กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ - บทที่ 474 ฮ่องเต้หญิง พวกเราแต่งงานกันเถิด (10)
อีกฝ่ายมีราศีน่าเกรงขาม โม่อี้ฝานกลืนน้ำลายโดยสัญชาตญาณ ผงะถอยหลังไปหลายก้าว แต่กลับไม่ยอมแพ้
“อี้หนง…ยอมรับถั่วแห่งความรักจากข้าแล้ว แม้แต่…แม้แต่ท่านพ่อของนางก็ไม่อาจคัดค้านไม่ให้เราอยู่ด้วยกันได้…ท่าน การหมั้นหมายของพวกท่าน ถือ ถือว่าเป็นอันล้มเลิก”
เขากล่าวเสียงขาดๆ หายๆ หอบหายใจสุดชีวิต ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
ตงฟางเจ๋อแค่นหัวเราะ “เจ้าปล่อยให้นางรอนานถึงเพียงนี้ เดาว่าคงไม่ได้สนใจนางเท่าใดนัก ข้าจะพานางกลับไปเป็นภรรยา เผื่อไม่มีใครเอานาง ถือเป็นเรื่องดีแก่นาง”
โม่อี้ฝานโต้แย้งทันควัน “ใครบอกว่าข้าไม่สนใจนาง?!”
ตงฟางเจ๋อไล่บี้ไม่หยุด “ในเมื่อสนใจ เหตุใดถึงเพิ่งมาเอาป่านนี้?”
โม่อี้ฝานรุ่มร้อนใจจนดวงตาแดงก่ำ “ท่านแม่ของข้าไม่เห็นด้วย ไม่เห็นด้วยที่ข้าจะต้องแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิง…”
ตงฟางเจ๋อตะลึงงัน หันไปมองอี้หนง
อี้หนงก้มหน้า “พี่ชายโม่ หากท่านลำบากใจ…”
“ไม่ ข้าคิดดีแล้ว” สายตาที่โม่อี้ฝานมองอี้หนงเต็มไปด้วยความอาลัยอาวรณ์และความทุกข์ตรม “นอกจากเจ้าแล้ว ข้าไม่อยากสู่ขอหญิงใดอีก ข้าพยายามหนีใจตนเองมาหลายปี และทำให้เจ้าเสียเวลามาหลายปี ข้าไม่อาจทำตัวใช้ไม่ได้อย่างนี้อีกต่อไป มิเช่นนั้นคงจะเสียใจไปทั้งชีวิต”
อี้หนงยกมือปิดปาก น้ำตาหลั่งรินอย่างไม่อาจควบคุม
ดวงตาของโม่อี้ฝานรื้นไปด้วยน้ำตา เขาสูดหายใจลึกๆ กุมมืออี้หนง “รับปากข้า อย่าแต่งงานไปอยู่แคว้นเฉิงเลย…”
อี้หนงสะอื้นจนพูดไม่เป็นคำ แต่กลับหยิบดอกซิ่วฉิวออกมาจากข้างหลังแล้วยื่นให้เขา โม่อี้ฝานรับดอกซิ่วฉิวไป น้ำตาไหลรินด้วยความยินดี
ตงฟางเจ๋อกล่าว “พวกเจ้าตกลงปลงใจกันเองเช่นนี้ จะอธิบายกับบิดามารดาของพวกเจ้าอย่างไร?”
โม่อี้ฝานชูดอกซิ่วฉิวขึ้นมา แล้วกล่าวด้วยความปลื้มปีติอย่างปิดไม่มิด “ข้าได้รับดอกซิ่วฉิวจากอี้หนงแล้ว ถึงแม้ฮ่องเต้จะประทับอยู่ที่ตรงนี้ ก็ไม่อาจคัดค้านได้”
เซิ่งฉินยิ้มพลางกล่าวว่า “ประเพณีของแคว้นติ้งช่างเปิดกว้างยิ่งนัก ทำให้คู่รักสมหวังกันหลายคู่”
โม่อี้ฝานหันไปมองตงฟางเจ๋อ “คุณชายเชิญกลับไปเถิด…อี้หนงยอมรับข้าแล้ว นางเป็นเมียข้าได้คนเดียวเท่านั้น”
“ท่านช่างโง่เขลายิ่งนัก…” อี้หนงกล่าวเสียงปนสะอื้น ความยินดีและความซาบซึ้งในใจทำให้หัวเราะออกมา เช็ดคราบน้ำตาแรงๆ แล้วกล่าวว่า “ข้าไม่รู้จักคุณชายท่านนี้เสียหน่อย”
“อะไรนะ?” โม่อี้ฝานตะลึงงัน เขามองตงฟางเจ๋อ แล้วหันไปมองหน้าอี้หนง ยามนี้คล้ายจะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว ทำหน้าเหมือนจะหัวเราะก็ไม่ได้ จะร้องไห้ก็ไม่ใช่
ตงฟางเจ๋อแย้มยิ้มเล็กน้อย “โชคดีที่ท่านได้สติทันเวลา ไม่ได้ปล่อยให้ความรักหลุดมือไป มิเช่นนั้นคงต้องเสียใจไปตลอดชีวิตแล้วจริงๆ”
โม่อี้ฝานพยักหน้าหลายครั้ง “คุณชายกล่าวถูกต้อง! ขอบคุณคุณชายที่เตือนสติ! อี้ฝานซาบซึ้งไม่มีที่สิ้นสุด! ภายหน้าหากคุณชายมีเรื่องใดให้ช่วย โปรดบอกอี้ฝาน อี้ฝานไม่มีทางบ่ายเบี่ยงแน่นอน!”
