กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ - บทที่ 364 บุรุษลึกลับ (2)
เซี่ยฝูอันขมวดคิ้ว ทอดถอนใจเบาๆ แล้วกล่าวว่า “ท่านธิดาเทพอาจยังไม่ทราบ ข้าน้อยเสียทั้งพ่อและแม่ไปพร้อมกันตั้งแต่เก้าขวบ บ้านแตกสาแหรกขาด มีปืนติดตัวอยู่เพียงกระบอกเดียว ข้าน้อยขึ้นเขาล่าสัตว์ ไม่ระวังเดินตกหลุมกับดักจนได้รับบาดเจ็บ ช่วงนั้นเป็นช่วงฤดูหนาว หิมะตกหนัก อากาศหนาวเหน็บ ข้าน้อยหมดสติไปหลายวันกว่าคนตัดฟืนแถวนั้นจะบังเอิญมาพบและช่วยชีวิตไว้ ถึงแม้รอดชีวิตมาได้ แต่กลับป่วยออดแอดนับแต่นั้นมา ไม่อาจถูกความเย็นได้แม้แต่น้อย”
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้” ซูหลีกล่าวเสียงเรียบเฉย “ในเมื่อมีโรคติดตัวเช่นนี้ ผู้ดูแลเซี่ยก็ต้องระวังสุขภาพให้มาก กลางคืนมีน้ำค้างมาก ไม่เหมาะออกไปเดินเล่นข้างนอก อย่างไรก็พักผ่อนเร็วหน่อยจะดีกว่า”
สายตาของเซี่ยฝูอันสะดุด เข้าใจความหมายแฝงในวาจานาง กลีบปากหยักยิ้มเล็กน้อย “ท่านธิดาเทพกล่าวถูกต้อง”
“ทูตวิญญาณ เบิกยาที่มีฤทธิ์ช่วยทำให้ร่างกายอบอุ่นให้ผู้ดูแลเซี่ยที” ซูหลีครุ่นคิด แล้วหันไปกำชับเจียงหยวน “ยังมี…ยาที่ช่วยให้นอนหลับด้วย”
เจียงหยวนรับคำแล้วจากไป ก่อนออกจากห้อง เขาหันกลับมามองเซี่ยฝูอันแวบหนึ่ง สายตาสงสัยพาดผ่านอย่างรวดเร็ว
ยามนี้เอง เซี่ยถงเดินเข้ามาในห้อง หมายจะรินน้ำชาให้ซูหลี นางกลับยกมือส่งสัญญาณให้เขาถอยออกไปก่อน
ประตูถูกปิดลง ปิดกั้นอากาศร้อนอบอ้าวไว้ด้านนอกอีกครั้ง ในห้องเงียบงัน บรรยากาศชวนให้รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
ซูหลีเหมือนไม่รีบร้อนจากไป กาน้ำชาบนโต๊ะมีไอร้อนลอยกรุ่น ทำให้ใบหน้าของเซี่ยฝูอันเลือนรางไม่ชัดเจน นางยื่นมือออกไปเทน้ำชาหนึ่งถ้วย แล้วเดินไปที่เตียง ยื่นส่งให้เขา
“ดื่มชาสักถ้วย ร่างกายจะได้อบอุ่น”
เซี่ยฝูอันอึ้งไปเล็กน้อย เห็นชัดว่าเขาคาดไม่ถึงว่านางจะทำเช่นนี้ เขารีบเลิกผ้าห่มออกแล้วลุกขึ้น ยื่นมือออกไปรับ ในเสี้ยววินาทีที่นิ้วมือเขาสัมผัสถูกถ้วยชา ซูหลีปล่อยมือออก ถ้วยชาตกพื้นทันที!
