กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ - บทที่ 459 ต้องได้พบกันอีก (ตอนจบแคว้นเปี้ยน) (5)
หยางเซียวมองนาง แล้วกล่าวอย่างตรงไปตรงมา “ขอเพียงเป็นมนุษย์ ย่อมต้องมีเจ็ดอารมณ์และหกความปรารถนาดังเช่นปุถุชนทั่วไป อย่างไรพิษในกายเจ้าก็ต้องกำเริบในสักวัน ปล่อยไว้นานวัน จะทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกาย ข้าจะไม่สนใจได้เช่นไร? ตอนนั้นที่ถูกพิษนี้ ข้าไม่ได้ใส่ใจมากนัก เดิมทีนึกว่าหลังจากที่พวกเราแต่งงานกัน…ย่อมแก้พิษได้เอง นึกไม่ถึง…”
หัวใจของซูหลีปวดแปลบ เขาต้องการแต่งงานกับนางมาโดยตลอด ย่อมต้องหาทางแก้พิษยาไร้รักในร่างกายนางอยู่แล้ว และหากนางอยากแต่งงานกับเขาจริงๆ ถึงแม้เขาจะถูกพิษก็ย่อมมีทางแก้ไข น่าเสียดาย ความจริงใจของชายหนุ่มกลับไม่ได้รับการตอบรับจากหญิงสาว วันแต่งงานกลับเป็นวันที่นางจะไปจากที่นี่! หยางเซียวเสียสละทุกอย่าง แต่สิ่งที่ตอบแทนกลับมากลับเป็นจุดจบที่ต้องตาย!
สายตาของหยางเซียวไหวระริกเล็กน้อย เขาแย้มยิ้ม แล้วกล่าวว่า “เจ้าวางใจ ข้าไม่ตายหรอก พิษวิเศษมากมายใต้หล้านี้ล้วนอยู่ในแคว้นเปี้ยนของเรา ข้าไม่เชื่อว่าข้าจะหายาแก้พิษไม่ได้! เจ้ารีบไปเถิด สิ่งนี้…เจ้าเอาไปเถิด!”
เขายัดขวดหยกขาวใส่มือนาง ซูหลีมองรอยยิ้มที่เขาแสร้งทำเป็นผ่อนคลาย หัวใจเจ็บจี๊ดอย่างบอกไม่ถูก “หยางเซียว…”
เขาทำเพื่อนางถึงขนาดนี้ นางจะทิ้งเขาไปโดยไม่สนใจไยดีได้เช่นไร?
จู่ๆ ซูหลีก็สงบจิตใจ แล้วค่อยๆ เดินไปที่ขอบเตียง มองหน้าเขาอย่างหนักแน่น “หยางเซียว ข้าไม่มีทางทิ้งท่านไปอย่างไม่ไยดี” พวกเขารู้จักกันมาหลายเดือน ผ่านความเป็นความตายด้วยกันมานับครั้งไม่ถ้วน สำหรับนาง เขาไม่ใช่แค่องค์ชายต่างแคว้นที่ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับนางเช่นในตอนแรกอีกแล้ว! เขาเป็นครอบครัวของนาง เป็นคนที่นางไม่อาจขาดได้อีกต่อไป!
นัยน์ตาของหยางเซียวเป็นประกาย คล้ายดีใจสุดแสน แต่กลับไม่อาจมั่นใจ จึงกล่าวด้วยความกระวนกระวาย “เจ้า…”
“พิษในร่างกายของท่าน ข้าจะช่วยท่านแก้ แต่ท่านต้องรับปากข้า ว่าจะปล่อยให้ข้าจากไป”
น้ำเสียงสงบนิ่งของซูหลีเหมือนดั่งน้ำเย็นที่สาดลงมาบนหัว รัศมีเจิดจรัสในดวงตาของหยางเซียวพลันดับมอดไปทันที สีหน้าของเขาเปลี่ยนผันไปมา นึกไม่ถึงแม้แต่น้อยว่านางยอมสละความบริสุทธิ์ของตนเองเพื่อช่วยชีวิตเขา แต่กลับยังคงไม่ยอมรั้งอยู่ข้างกายเขา!
ลมหายใจของเขาสะดุด มองหน้านางอย่างไม่อยากเชื่อ เขามองดูนางค่อยๆ ปลดมุ้งลง ถอดเสื้อตัวนอก และตัวกลางออกช้าๆ …
“เจ้า…คิดดีแล้วหรือ?” ลมหายใจของเขาตึงเครียด น้ำเสียงแหบพร่าเล็กน้อย
ซูหลีไม่พูดอะไร เพียงโน้มกายลงมาเล็กน้อย แล้วถอดชุดมงคลสีแดงของเขาออก การเคลื่อนไหวอันไร้เสียงได้บ่งบอกทุกอย่างชัดเจนแล้ว
ด้านในมุ้ง แสงสลัวเลือนราง เรือนร่างของนางแม้บอบบาง แต่กลับโค้งเว้าได้รูป อยู่ห่างเพียงเอื้อม ดูเย้ายวนอย่างถึงที่สุด นี่คืออาหลี สตรีที่เขาเฝ้าฝันถึงทุกคืนวัน และอยากจับมือกับนางไปจนแก่เฒ่า!
