กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ - บทที่ 356 ข้าจะรับผิดชอบเจ้าเอง (3)
ซูหลีขมวดคิ้วด้วยความสงสัย จ้องมองเขาไม่วางตา
สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กสีขาวเงินตัวหนึ่งไม่รู้กระโดดออกมาจากที่ใด มันทิ้งตัวลงด้านหน้าหยางเซียว ดวงตาของมันกลอกหมุนไปมา เหมือนกำลังตามหาเพื่อนที่ส่งเสียงร้องหามันอยู่ หยางเซียวลิงโลด รีบกระโจนเข้าไปทันที
“ฮ่าๆ จับได้แล้ว!” ดวงตาของเขาเป็นประกายด้วยความดีใจ ยื่นเจ้าตัวเล็กนั่นมาตรงหน้าซูหลีอย่างตื่นเต้น ถึงแม้จะตื่นเต้นมาก แต่เขากลับเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวัง เหมือนจับสมบัติล้ำค่าที่สุดในโลกนี้ได้ และกลัวว่าจะทำมันเสียหาย
นึกไม่ถึงว่าจะเป็นคางคก! ตัวของมันเป็นสีขาวเงิน ตัวเล็กกลม ดูน่าเกลียด เหมือนมันเพิ่งรู้ตัวว่าโดนหลอก เจ้าตัวเล็กนั่นทำแก้มป่อง จ้องเขาด้วยสายตาโกรธขึ้ง เขากลับจ้องตามันกลับ “เจ้าไม่ต้องมาโกรธเลยนะ ใครใช้ให้เจ้าไม่ระวังถูกข้าจับได้เองเล่า!”
เจ้าตัวเล็กนั่นราวกับฟังภาษาคนออก มันกลอกตาทั้งสองข้าง แล้วหันหน้าหนีไม่สนใจเขาอีก
ซูหลีพลันสะดุดใจ เบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ แล้วร้องขึ้นว่า “…คางคกน้ำแข็ง?!”
สุดยอดสัตว์วิเศษในตำนานที่สามารถแก้สารพัดพิษแล้วยังสามารถรักษาอาการบาดเจ็บภายในได้! ร้อยปียากจะพานพบสักครา นึกไม่ถึงสถานที่แห่งนี้จะมีของล้ำค่าเช่นนี้อยู่ด้วย!
ซูหลีเงยหน้าด้วยความตกตะลึง นางมองหยางเซียวอย่างไม่อยากจะเชื่อ ความคิดสับสนเล็กน้อย “ท่าน…ทำทุกวิถีทางให้ข้ารั้งอยู่ที่นี่ เพื่อสิ่งนี้หรือ?”
หยางเซียวหัวเราะบอกว่า “ใช่แล้ว มีมัน อาการบาดเจ็บของเจ้าไม่เพียงจะหายเร็วขึ้น ภายหน้ายังสามารถควบคุมพิษของยาไร้รัก ไม่ให้ทำลายชีพจรหัวใจเสียหายได้ง่ายๆ อีก! เฮ้อ!” จู่ๆ เขาก็ถอนหายใจ เหล่มองนางด้วยหางตา แล้วกล่าวอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ “ข้าหรืออุตส่าห์หวังดี แต่เจ้าไม่เห็นค่าไม่พอ ยังเกือบบีบคอข้าตายเสียอีก! ดูสิ ข้ายังเจ็บคออยู่เลย!”
เขาแยกเขี้ยวยิงฟันลูบคอตนเอง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความตัดพ้อ สายตากลับสะท้อนรอยยิ้มอันอบอุ่น
หัวใจของซูหลีราวกับถูกบางสิ่งบางอย่างที่อ่อนโยนโจมตี นางมองหน้าเขา พูดอะไรไม่ออก ผ่านไปครู่หนึ่งจึงค่อยถามขึ้น “เหตุใดไม่บอกข้าแต่แรก?”
หยางเซียวยักไหล่ ยิ้มแล้วกล่าวว่า “ข้าลองหลายครั้งแล้ว แต่ก็จับมันไม่ได้ ต่อมาเจียงหยวนบอกว่าคืนจันทร์เต็มดวงอาจมีโอกาสมากขึ้น ฉะนั้นข้าจึงพาเจ้ามาที่นี่ แต่ข้าก็ไม่แน่ใจว่าคืนนี้จะจับมันได้หรือไม่ ถ้าเกิดว่าจับไม่ได้ขึ้นมา เจ้าก็คงดีใจเก้อน่ะสิ เจ้าว่าใช่หรือไม่ เจ้าตัวน้อย?” เขาก้มหน้ามองคางคกน้ำแข็งในมือ ใช้นิ้วจิ้มหัวมัน ก่อนจะเบะปากบอกว่า “เจ้านี่นะ ทั้งที่เป็นสัตว์วิเศษล้ำค่าแท้ๆ แต่เหตุใดจึงเกิดมาอัปลักษณ์เช่นนี้!”