สายตาของเซี่ยฝูอันวูบไหวเบาๆ เขาตอบสนองอย่างรวดเร็ว พลิกข้อมือรับถ้วยชาไว้ได้อย่างแม่นยำ น้ำในถ้วยชาไม่หกแม้แต่หยดเดียว
ซูหลีจ้องตาเขา “ผู้ดูแลเซี่ยวรยุทธ์ล้ำเลิศ”
เขาเองก็จ้องตานางกลับ คล้ายต้องการมองทะลุไปถึงจิตวิญญาณที่อยู่ในส่วนลึกของนาง แววหยอกล้อพาดผ่านดวงตา “ท่านธิดาเทพชมเกินไปแล้ว” เอ่ยจบ ก็ยกชาดื่มจนหมดถ้วย น้ำชาไหลลงสู่ท้อง ไออุ่นแผ่กระจายไปทั่วร่าง ลำคอพลันรู้สึกแสบคันขึ้นมาทันที เขาไออย่างรุนแรง รีบร้อนยกมือปิดปากและหันหน้าหนี
ซูหลียื่นมือไปประคองเขาตามสัญชาตญาณ แต่กลับอึ้งงันไปทันที นางแทบไม่อยากเชื่อ ร่างกายเขา เหตุใดจึงได้เย็นเฉียบถึงเพียงนี้?! เย็นเหมือนก้อนน้ำแข็งก็ไม่ปาน! แม้จะมีเสื้อตัวกลางกั้นอยู่ แต่ไอเย็นจากตัวเขาราวกับแทรกลึกเข้าไปในหัวใจนาง หัวใจของนางสั่นไหวอย่างไม่อาจควบคุม
เขาไอหนักมาก ทำอย่างไรก็ไอไม่หยุด ร่างกายสูงใหญ่ขดงอเล็กน้อย สั่นสะท้านรุนแรง แทบยืนไม่อยู่
ซูหลีรีบประคองเขานั่งลงตรงขอบเตียง คิ้วงามขมวดเล็กน้อย นางยกมือลูบแผ่นหลังเขาขึ้นลงเบาๆ
ผ่านไปครู่หนึ่ง เซี่ยฝูอันจึงค่อยหายใจเป็นปกติขึ้นมาบ้าง เขาเอียงคอเล็กน้อย ใบหน้าซีดขาวกลายเป็นแดงเรื่อ สายตาที่จ้องมองซูหลีเปล่งประกายอย่างน่าอัศจรรย์ใจ
“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
เขาไม่ตอบ คิ้วที่ขมวดเป็นปมคลายออก รอยยิ้มพาดผ่านดวงตา ค่อยๆ เคลื่อนมือที่ปิดปากเอาไว้ออก
สายตาของซูหลีพลันแปรเปลี่ยน ลมหายใจสะดุด
มือของเซี่ยฝูอัน สวยมาก! นิ้วมือของเขาเรียวสวย ข้อกระดูกสมส่วน สะอาดเป็นระเบียบ แทบไร้ที่ติ แตกต่างจากความงามของสตรีโดยสิ้นเชิง เพียงแต่มือคู่นี้…เหตุใดมือคู่นี้จึงได้ดูคุ้นตายิ่งนัก? เหมือนมือของคนผู้นั้นที่เคยกุมมือนางเป็นร้อยเป็นพันหนเหลือเกิน…
ครั้นนางได้สติ กลับพบว่าเซี่ยฝูอันดึงมือนางไปกุมไว้แล้ว! และเขาก็กำลังก้มหน้าจ้องมือที่กำลังกุมกันของทั้งสอง ปลายนิ้วเย็นเฉียบลูบคลำนิ้วมือขาวเนียนดั่งหยกของนางเบาๆ ความหวั่นไหวที่ไม่อาจบรรยายพลันบังเกิด ซูหลีตัวสั่นเล็กน้อย หัวใจของนางเต้นอย่างบ้าคลั่ง
แต่ทว่า สัมผัสเย็นเฉียบที่นิ้วมือทำให้นางได้สติ ไม่ ไม่ใช่ อุณหภูมิในร่างกายของคนผู้นั้นร้อนรุ่มดั่งเปลวไฟ อบอุ่นทรงพลัง ไม่มีทางเย็นเฉียบเช่นนี้แน่ ยิ่งไม่มีทางซีดเซียวและป่วยหนักเช่นนี้!
