กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ - บทที่ 352 เจตนาของเขา (3)
หัวใจของซูหลีสั่นไหวเล็กน้อยอย่างไม่อาจควบคุม ครั้นเห็นมือของเขาลูบไล้แหวนหยกขาวราวกับกำลังลูบไล้นิ้วมือของนาง หัวใจก็กระสับกระส่ายขึ้นมาทันที
หยางเซียวยิ้มแล้วกล่าวว่า “วิชาขี่วายุและคัมภีร์เมฆาลอยในตัวเจ้ายังไม่อาจหลอมรวม จำต้องอาศัยการฝึกฝนกำลังภายใน จึงจะหลอมรวมเป็นหนึ่งได้สำเร็จ! และแหวนวงนี้ ก็เป็นของล้ำค่าที่มิอาจขาดได้ในการฝึกยุทธ์ นอกจากเสด็จพ่อ มีเพียงข้าเท่านั้นที่รู้วิธีใช้ของมัน” สายตาของเขาเปล่งประกาย รอยยิ้มคลี่กว้างกว่าเดิม
ซูหลีขมวดคิ้วเล็กน้อย รีบชักมือกลับทันที นึกไม่ถึงว่าหยางเซียวไม่ทันตั้งตัว ถูกแรงดึงของนางทำให้เสียหลัก ล้มเข้ามาหานาง นางไม่มีที่ให้หลบ จึงเอนกายไปด้านหลัง
รอยยิ้มสดใสที่เด่นชัดตรงหน้าเหมือนแสงแดดเจิดจ้าในเดือนห้า ซูหลีหวั่นไหวไปชั่วขณะ รอยยิ้มร่าเริงเช่นนี้ บางทีอาจมองเห็นได้จากใบหน้าของบุรุษผู้ไร้ความกังวลตรงหน้าเท่านั้น
แขนยาวๆ ของเขายันเก้าอี้เอาไว้ โอบล้อมนางเอาไว้จนมิด ถึงแม้สายตาของนางจะแสดงออกถึงความระแวดระวัง หยางเซียวกลับไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย แสงไฟเหลืองนวลในวิหาร ทำให้บรรยากาศคลุมเครืออย่างบอกไม่ถูก
ใบหน้าของเขาแทบจะแนบชิดกับนาง ในที่สุดซูหลีก็ทนไม่ไหว แต่นางเพิ่งจะยกมือขึ้น เลือดลมในหน้าอกก็พลันป่วนพล่านขึ้นมาทันที วันนี้นางถูกฤทธิ์ยาไร้รักเล่นงาน จากนั้นก็ฝืนใช้กำลังภายในอีก เกรงว่าคงบาดเจ็บไปถึงชีพจรหัวใจแล้ว หากในช่วงนี้ยังคิดจะใช้วรยุทธ์อีกก็ไม่ต่างจากรนหาที่ตายเลยแม้แต่น้อย นางอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ยาไร้รักร้ายกาจกว่าที่นางคิดไว้มาก!
ซูหลีเบือนหน้าหนี พยายามสงบเลือดลมที่ป่วนพล่าน ก่อนจะกล่าวเสียงเรียบ “วันนี้ข้าเหนื่อยมาก ไม่อยากฝึกวรยุทธ์” เอ่ยจบก็ดันเขาออกหมายจะลุกขึ้น
“เจ้าเหนื่อยหรือ เช่นนั้นข้าจะนวดให้เจ้า” ดวงตาของเขาเป็นประกาย คลี่ยิ้มกว้างแล้วกล่าวอย่างร่าเริง ไม่รอให้ซูหลีตอบโต้ เขารีบดึงนางกลับมานั่งลงบนเก้าอี้ แล้วเดินอ้อมไปด้านหลัง ถูฝ่ามือไปมาเล็กน้อย แล้วรีบวางลงบนไหล่นางอย่างรวดเร็ว
องค์ชายผู้มีฐานะสูงส่ง มีแต่ผู้อื่นที่นวดให้เขามาโดยตลอด เคยทำงานแบบนี้เองเสียที่ไหน? เขาไม่รู้จักการลงแรงหนักเบา แทบควบคุมน้ำหนักมือไม่เป็นด้วยซ้ำ เพียงบีบนวดไปส่งเดชเท่านั้น
ซูหลีลอบกัดฟัน หากไม่ใช่ว่าเห็นแก่หน้าตาที่ดูจริงจังมากของเขา นางคงสงสัยว่าเขามีความแค้นกับนาง และฉวยโอกาสนี้แก้แค้นนาง!