แก้มทั้งสองข้างของคางคกน้ำแข็งป่องมากกว่าเดิม เหมือนกำลังโมโหหนักมาก
หยางเซียวนึกสนุก “ฮ่า กล้าโกรธข้าหรือ! คอยดูเถิดว่าข้าจะจัดการเจ้าอย่างไร!” เขาใช้นิ้วดีดหัวเจ้าคางคกน้ำแข็งหนึ่งที
เจ้าคางคกตัวนั้นร้องเสียงหลง ถลึงตาโต ปากก็ร้องเสียงดัง คล้ายกำลังโวยวายด้วยความไม่พอใจ
หุบเขาอันเงียบสงบ บุปผาหอมรัญจวนใจ พวกเขาหนึ่งคนหนึ่งคางคก กลับมีปากเสียงกันอย่างไม่มีใครยอมใคร
ซูหลีอดส่ายหน้าไม่ได้ นางกล่าวอย่างเหนื่อยหน่าย “พอได้แล้ว! ใต้หล้านี้ มีเพียงองค์ชายสี่เท่านั้นที่รูปงามที่สุด!”
“จริงหรือ?” ความหงุดหงิดในสายตาเขาจางหายไปจนสิ้นในพริบตา เขากระโดดเข้ามาตรงหน้านาง คลี่ยิ้มสดใส แล้วกล่าวว่า “งามกว่าตงฟางเจ๋ออีกหรือ?”
รอยยิ้มของซูหลีค้างเติ่ง ความอบอุ่นที่เพิ่งผุดขึ้นมาในสายตาเพียงเล็กน้อย พลันจางหายไปกับความมืดยามค่ำคืนทันที
หยางเซียวรู้ตัวว่าหลุดปาก รีบตีอกชกหัวตนเองอย่างนึกเสียใจ ดันพูดเรื่องที่ไม่ควรพูดขึ้นมาเสียได้! เขารีบเปลี่ยนเรื่อง เอนศีรษะพิงไหล่นาง “อ้าว อาหลีน้อย เหตุใดไม่กินปลาเล่า? เล่นมาทั้งวัน เจ้าไม่หิวหรือ?”
ซูหลีหลุบตาเล็กน้อย ไม่พูดอะไร
หยางเซียวอดถอนหายใจไม่ได้ มัวแต่คิดหาวิธีทำให้นางลืมเรื่องเมื่อครู่ จนลืมคางคกน้ำแข็งในมือไปเสียสนิท
เจ้าคางคกน้ำแข็งเหมือนเล็งเห็นโอกาส ดวงตากลมโตเป็นประกาย ฉวยโอกาสตอนเขาเผลอ หันหน้าไปกัดนิ้วมือที่จับมันเอาไว้เต็มแรง
ซูหลีตกใจ “ระวัง มันกัดคนเป็นนะ!” นางยังกล่าวไม่ทันจบประโยค ก็ได้ยินหยางเซียวร้องครวญ นิ้วชี้กว่าครึ่งนิ้วถูกเจ้าคางคกน้ำแข็งกัดแน่น เป็นตายอย่างไรก็ไม่ยอมปล่อย
“เจ้าบ้า!” เขาตะโกนด่า เจ็บจนต้องสูดหายใจ แต่กลับยังคงไม่ยอมปล่อยมือ
ซูหลีหน้าเปลี่ยนสี กล่าวด้วยความร้อนใจ “น้ำลายของมันมีพิษ ปล่อยมันไปเร็วเข้า”
“ไม่ได้! เจ้าสิ่งนี้ระวังตัวเก่งมาก หากวันนี้ปล่อยมันไป ภายหน้าอยากจับก็คงยากแล้ว!” หยางเซียวกล่าว พลางสาวเท้าเดินกลับไปข้างกองไฟ ยื่นเจ้าคางคกน้ำแข็งไปใกล้ไฟ เจ้าตัวน้อยนั่นรีบหดตัว และอ้าปากคายนิ้วมือของเขาออกมาทันที มันหดตัวเป็นวงกลมเล็กๆ แล้วส่งเสียงร้องโวยวาย
หยางเซียวแค่นหัวเราะ แล้วพูดจาข่มขู่ “กล้ากัดข้าอีกจะโยนเจ้าเข้าไปในกองไฟเลย!”
