กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ - บทที่ 393 กักบริเวณในวัดหลวง (1)
ฮ่องเต้แคว้นเปี้ยนระงับอารมณ์ แล้วถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เพื่อนาง เจ้ายอมสละได้แม้กระทั่งชีวิตจริงหรือ?”
“พ่ะย่ะค่ะ!” หยางเซียวตอบอย่างหนักแน่น
เนิ่นนาน ฮ่องเต้แคว้นเปี้ยนเงียบงันไม่พูดอะไร ลมหายใจที่ถี่กระชั้นค่อยๆ สงบลง สายตาที่ทอดมองซูหลีค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม
สายตาของซูหลีขรึมลง ครั้งนี้นางเข้าวังมาเพียงลำพัง นอกจากไม่อยากทำให้หยางเซียวเดือดร้อนไปด้วยแล้ว เรื่องที่สำคัญที่สุดก็คือนางมั่นใจว่าฮ่องเต้แคว้นเปี้ยนจะไม่มีวันทำร้ายนาง ลัทธิธิดาเทพถูกปล่อยร้างมานานหลายปี ตำแหน่งธิดาเทพไร้ผู้สืบทอดรุ่นหลัง ยิ่งไปกว่านั้นนางกับแคว้นเฉิงมีสายสัมพันธ์ที่ซับซ้อน หากฮ่องเต้แคว้นเปี้ยนสั่งประหารนางส่งเดช มีแต่จะส่งผลเสียต่อสถานการณ์ในยามนี้ เรื่องสำคัญเหล่านี้ มีหรือฮ่องเต้แคว้นเปี้ยนจะไม่เข้าใจ? เขาเพียงแค่ต้องการใช้เรื่องนี้ เป็นไม้แข็งผสมไม้อ่อนทำให้นางยอมภักดีต่อเขาอย่างแท้จริง
แต่สายตาอันลึกล้ำยากคาดเดาของเขา กลับทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา ขณะกำลังครุ่นคิด ก็ได้ยินฮ่องเต้แคว้นเปี้ยนกล่าวเสียงแช่มช้า “จะให้ไว้ชีวิตนาง ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้”
หยางเซียวพลันดีใจ แต่กลับไม่กล้าแสดงออกมา เพราะรู้ว่าเสด็จพ่อยังพูดไม่จบ
ฮ่องเต้แคว้นเปี้ยนชี้ไปที่ซูหลี แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หากเจ้ารับปากข้าเรื่องหนึ่ง ข้าก็จะไว้ชีวิตเจ้า”
“เสด็จพ่อพูดจริงหรือพ่ะย่ะค่ะ?” ดวงตาของหยางเซียวเปล่งประกาย เขาคลี่ยิ้มทันที เขารู้อยู่แล้วว่าเสด็จพ่อไม่มีทางยอมเห็นเขาตายไปต่อหน้าต่อตาแน่นอน
ฮ่องเต้แคว้นเปี้ยนพยักหน้าเล็กน้อย รอยยิ้มยากคาดเดา เห็นได้ชัดว่ากำลังคำนวณบางสิ่งอยู่ เขาเดินลงจากพระที่นั่งสูง แล้วตรงเข้าไปกำดาบในมือหยางเซียว “กษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำ”
หยางเซียวอึ้งไปเล็กน้อย เขาปล่อยมืออย่างไม่รู้ตัว ฮ่องเต้แคว้นเปี้ยนถือดาบเหล็กเดินมาตรงหน้าซูหลี สายตาที่จ้องมองนางไม่เหลือรอยยิ้มให้เห็นอีก “ข้า ขอให้เจ้ารับปากว่าจะแต่งงานกับหยางเซียว!”
หัวใจของซูหลีสั่นสะท้าน นางรู้ว่าฮ่องเต้แคว้นเปี้ยนต้องไม่ปล่อยนางไปง่ายๆ แน่นอน แต่กลับนึกไม่ถึงว่าเขาจะบีบบังคับให้นางแต่งงานกับหยางเซียว!