“หยุดล้อเล่นได้แล้ว” นางขมวดคิ้ว แล้วปัดมือเขาออก
“อ้าว อย่าเพิ่งไปสิ!” หยางเซียวเห็นสีหน้านางไม่พอใจ รีบรั้งนางแล้วร้องถาม “ข้านวดไม่ดีหรือ? ใช่หนักไปหรือไม่? เช่นนั้นข้าเบามือลงก็ได้แล้ว”
ไม่รู้เพราะเหตุใด ครั้นเห็นรอยยิ้มเอาอกเอาใจของเขา นางกลับโกรธเขาไม่ลง
“ขอบคุณในความหวังดีของท่านมาก นี่ก็ดึกแล้ว ข้าอยากพักผ่อน ท่านกลับวังเถิด” ซูหลีกล่าวส่งแขกทันที ก่อนจะหมุนกายเดินไปยังตำหนักของนาง
สายตาของหยางเซียวไหวระริก เขาสาวเท้าเร็วๆ เดินตามไปรั้งข้อมือนาง แล้วเบะปากอย่างน้อยอกน้อยใจ “อาหลี ข้าเป็นแขกนะ เจ้าจะไม่สนใจข้าเลยหรือ?”
ซูหลีขมวดคิ้วหันกลับมา กลับเห็นสีหน้าของเขาจริงจัง รอยยิ้มจางหาย นางก้มหน้า เห็นนิ้วมือเขาวางลงบนข้อมือนาง
“เจ้าบาดเจ็บหรือ?!” เขาตะโกนด้วยความตกใจ
“ธิดาเทพบาดเจ็บหรือ?” จู่ๆ เจียงหยวนก็ปรากฏตัว เขาก้าวเดินเข้ามา ดึงข้อมือซูหลีไปจากหยางเซียวอย่างแนบเนียน แล้วตรวจชีพจรอย่างละเอียด
หยางเซียวเม้มปากแน่น แต่กลับไม่สะดวกที่จะอาละวาด
ซูหลีหดมือกลับช้าๆ “ไม่ใช่เรื่องใหญ่ พักไม่กี่วันก็หาย”
หยางเซียวหันไปจ้องหน้าเจียงหยวน แต่เขากลับถอยหลังหนึ่งก้าว ก้มหน้าปิดปากเงียบ หยางเซียวกลอกตา ลอบคิดว่าแม้เอามีดเหล็กมางัดปากเขา ยังไม่รู้จะเปิดปากเขาได้หรือไม่
“ท่านกลับวังเถิด” นางไม่มองเขาอีก เพียงหมุนกายเดินจากไป
หยางเซียวรั้งมือนางไว้อีกครั้ง แล้วร้องบอกว่า “ข้าไม่กลับวัง ครานี้ข้ารับพระบัญชามาเพื่อช่วยเจ้านะ!”
ซูหลีนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ คิดจะสะบัดมือเขาออก แต่จนใจที่ครั้งนี้เขากุมไว้แน่นมาก เขาคลี่ยิ้มให้นาง ขยิบตาแล้วกล่าวว่า “ข้ามีของจะให้เจ้า” พูดไป เขาก็ล้วงกล่องลวดลายประณีตขนาดเท่าฝ่ามือออกมาจากอกเสื้อ แล้วยื่นให้นาง “ให้เจ้า”
ซูหลีนิ่งเงียบ เจียงหยวนกลับรับไปอย่างไม่เกรงใจ “ขอบพระทัยองค์ชายสี่พ่ะย่ะค่ะ”
ครั้นเห็นมือตนเองว่างเปล่า สายตาของหยางเซียวมืดครึ้มลง เขาจ้องหน้าเจียงหยวนแต่ก็ไม่โวยวาย เจียงหยวนเองก็ไม่สนใจว่าเขาจะหน้าบึ้งตึงขนาดไหน เปิดกล่องดูทันที ก่อนจะร้องด้วยความดีใจ “เป็นยาบำรุงหัวใจ!”
ซูหลีเองก็อึ้งไปทันที ยาบำรุงหัวใจเป็นยาขนานวิเศษ ประสิทธิภาพยอดเยี่ยมโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับชีพจรหัวใจที่ได้รับบาดเจ็บ
หยางเซียวทำหน้าได้ใจ ยกแขนกอดอก แล้วแย้มยิ้มพลางกล่าวว่า “ของขวัญไม่เลวใช่หรือไม่? เอาละ เจ้าไม่สบาย ไปพักผ่อนเถิด ข้าไปหาที่พักเอาเองก็ได้”
“ท่านจะอยู่ที่นี่หรือ?” ซูหลีตกใจ รีบถามขึ้นทันที
เท้าที่เพิ่งจะก้าวออกไปของหยางเซียวชะงักหยุด เขาหันกลับมากะพริบตาจ้องหน้านาง แสร้งเข้าใจคำพูดของนางบิดเบือน ยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วเอ่ยว่า “ที่นี่? ได้สิ เจ้าบอกให้คนเอาเตียงมาเพิ่ม ข้าจะเฝ้าอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน เผื่อว่ามีผู้ใดมาแย่งเจ้าไปตอนกลางคืน!” วาจาของเขาแฝงความนัย ถึงแม้ไม่พูดออกมาตรงๆ แต่ทั้งสามคนต่างรู้ดีแก่ใจ
ถึงแม้ซูหลีจะเดาได้แต่แรกว่าเรื่องในวันนี้ไม่อาจปิดบังเขาได้ แต่ก็อดตกใจไม่ได้
“ช่วงนี้ข้าจะยังไม่ไปไหน รอให้อาการบาดเจ็บของเจ้าหายดี อยากฝึกวรยุทธ์เมื่อใด ข้าพร้อมเสมอ อ้อ ใช่สิ” หยางเซียวขยิบตาให้นางอย่างซุกซน “ข้าลืมบอกเจ้า เจ้าจำต้องมีคนช่วยฝึกวรยุทธ์ ฉะนั้น เจ้าจะไล่ข้าไปไหนไม่ได้เชียว!”
