่างกายสั่นสะท้านอย่างไม่อาจควบคุม สมองขาวโพลน กระทั่งหลังคาเรือนที่เรียงรายกันปรากฏขึ้นในครรลองสายตาอีกครั้ง นางถึงได้ชะงักเท้า มองหามุมลับตาคนที่เงียบสงบ ความเจ็บปวดที่ไม่อาจบรรยายแทบจะฉีกหัวใจของนางเป็นชิ้นๆ นางยกมือค้ำกำแพงข้างกาย พยายามปรับลมหายใจให้สงบ นางฝืนใจตนเองให้มองข้ามความเจ็บปวดที่กำลังทิ่มแทงหัวใจ
นัยน์ตาของซูหลีพลันแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา นางนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ ขณะที่ทั้งสองกองทัพกำลังเจรจาสงบศึกกัน หยางเจิ้นกลับซุ่มโจมตีอย่างลับๆ เกรงว่าคงได้รับอนุญาตจากฮ่องเต้แคว้นเปี้ยนมาแล้ว มิเช่นนั้นคงไม่กล้ากระทำการอุกอาจเช่นนี้! และดูจากท่าทางตกใจของหยางเซียวเมื่อครู่แล้ว เห็นชัดว่าเขาไม่รู้เรื่องด้วย! แม้แต่เขายังถูกปิดบัง เห็นชัดว่าฮ่องเต้แคว้นเปี้ยนมุ่งมั่นที่จะกำจัดเสด็จพ่อถึงเพียงใด
……………………………………………………