หยางเซียวเบิกตากว้าง เห็นได้ชัดว่าเขาเองก็ตกใจมากเช่นกัน เขามองหน้าฮ่องเต้แคว้นเปี้ยน จากนั้นก็เลื่อนสายตาไปที่ซูหลี คล้ายทำตัวไม่ถูก เขาที่ยามปกติพูดจาฉะฉานคล่องแคล่ว ยามนี้กลับพูดติดอ่าง “เสด็จพ่อ นาง หม่อมฉัน…”
“เจ้ามั่นใจมากมิใช่หรือว่านางจะรักเจ้าในสักวัน? ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ยังลังเลอะไรอีกเล่า?” ฮ่องเต้แคว้นเปี้ยนตวัดมองหยางเซียวด้วยสายตาคมปลาบ ก่อนจะหันไปพูดกับซูหลีต่อ “ขอเพียงเจ้ารับปากเรื่องนี้ ข้าจะทำการคัดเลือกผู้สืบทอดตำแหน่งธิดาเทพคนต่อไปทันที ส่วนพิษของยาไร้รัก ข้าก็จะสั่งให้คนรีบคิดค้นและปรุงยาแก้พิษโดยด่วนที่สุด แต่ก่อนหน้านั้น เจ้าจะยังคงเป็นธิดาเทพไปก่อน”
ซูหลีหลุบตา รอยยิ้มเย้ยหยันพาดผ่านกลีบปาก ฮ่องเต้แคว้นเปี้ยนช่างคำนวณได้ยอดเยี่ยมยิ่งนัก นางรีบใช้สมองใคร่ครวญทันที หากรับปาก ก็จะเป็นการแสดงจุดยืนของตนเองอย่างชัดเจนทันที ภายหน้ามิอาจหลีกเลี่ยงการเป็นศัตรูกับหยางเจิ้น และแคว้นเฉิงได้ แต่หยางเซียวถึงขั้นใช้ความตายของตนเองมาปกป้องนาง หากไม่รับปาก เขาก็จะเจ็บปวดเพราะเรื่องนี้ และผิดหวังในตัวนาง บางที…นี่อาจเป็นจุดประสงค์ที่แท้จริงของฮ่องเต้แคว้นเปี้ยน การเดินหมากก้าวนี้ ไม่ว่านางจะตัดสินใจเช่นไร ล้วนเป็นเรื่องยากอย่างยิ่ง
“แต่ทว่า ข้าขอให้เจ้ารับประกัน ภายหน้าต้องภักดีต่อข้า ภักดีต่อราชวงศ์เปี้ยน ไม่ว่าตัวอยู่ที่ใด เจ้าล้วนต้องทำตามคำสั่งของข้า ไม่ว่าเรื่องใดให้เห็นแก่ส่วนรวมเป็นหลัก นี่ไม่ใช่เพียงหน้าที่ในฐานะธิดาเทพเท่านั้น แต่ยังเป็นพันธกิจของฮองเฮาแห่งราชวงศ์เปี้ยนในอนาคตด้วย เจ้า ทำได้หรือไม่?” ฮ่องเต้แคว้นเปี้ยนยังคงกล่าวด้วยน้ำเสียงน่าเกรงขามต่อไป
ไม่ว่าตัวอยู่ที่ใดล้วนต้องทำตามคำสั่งของเขา! หมายความว่านางต้องทำงานรับใช้เขาอย่างเต็มตัว?
ซูหลีเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วกล่าวอย่างหนักแน่น “เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ขอฝ่าบาทโปรดอภัยที่ซูหลีมิอาจทำตามรับสั่ง ภารกิจในครั้งนี้ล้มเหลว เพราะความผิดของซูหลีแต่เพียงผู้เดียว ซูหลีไม่มีคำแก้ตัว ฝ่าบาทโปรดลงโทษตามเห็นสมควรเถิดเพคะ” พูดไปพลาง นางก็ค้อมกายแล้วก้าวถอยหลังสองสามก้าว
สีหน้าของฮ่องเต้แคว้นเปี้ยนเคร่งขรึมทันที เขาสะบัดแขนเสื้อแล้วตะโกนเสียงดัง “ทหาร!”