สายตาของตงฟางเจ๋อไหวระริก ยิ้มแล้วกล่าวว่า “ท่านพูดจริงหรือ?”
“ไม่โป้ปดแน่นอน!”
“ดี! ข้าต้องการถั่วแดงในมือเจ้าหนึ่งเม็ด”
โม่อี้ฝานตะลึงงัน อี้หนงกลับถอดสร้อยข้อมือแล้วหยิบถั่วแดงหนึ่งเม็ดออกมาอย่างระมัดระวัง นางยื่นให้พร้อมใบหน้าเกลื่อนรอยยิ้ม “ขอให้คุณชายสมปรารถนา ได้ใจนางในฝันมาครอง”
ตงฟางเจ๋อรับถั่วแดงเม็ดนั้นมา รอยยิ้มมั่นใจผุดขึ้นบนกลีบปาก
เขาเดินออกจากร้านขายเสื้อผ้า ดวงอาทิตย์ลอยเด่นกลางหัว แสงตะวันเจิดจ้ากำลังดี
หยางเซียวยืนอยู่กลางถนน มองดูเขาแล้วยิ้ม “ได้มาแล้วหรือ?”
ตงฟางเจ๋อแค่นหัวเราะ
“ข้ายอมรับ ท่านมีความสามารถจริงๆ สมแล้วที่เป็นประมุขแห่งแคว้นเฉิง” หยางเซียวสาวเท้ามายืนตรงหน้าเขาอย่างแช่มช้า รอยยิ้มยังคงไม่จางไป “แต่ว่านะ…ข้ารับประกันได้เลย อาหลีน้อยไม่มีวันได้เห็นของที่อยู่ในมือท่านแน่นอน”
เอ่ยจบ เขาก็พลันคว้ามาที่แขนตงฟางเจ๋อด้วยความเร็วดั่งพายุ
สายตาของตงฟางเจ๋อไหวระริก ถอยหลังไปสามก้าว หลบเลี่ยงการจู่โจมอันกะทันหันของเขา
เซิ่งฉินตะโกนด้วยความร้อนใจ “ท่านเป็นถึงฮ่องเต้ แต่กลับ…คิดจะแย่งชิงของ?!”
หยางเซียวหัวเราะเสียงดัง “ข้าไม่ใช่นายท่านของเจ้า ที่ยึดมั่นในหลักการ ข้าอยากแย่งก็จะแย่ง เจ้าจะทำอะไรข้าได้?”
ยังเอ่ยไม่ทันจบประโยค องครักษ์กลุ่มหนึ่งก็พลันปรากฏขึ้นที่ข้างหลังเขา หยางเซียวโบกมือ ตะโกนสั่งเสียงดัง “จัดการเสีย ข้าต้องการของในมือเขา ผู้ใดแย่งมาได้ ข้าจะตบรางวัลให้อย่างงาม!”
เซิ่งฉินหน้าเปลี่ยนสี รีบชักดาบออกมา และเข้าไปยืนขวางตรงหน้าตงฟางเจ๋อทันที
หยางเซียวตะโกนเสียงดัง “โอ้ หัวหน้าองครักษ์แคว้นเฉิงชักดาบแล้ว น่ากลัวจริงๆ ทหาร อย่าได้ออมมือเด็ดขาด โจมตีเต็มที่!”
องครักษ์อีกหนึ่งกลุ่มพลันปรากฏตัว แล้ววิ่งเข้ามาสมทบ เซิ่งฉินตะโกนด้วยความตกใจ “บังอาจ พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่านายท่านของข้าเป็นใคร?!”
เหล่าองครักษ์ชะงักไปทันที ท่าทางลังเล หยางเซียวตะโกนเสียงดัง “เขาจะเป็นใครก็ช่างปะไร! อย่าลืมว่าองค์รัชทายาทของพวกเจ้าเคยบอกไว้ว่าอย่างไร!”