เจ้าตัวน้อยตัวสั่นงันงก รีบมองหยางเซียวด้วยสายตาน่าสงสาร คล้ายกำลังอ้อนวอนเขา
ซูหลียิ้มพลางเอ่ยว่า “คางคกน้ำแข็งมีจิตวิญญาณอยู่จริงๆ ด้วย ไม่น่าเชื่อว่ามันจะฟังภาษาคนออกด้วย”
หยางเซียวหัวเราะ แล้วกล่าวว่า “ภายหน้าถ้าเจ้าอารมณ์ไม่ดี ก็ระบายกับมันได้เลย” เอ่ยจบก็ล้วงถุงผ้าสวยๆ ใบหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ ใส่เจ้าคางคกน้ำแข็งลงไปในนั้นอย่างรวดเร็ว แล้วจึงค่อยยกนิ้วมือที่ได้รับบาดเจ็บของตนเองขึ้นมาสำรวจดูอย่างละเอียด ครั้นสำรวจเสร็จ ใบหน้าหล่อเหลาก็พลันขมวดเป็นปม ปากก็ร้องโวยวายเสียงดัง
ซูหลีเห็นนิ้วมือเขียวช้ำของเขามีเลือดสีดำไหลอาบไม่หยุด นางตกตะลึง รีบล้วงเข้าไปในอกเสื้อตามความเคยชิน แต่ทว่ากลับว่างเปล่า นางเพิ่งนึกได้ว่าวันนี้ไม่ได้พกสิ่งใดติดตัวออกมาด้วยเลยสักอย่าง
“อาหลีน้อย ข้ากำลังจะตายแล้ว!” หยางเซียวทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ไม่เหลือแววเหี้ยมเกรียมที่แสดงต่อเจ้าคางคกน้ำแข็งแม้แต่น้อย เขาขดงอตัว ฉวยโอกาสพิงนาง แล้วมองนางด้วยสายตาน่าสงสาร “ก่อนข้าจะตาย เจ้าช่วยทำให้ความปรารถนาข้าเป็นจริงสักเรื่องได้หรือไม่?”
ตาย? เขาคิดไกลเกินไปแล้ว! ซูหลีเหล่มองเขาด้วยหางตา เขาคิดจะเล่นตลกอะไรอีกแล้ว?
หยางเซียวกะพริบตาปริบๆ มองหน้านาง “ถอดหน้ากากหนังออก ให้ข้าได้เห็นหน้าเจ้าอีกสักครั้ง มิเช่นนั้นข้าคงนอนตายตาไม่หลับ!”
เวลาอย่างนี้เขายังมีอารมณ์มาล้อเล่นกับนางอีก! ซูหลีอดส่ายหน้าไม่ได้ ก่อนจะกล่าวอย่างครุ่นคิด “วางใจเถิด พิษนี้คร่าชีวิตท่านไปในเร็วๆ นี้ไม่ได้หรอก” เอ่ยจบก็ผลักเขาออก แล้วลุกขึ้นยืน
หยางเซียวชะงักอึ้ง รีบรั้งนาง แล้วกล่าวว่า “เจ้าจะไปไหน?”
ซูหลีไม่ตอบ เพียงเดินตรงไปยังริมลำธาร ที่ใดมีสิ่งมีพิษ ที่นั่นย่อมต้องมีสิ่งแก้พิษเติบโตอยู่เป็นแน่ นางแยกแยะตำแหน่งของสมุนไพรชนิดต่างๆ ตามกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้
หยางเซียวเดินตามหลังนางไปติดๆ ไม่ยอมห่างแม้แต่ก้าวเดียว
ผ่านไปครึ่งเค่อ ดวงตาของซูหลีเป็นประกายขึ้นมาทันที “เจอแล้ว” นางดึงหญ้าต้นหนึ่งเบาๆ แล้วเอาเข้าปากเคี้ยวให้ละเอียด
หยางเซียวหยอกล้อนาง “อาหลีน้อย มีปลาย่างเจ้าไม่กิน กลับกินหญ้างั้นหรือ?”
นางไม่สนใจเขา ครั้นเคี้ยวใบหญ้าได้ที่แล้ว จึงดึงมือของเขาไป แล้วเอาหญ้าโปะลงบนนิ้วมือเขา
หยางเซียวร้องเสียงดัง “ที่แท้เจ้าก็กำลังหาทางรักษาข้าหรือ? โอ้ อาหลีน้อยเจ้าช่างดีกับข้าเหลือเกิน ข้าซาบซึ้งยิ่ง…” พูดไป เขาก็เอียงกายเข้าไปหานาง ซูหลีขมวดคิ้วเล็กน้อย รีบเบี่ยงกายหลบทันทีโดยไม่แม้แต่จะหยุดคิด! หยางเซียวนึกไม่ถึงว่านางจะหลบได้เร็วถึงเพียงนี้ ไม่ทันระวังตัว ฝ่าเท้าลื่นไถล ตกลงไปในลำธารเสียงดังโครม หยดน้ำสาดกระเซ็น!
“อ๊าก!” เขาตะโกนเสียงดัง มือที่เดิมทีกุมมือนางไว้พลันคลายออก ตกลงไปแช่ในน้ำเย็นเฉียบจนหนาวไปถึงสุดขั้วหัวใจ
อากาศยามกลางคืนไม่เหมือนตอนกลางวัน อุณหภูมิลดต่ำลงมาก ก่อนหน้านี้เขาลงไปจับปลาในน้ำ ยามนี้ยังเปียกโชกไปด้วยน้ำเย็นอีก…
…………………………………………………