แม้รูปร่างมือของเขาจะเหมือนมือของคนผู้นั้นมาก แต่หากสังเกตอย่างละเอียด กลับดูเหมือนเรียวยาวกว่าเล็กน้อย ซูหลีสะท้านไปทั้งใจ รีบปฏิเสธความคิดตนเอง แล้วดึงมือกลับทันที
มือของเซี่ยฝูอันว่างเปล่า ในดวงตาที่หลุบต่ำมีแววเศร้าสร้อยและโดดเดี่ยวพาดผ่าน
สายตาของซูหลีขรึมลง นางลุกขึ้นยืน ไม่รอให้นางเปิดปาก เซี่ยฝูอันเหลือบมองมือของนางที่ดึงกลับเข้าไปในแขนเสื้อ ยิ้มแล้วกล่าวว่า “ได้ยินมาว่าก่อนที่ภูติซ้ายจิ้งจะติดตามท่านธิดาเทพ เคยดูแลงานเบ็ดเตล็ดในลัทธิ ดูแล้วคงดูแลตนเองเป็นอย่างดี ผู้ใดไม่รู้ เกรงจะเข้าใจผิดคิดว่าท่านธิดาเทพยังเป็นเด็กสาวอายุสิบหกปี”
ซูหลีสะท้านใจ นางไม่ตอบกลับย้อนถามเสียงเย็น “ในฐานะบุรุษ ผู้ดูแลเซี่ยเองก็ดูแลตนเองได้ดีเยี่ยมเช่นกันมิใช่หรือ? เมื่อครู่เจ้าบอกว่าครอบครัวแตกแยกกันไปคนละทิศตั้งแต่ยังเล็ก แต่มือของเจ้า กลับไม่เหมือนมือของคนที่ผ่านการทำงานหนักมาแม้แต่น้อย”
เซี่ยฝูอันลุกขึ้นช้าๆ เขาเป็นคนตัวสูง ยามมองหน้าซูหลี จึงต้องหลุบตาเล็กน้อย ใบหน้าซีดขาวปรากฏราศีน่าเกรงขามพาดผ่านชั่วขณะ “แม้ครอบครัวของข้าน้อยแตกแยกตั้งแต่ยังเด็ก แต่ท่านพ่อกับท่านแม่รักข้าน้อยยิ่งนัก ฉะนั้นจึงไม่เคยปล่อยให้ข้าน้อยทำงานหนัก ขายหน้าท่านธิดาเทพเสียแล้ว”
คนผู้นี้รับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ได้เป็นอย่างดี แนบเนียนไร้ที่ติ
ซูหลีลอบหัวเราะหยันในใจ ไม่คิดรั้งอยู่อีกต่อไป นางกล่าวเสียงเรียบเฉย “เจ้าพักฟื้นให้ดี หลังจากหายดีแล้วค่อยมารับคำสั่งที่ตำหนักเซิ่งซินก็แล้วกัน” เอ่ยจบ นางก็หมุนกายเดินออกจากห้องไปทันที
แต่นางกลับสัมผัสถึงสายตาคมปลาบที่มองไล่หลังมาได้อย่างชัดเจน เหมือนดั่งเงาที่ตามติดสลัดไม่หลุด เขาจ้องนางจนกระทั่งนางเดินออกจากประตูสวนของหอซือหยวนไป
ในตำหนักเซิ่งซิน เจียงหยวนรออยู่นานแล้ว ครั้นเห็นซูหลีกลับมา ก็รีบเดินเข้ามาคารวะ
ซูหลีถาม “เขียนเทียบยาแล้วหรือยัง?”
“ขอรับ ข้าน้อยสั่งให้คนไปเอายาที่สำนักจันทร์เสี้ยวแล้วขอรับ”
“อืม” ซูหลีกล่าวต่ออีกว่า “คำพูดของเซี่ยฝูอัน เจ้าคิดว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่?”