สีหน้าของหยางเซียวสับสนปรวนแปร หัวใจปั่นป่วนยากจะสงบ แววลังเลพาดผ่านดวงตาแวบหนึ่ง แต่สุดท้ายเขาก็รวบรวมความกล้า คว้านางเข้ามากอด แล้วพลิกกายขึ้นคร่อม ในเมื่อข้าไม่ได้ใจเจ้า เพียงได้กายเจ้ามา ชาตินี้ก็ถือว่าไม่เสียเปล่าแล้ว!
ถึงแม้จะตัดสินใจแน่วแน่แล้ว แต่ซูหลีนึกไม่ถึงว่าเขาจะดุดันและเร่งรีบถึงเพียงนี้ นางสะดุ้งตกใจ แต่กลับค่อยๆ หลับตา รอให้ทุกอย่างเกิดขึ้น
ท่ามกลางแสงมืดมัว ดวงตาของเขามีประกายเจิดจ้าแฝงอยู่ ลึกๆ ในใจไม่อยากยอมรับ เขาไม่เชื่อว่าผ่านเรื่องราวมาด้วยกันมากมายถึงเพียงนั้น ในใจนางจะไม่มีเขาอยู่เลยแม้แต่น้อย!
วินาทีต่อมา จูบของเขาก็ประทับลงมา ทั้งอุ่นร้อนและอ่อนโยน ประกบลงบนกลีบปากนางเบาๆ
ร่างกายของซูหลีสั่นเทาอย่างไม่อาจควบคุม แต่ก็พยายามข่มกลั้นเอาไว้ คล้ายสัมผัสได้ถึงการต่อต้านในใจของนาง การเคลื่อนไหวของเขาจึงอ่อนโยนยิ่งกว่าเดิม กลัวว่าจะทำนางเจ็บ จูบของเขาไม่ได้ช่ำชอง กระทั่งอ่อนหัดขาดประสบการณ์
ปลายลิ้นของเขาตวัดเบาๆ ไล้ผ่านกลีบปากนางอย่างระมัดระวัง ก่อนจะค่อยๆ เพิ่มแรง เพื่อพยายามปลุกความเร่าร้อนที่ซ่อนอยู่ในกายนาง ทว่าสตรีที่อยู่ใต้กายเขาได้แต่ทนรับการกอบโกยจากเขา ไม่มีการตอบสนองที่แสดงถึงความปรารถนาแม้แต่น้อย ยิ่งไม่มีอาการที่เกิดจากยาไร้รักเลยสักนิด
หยางเซียวชะงักหยุด เห็นนางหลับตาสนิท ใบหน้าสงบนิ่งเยือกเย็น แสงสลัวสาดส่องใบหน้านาง ราวกับอาบไล้ไปด้วยรัศมีแสงอันบริสุทธิ์ผุดผ่อง
ไม่มีสตรีนางใดที่เมื่ออยู่ใต้ร่างของบุรุษที่นางชอบ แล้วจะสงบนิ่งเหมือนไร้ซึ่งลมหายใจได้เช่นนี้!
นางไม่รักเขา! นางไม่รักเขาจริงๆ!
เขาหอบหายใจถี่กระชั้น ไฟปรารถนาในร่างกายยังไม่ดับมอดจนสิ้น ดวงตากลับสะท้อนความสิ้นหวังเหมือนขี้เถ้าที่ดับมอดไปแล้ว เขาพลิกกายลงจากตัวนาง นั่งตรงขอบเตียง พยายามสงบอารมณ์ตนเอง
ซูหลีลืมตา ถามด้วยความสงสัย “ท่าน…เป็นอะไรไปหรือ?”
เนิ่นนาน หยางเซียวจึงค่อยหันหน้ากลับมา มองหน้านาง แล้วจู่ๆ ก็ยิ้มพลางกล่าวว่า “ข้าโกหกเจ้า”
ซูหลีคล้ายตระหนักได้ทันที สายตาแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาจนน่ากลัว นางจ้องหน้าเขานิ่ง แล้วถามด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “ท่านว่าอย่างไรนะ?”