ซูหลีอึ้งงัน วิชาขี่วายุและคัมภีร์เมฆาลอยต้องหลอมรวมเป็นหนึ่งด้วยวิธีใด ยามนี้นางยังไม่รู้แน่ชัด ไม่รู้ว่าที่เขาพูดนั้นเป็นความจริงหรือไม่
“เจ้าพักผ่อนเถิด พรุ่งนี้เช้าข้าค่อยมาเยี่ยมเจ้าใหม่” หยางเซียวแย้มยิ้ม ไม่เอ่ยมากความ หมุนกายเดินไปตามทางเดินอันเลี้ยวลดอย่างชำนาญ
เงาร่างของเขาเหมือนเปลวไฟในยามค่ำคืน ค่อยๆ หายลับไปท่ามกลางทางเดิน ซูหลีละสายตากลับมา มีเรื่องราวให้ขบคิดมากมาย บุรุษที่ดูเหมือนไม่เอาจริงเอาจังผู้นี้คล้ายรู้เรื่องทุกอย่างเป็นอย่างดี แต่กลับไม่เปิดโปง นางเองก็ไม่แน่ใจว่าที่เขามาพักที่นี่ชั่วคราวในครั้งนี้ เพราะต้องการช่วยนางฝึกวรยุทธ์จริงๆ หรือเพราะมีจุดประสงค์อื่นกันแน่
ครั้นเห็นนางเอาแต่เงียบ ไม่พูดไม่จา เจียงหยวนครุ่นคิด แล้วกล่าวว่า “ยานี้มีประโยชน์ต่อร่างกาย ยิ่งมีประโยชน์ต่อการฝึกวรยุทธ์ แต่จำต้องกินควบคู่กับสุราอุ่น ต้องระมัดระวังอย่างมาก ข้าน้อยมอบให้หวั่นซินดูแลจะเหมาะสมกว่า”
ซูหลีพยักหน้าเล็กน้อย “ได้ ลำบากเจ้าแล้ว”
ยาบำรุงหัวใจได้ผลดังคาด ผ่านไปไม่นาน อาการบาดเจ็บของนางก็หายดีถึงเจ็ดแปดส่วนแล้ว หลายวันนี้ เรื่องต่างๆ ในลัทธิธิดาเทพล้วนอยู่ภายใต้การดูแลของพวกหวั่นซิน ค่อยๆ เข้าลู่เข้าทางมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนเรื่องเกี่ยวกับบุรุษสามคนที่บุกรุกแท่นบูชาหลักในวันนั้น ยามนี้สถานการณ์เป็นเช่นไรบ้าง กลับไม่มีผู้ใดกล้าถามอีก
หยางเซียวไม่มีอะไรทำตลอดทั้งวัน เอาแต่วนเวียนอยู่รอบตัวซูหลี และชวนนางพูดคุยไม่หยุดไม่หย่อน ซูหลีปวดหัว แต่ก็ระบายโทสะไม่ได้ ดีที่หยางเซียวฉลาด รู้จักสังเกตสีหน้านาง ไม่ได้ก่อกวนจนนางรู้สึกเกลียดชังเขาจริงๆ
เช้าตรู่ของวันนี้ ซูหลีกำลังจัดข้าวของในตำหนักเซิ่งซินที่มารดานางเคยใช้ เงาร่างสีแดงพาดผ่านนอกตำหนัก หยางเซียวยังไม่ทันก้าวเข้ามา เสียงใสกังวานของเขาก็นำหน้าเข้ามาก่อนแล้ว “อาหลีน้อย วันนี้อากาศดียิ่ง พวกเราออกไปเล่นกันเถิด”
แต่ละวันเขามีลูกไม้มากมายนับไม่ถ้วน พลังงานอันเหลือล้นของเขาทำให้นาง…หน่ายใจยิ่งนัก
หลังจากอยู่ด้วยกันมาหลายวัน ซูหลีก็ได้เรียนรู้วิชาหูทวนลม นางไม่ตอบคำเขา เพียงก้มหน้าก้มตาจัดของในมือต่อไป ทำเหมือนมองไม่เห็นเขา
…………………………………………………