หยางเซียวหน้าถอดสี รีบก้าวเข้ามา แต่กลับถูกหน่วยองครักษ์อวี่หลินเว่ยยืนขวางไว้
ฮ่องเต้แคว้นเปี้ยนตวาดเสียงกร้าว “จับตัวนางไว้!”
สถานการณ์พลิกผันอีกครั้ง หยางเซียวร้อนใจ เขารู้ดีว่าหากยังดึงดันต่อไป เสด็จพ่อจะกริ้วจริงๆ และผลลัพธ์ก็จะยิ่งแย่! แต่เขาก็ไม่อาจทนมองดูซูหลีถูกจับโดยไม่ทำอะไรได้!
ขณะร้อนใจ พลันได้ยินเสียงคำรามน่าเกรงขามเสียงหนึ่งดังมาจากนอกตำหนักฉินเจิ้ง “ช้าก่อน!” เสียงนี้ดังสะท้านจนทุกคนในตำหนักตื่นตะลึง พวกเขาต่างหันไปมองนอกตำหนักโดยสัญชาตญาณ
ผู้มาสวมชุดราชสำนักสีกรมท่า สาวเท้ายาวๆ เข้ามาในตำหนัก สีหน้าเขาเย็นชาดั่งหิมะพันปี ตวัดสายตาเย็นยะเยือกมองเหล่าทหาร ไอเหี้ยมเกรียมพาดผ่าน ทุกคนพลันก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว
ผู้มากลับเป็นหยางเจิ้น! หัวใจของซูหลีสั่นสะท้าน เขามาได้อย่างไร?
หยางเจิ้นเดินเข้ามาคารวะตรงกลางตำหนัก ก่อนจะกล่าวเสียงกังวาน “ถวายบังคมฝ่าบาท!”
ฮ่องเต้แคว้นเปี้ยนโบกมือเล็กน้อย แล้วกล่าวเสียงเข้ม “ลุกขึ้นเถิด”
หยางเจิ้นขมวดคิ้ว แล้วกล่าวคล้ายไม่เข้าใจ “เกิดเรื่องใดขึ้นกันแน่ ฝ่าบาทจึงทรงสั่งให้หน่วยองครักษ์อวี่หลินเว่ยเคลื่อนไหวเช่นนี้?” เขาหันหลังให้ฮ่องเต้แคว้นเปี้ยนเล็กน้อย ชำเลืองมองซูหลีคล้ายไม่ตั้งใจ ในดวงตาเย็นชามีความเป็นห่วงแฝงอยู่รางๆ
เพียงสายตานั้น ก็ทำให้ซูหลีเข้าใจทันที หยางเจิ้นมาที่นี่ก็เพราะนาง
ประกายเย็นชาพาดผ่านดวงตาฮ่องเต้แคว้นเปี้ยน เขากล่าวเสียงเย็น “ซูหลีกำเริบเสิบสาน ขัดขืนพระราชโองการ จึงต้องลงโทษ”
“อ้อ?” หลังจากตกตะลึง หยางเจิ้นก็รีบปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ “อาหลียังเด็ก อาจเลินเล่อไปบ้าง ขอฝ่าบาทโปรดเมตตา ละเว้นโทษนางสักครั้ง”
ฮ่องเต้แคว้นเปี้ยนกล่าวกลั้วเสียงหัวเราะเย็นชา “ข้าให้โอกาสนางแล้ว แต่เป็นนางที่ไม่เห็นคุณค่า” สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเป็นคมปลาบ หันไปตวาดเสียงกร้าวใส่หน่วยองครักษ์อวี่หลินเว่ย “มัวยืนอึ้งอันใดกัน?”
“ฝ่าบาท ทรงทำเช่นนี้ไม่ได้เด็ดขาดนะพ่ะย่ะค่ะ!” หยางเจิ้นรีบห้ามปราม
ฮ่องเต้แคว้นเปี้ยนกลับหรี่ตา กล่าวเสียงเย็นชา “ไม่ได้? ดูท่าเซียวอ๋องมีกำลังทหารสำคัญอยู่ในมือ อำนาจบารมีเกรียงไกร จนลืมไปแล้วว่าผู้ใดกันแน่ที่เป็นประมุขแห่งแคว้นเปี้ยน!”