หยางเซียวมองช่อดอกไม้ผ้าสีแดงขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านหน้าหน้าต่าง สีแดงสดใสที่ใช้ในการฉลองพิธีมงคลเช่นนั้น กลับบาดตาเขายิ่งนัก “ข้ารู้แต่แรกแล้วว่าเจ้าจะไป คิดมาโดยตลอดว่าจะทำอย่างไรให้เจ้าอยู่”
ซูหลีตะลึงงัน รู้สึกเหมือนคนโง่ที่ถูกปั่นหัว
“ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว ไม่ว่าข้าจะทำอะไร ก็ไม่อาจรั้งเจ้าไว้ได้ หัวใจของเจ้า ไม่เคยอยู่ที่นี่แต่แรกแล้ว” เขามองนาง นัยน์ตาดำขลับ กลีบปากแดงสด รอยยิ้มเต็มไปด้วยแววจนใจและเย้ยหยันตนเอง
ซูหลีจ้องมองกลีบปากที่แดงจนผิดปกติของเขาไม่วางตา พลันนึกได้ว่าเมื่อครู่ชีพจรของเขาแปรปรวน จึงถามด้วยความสงสัย “ท่านถูกพิษแล้วจริงๆ!”
เขายกปลายนิ้วไล้ผ่านกลีบปากตนเอง หยางเซียวคลี่ยิ้ม แล้วกล่าวว่า “ข้าถูกพิษจริงๆ แต่ไม่ได้เป็นอะไรมาก และไม่จำเป็นต้องแก้พิษด้วยวิธีนี้ด้วย”
“ท่าน!” ซูหลีเดือดดาล เมื่อครู่นางเกือบได้เสียเป็นสามีภรรยากับเขาแล้ว คิดได้เช่นนั้นก็อยากจะเข้าไปตีเขาเสียให้ตาย นางกล่าวเสียงเกรี้ยว “หยางเซียว ท่านกล้าโกหกข้า?!”
หยางเซียวกลับเป็นฝ่ายขยับเข้ามาหานางก่อน ถึงแม้เขากำลังยิ้ม แต่กลับไม่อาจปกปิดความโดดเดี่ยวที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกของดวงตาไว้ได้ “ข้าโกหกเจ้า เพียงเพราะข้าอยากให้เจ้าอยู่กับข้าเหลือเกิน ข้านึกว่าด้วยนิสัยของเจ้า จะต้องไม่มีทางทนมองข้าตายได้แน่ หากเจ้ายอมเอากายเข้าแลก ภายหน้าก็จะกลายเป็นฮองเฮาของข้า และอยู่ข้างกายข้าตลอดไป เพียงแต่ข้านึกไม่ถึง…เจ้ามอบกายให้ข้าได้ หัวใจกลับไม่ใช่ของข้า”
ซูหลีกัดฟัน แต่กลับพูดอะไรไม่ออก
หยางเซียวถอนหายใจ “ที่แท้เขาก็ได้หยั่งรากในใจเจ้าลึกถึงเพียงนี้แล้ว!”
“ท่านจะไปรู้อะไร!” ซูหลีกล่าวอย่างไม่พอใจ “ข้ากินยาไร้รักก็เพื่อควบคุมการปะทะกันของกำลังภายในในร่างกายข้า ยามนี้กำลังภายในทั้งสองขุมรวมเป็นหนึ่งได้สำเร็จ จะแก้พิษได้หรือไม่ ข้าไม่ใส่ใจอยู่แล้ว ท่านนั่นแหละที่สำคัญตัวผิดนึกคิดเอาเอง จะปรุงยาแก้พิษให้ได้ ท่านถูกพิษใดกันแน่? รีบบอกมาเดี๋ยวนี้!”
หยางเซียวหัวเราะเล็กน้อย รีบกุมมือนางแล้วกล่าวว่า “อาหลี เจ้ายังคงเป็นห่วงข้าอยู่อีก!” ครั้นเห็นใบหน้านางเคร่งขรึม เขาก็รีบกล่าวว่า “ข้าไม่เป็นไรจริงๆ เป็นเพียงพิษธรรมดาเท่านั้น อีกเดี๋ยวกินยาก็หายแล้ว!”
ซูหลีกึ่งเชื่อกึ่งสงสัย “จริงหรือ?”
“แน่นอน” เขารีบชูมือทั้งสองข้างขึ้น สายตาจริงจังอย่างถึงที่สุด “ข้าไม่มีทางโกหกเจ้าอีกแน่นอน”
ซูหลีถอนหายใจ เห็นเขานั่งอยู่ตรงขอบเตียง ส่วนตนเองเสื้อผ้าหลุดลุ่ย ก็รีบซัดฝ่ามือผลักเขาลงจากเตียง หยางเซียวลั่นร้องด้วยความเจ็บ “โอ๊ย ข้าอุตส่าห์ช่วยเจ้าปรุงยาแก้พิษด้วยความหวังดี เจ้ากลับตอบแทนข้าเช่นนี้หรือ?”
ซูหลีจัดแจงเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ก้าวลงจากเตียง จ้องเขาแล้วกล่าวอย่างไม่พอใจ “สมควรแล้ว ใครใช้ให้ท่านโกหกข้ากัน?” ครั้นเห็นสีหน้าของเขายังคงไม่ค่อยสู้ดีนัก ก็ทนดูเฉยๆ ไม่ไหว จึงเข้าไปประคองเขา “เป็นอย่างไรบ้าง? ยาอยู่ที่ใด รีบกินเข้าเถิด”
………………………..