สีหน้าของเจียงหยวนสะดุดเล็กน้อย เขากล่าวอย่างครุ่นคิด “ข้าน้อยสืบดูแล้ว เมื่อคืนเซี่ยถงทำโอ่งแตกจริงๆ เรื่องนี้แม้จะบังเอิญ แต่เรื่องที่พิษเย็นได้แทรกซึมเข้าสู่อวัยวะภายในของเขาเป็นเรื่องจริงขอรับ ยามปกติแม้จะไม่แตกต่างจากคนทั่วไป แต่หากถูกความเย็นเมื่อใด พิษเย็นในกายก็จะกำเริบ แม้อากาศร้อนระอุก็จะรู้สึกเหมือนอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง หากไม่พักฟื้นดีๆ เกรงว่า…อายุยากจะยืนยาว”
“ร้ายแรงเพียงนี้เชียวหรือ!” ซูหลีตกใจ ใบหน้าซีดขาวของเซี่ยฝูอันผุดขึ้นมาในสมอง นางขมวดคิ้วถามว่า “เจ้าได้ตรวจดูหรือไม่ว่าวรยุทธ์ของเขาเป็นเช่นไร?”
“ชีพจรของเขาเต้นช้ามาก ยากจะแยกแยะขอรับ”
ยากจะตรวจสอบกำลังภายใน แต่การตอบสนองของเขาไม่เหมือนคนที่มีวรยุทธ์ธรรมดาทั่วไปเลยสักนิด
สายตาของซูหลีขรึมลง นางกล่าวอีกว่า “จากที่เจ้าดู พิษเย็นของเขามีวิธีรักษาหรือไม่?”
เจียงหยวนนิ่งคิด “ทำได้เพียงบรรเทาอาการ หากจะรักษาให้หายขาด…แทบเป็นไปไม่ได้”
หัวใจของซูหลีหนักอึ้ง นางกล่าวเสียงเรียบ “เจ้าออกไปเถิด”
เจียงหยวนออกจากตำหนักไป ซูหลีเดินไปที่หน้าต่างช้าๆ นอกหน้าต่าง น้ำทะเลสาบสีเขียวกระเพื่อมไหวเป็นระลอกคลื่นเล็กๆ ท้องฟ้าสีครามกว้างใหญ่ไร้จุดสิ้นสุด วันนี้อากาศดียิ่งนัก แต่หัวใจของนางกลับสับสนวุ่นวายอย่างไม่รู้สาเหตุ
ไม่นาน ฉินเหิงก็นำเรื่องของเซี่ยฝูอันที่เขาไปสืบมารายงาน ซึ่งไม่ต่างจากข้อมูลที่นางเคยอ่านเจอในบันทึกของลัทธินัก คนผู้นี้กระทำการใดรอบคอบรัดกุม อยู่ในลัทธิธิดาเทพมาสิบกว่าปี ไม่มีผลงานใดแต่ก็ไร้ความผิด แต่เดิมเขาเป็นเด็กรับใช้ประจำตัวของผู้ดูแลรุ่นก่อน หลังจากธิดาเทพหลบหนี คนในลัทธิสืบหาอยู่นานก็ไร้ผล ปัญหาภายในลัทธิเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้ดูแลรุ่นก่อนก็มาล้มตาย แท่นบูชาหลักไร้คนเฝ้ารักษาการณ์ ผู้อาวุโสเสวียนจิ้งเห็นว่าเขามีความสุขุมเยือกเย็น จึงแต่งตั้งให้เขาเป็นหัวหน้าผู้ดูแล มอบหมายให้เขาเป็นผู้ดูแลงานเบ็ดเตล็ดในแท่นบูชาหลักนับแต่นั้น ทว่าไม่มีผู้ใดรู้ว่าก่อนจะเข้ามาในลัทธิ เขาเป็นผู้ใด และมาจากไหน
…………………………