สัญญาณเตือนในวาจาของฮ่องเต้แคว้นเปี้ยนชัดเจนมาก ซูหลีลอบตื่นตกใจ พลันนึกถึงเรื่องที่หยางเจิ้นลอบสังหารหยางเซียวขึ้นมา ฮ่องเต้แคว้นเปี้ยนรู้เรื่องนี้แล้ว ถึงแม้ไม่มีหลักฐาน แต่เขาไม่มีทางปล่อยไปง่ายๆ แน่นอน!
หยางเจิ้นค่อยๆ เงยหน้า แล้วตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชาทีละคำๆ “น้องมิกล้า ในฐานะขุนนางของพระองค์ น้องจะกล้าลืมได้เยี่ยงไร”
ฮ่องเต้แคว้นเปี้ยนยืนอยู่เบื้องบน ก้มหน้ามองหยางเจิ้น สายตาของทั้งคู่ที่สานประสบกันมีแววคมปลาบดั่งกระบี่พาดผ่าน ในตำหนักเงียบงันไร้เสียง ทุกคนอกสั่นขวัญแขวน ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดัง
ผ่านไปครู่หนึ่ง ฮ่องเต้แคว้นเปี้ยนกล่าวเสียงเย็นชา “ดีมาก ซูหลีบังอาจขัดขืนราชโองการ มีโทษสมควรตาย เช่นนั้นก็ให้เจ้าเป็นผู้ตัดหัวนางก็แล้วกัน!”
ใบหน้าของหยางเจิ้นเขียวคล้ำ ทว่ากลับไม่ขยับเขยื้อน
“เซียวอ๋อง เหตุใดยังไม่ลงมืออีก หรือเจ้าคิดจะขัดขืนราชโองการ?” ฮ่องเต้เห็นเขาเงียบ จึงบีบคั้นอย่างไม่ลดละ
หยางเจิ้นกำหมัดแน่น เส้นเอ็นบนหน้าผากนูนเด่น “น้องมิกล้า! แต่ว่า อาหลี…ตัดหัวนางไม่ได้เด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ!” ใบหน้าของฮ่องเต้แคว้นเปี้ยนเคร่งขรึมทันใด หยางเจิ้นหยุดพูดครู่หนึ่ง แล้วกัดฟันกล่าวต่อว่า “นางเป็นสายเลือดเพียงหนึ่งเดียวที่พี่สาวของน้องเหลือไว้ให้ น้องมิอาจทนมองนางตายไปต่อหน้าต่อตาพ่ะย่ะค่ะ!”
“นางทำผิดมีโทษสมควรตาย!”
หยางเจิ้นโต้กลับทันทีอย่างไม่ลังเล “น้องยอมตายแทนนาง!” เอ่ยจบ เขาก็สะบัดชายเสื้อ เดินไปคุกเข่าตรงหน้า “ขอฝ่าบาทโปรดอนุญาตด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”
“เสด็จน้า! ไม่ได้นะเพคะ!” ซูหลีอุทานด้วยความตกใจ หัวใจสับสนวุ่นวาย เหตุการไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้นางตั้งตัวไม่ทัน เพื่อช่วยชีวิตนาง หยางเซียวใช้ความตายของตนเองข่มขู่ฮ่องเต้แคว้นเปี้ยน นางยังพอเข้าใจได้ เพราะถึงอย่างไรเขาก็เป็นองค์ชายที่ฮ่องเต้แคว้นเปี้ยนรักที่สุด แต่หยางเจิ้นนั้นต่างกัน ยามนี้อย่างไรฮ่องเต้แคว้นเปี้ยนก็ต้องอยากกำจัดขวากหนามเช่นเขาให้พ้นทางเป็นแน่ เขาทำเช่นนี้ เป็นการส่งแกะเข้าปากเสืออย่างไม่ต้องสงสัย แล้วนางจะไม่อกสั่นขวัญหายได้เช่นไร?
…………………….