ครั้นได้ยินประโยคนี้ เหล่าองครักษ์ก็พุ่งเข้ามาทันที เซิ่งฉินกวัดแกว่งเพลงดาบ ซัดองครักษ์สองคนออกไป แต่ข้างหลังกลับมีองครักษ์พุ่งเข้ามามากมาย อาศัยแค่เขาคนเดียว ยากจะรับประกันได้ว่าพวกเขาจะเข้าใกล้ตงฟางเจ๋อไม่ได้ เซิ่งฉินบันดาลโทสะ รวบรวมชี่แท้ไว้ที่ปลายดาบ ตวัดดาบออกไป เสียงกรีดร้องดังระงม เลือดสีแดงสดสาดกระเซ็นไปทั่วทิศ!
ตงฟางเจ๋อตวาดเสียงเข้ม “หยุดเดี๋ยวนี้!”
เซิ่งฉินดวงตาแดงก่ำ ตะโกนเสียงดัง “นายท่าน ท่านไปจากที่นี่ก่อนเลยขอรับ!”
ตงฟางเจ๋อผลักเขาออกเบาๆ จ้องหน้าตัวการของเรื่องที่กำลังยิ้มอย่างย่ามใจ แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หยางเซียว ท่านอยากได้ของในมือข้า ไม่ยาก”
หยางเซียวตะลึงงันเล็กน้อย ก่อนจะคลี่ยิ้มแล้วกล่าวว่า “ดีมาก ท่านเองก็คงไม่อยากทำลายความสงบสุข และทำให้อาหลีลำบากใจกระมัง”
ตงฟางเจ๋อยื่นมือออกมา กลางฝ่ามือปรากฏเม็ดถั่วสีแดงสด แล้วจู่ๆ เขาก็กำมือแน่น เสียงเม็ดถั่วแตกละเอียดดังขึ้นเบาๆ หยางเซียวหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย
ตงฟางเจ๋อแบมือออกอีกครั้ง เม็ดถั่วแดงแตกออกเป็นสองชิ้น
หยางเซียวกล่าวเสียดสี “โอ้ ก็สมกับเป็นท่าน ไม่ได้มาครอบครอง ก็ไม่ยอมมอบให้ผู้อื่น”
ตงฟางเจ๋อจ้องหน้าเขาอย่างเย็นชา “ท่านพอใจแล้วหรือยัง?!”
หยางเซียวเบะปาก โบกมือไปมา “ก็ พอใจละนะ…พวกเจ้าถอยไปเถิด”
เหล่าองครักษ์แยกย้ายหายไปในพริบตาทันที บรรยากาศบนท้องถนนกลับมาคึกคักดังเดิมอีกครั้ง
หยางเซียวปรบมือ จ้องหน้าเขา กล่าวกลั้วเสียงหัวเราะ “ข้าไปก่อนละ! ข้าเตรียมถั่วแห่งความรักไว้หลายร้อยเส้น ให้อาหลีน้อยเลือกได้ตามใจ ไม่มีเวลาว่างมาเล่นกับท่านแล้ว!”
เซิ่งฉินมองตงฟางเจ๋อ กล่าวด้วยความร้อนใจ “นายท่าน ข้าน้อยรับมือองครักษ์พวกนั้นได้ เหตุใดท่านจึง…”
ตงฟางเจ๋อเอ่ยเสียงเย็นชา “ข้ารู้ว่าเจ้าคนเดียวรับมือได้เป็นสิบ แต่คนพวกนั้นเป็นคนของหลางฉ่าง หากมีคนบาดเจ็บล้มตาย จะให้ข้าอธิบายกับซูซูว่าเช่นไร?!”
เซิ่งฉินก้มหน้า กล่าวอย่างเจ็บใจ “พวกเขาทำตัวไร้เหตุผลก่อน อย่างมาก ข้าน้อยก็ไปขอรับโทษกับฮ่องเต้แคว้นติ้งเท่านั้น”
ตงฟางเจ๋อหันมองเขา “ข้ามาสู่ขอซูซู ไม่ได้มาเพื่อมีเรื่องเบาะแว้งกับใคร หากกระทำการวู่วาม ก็กลายเป็นเข้าทางคนบางคนพอดี!”
เซิ่งฉินพูดอะไรไม่ออก
ตงฟางเจ๋อถอนหายใจ “ไปกันเถิด”
“เช่นนั้นถั่วแห่งความรัก…”
ตงฟางเจ๋อก้มมองถั่วแดงที่แตกเป็นสองส่วนในมือตนเอง แล้วกล่าวอย่างครุ่นคิด “ความรัก ความรัก หากใจผูกพัน ก็ย่อมไม่ทำให้รักผิดหวัง เชื่อว่าซูซูจะเข้าใจข้า”
ณ วัดหลิงยินซึ่งตั้งอยู่ทางทิศใต้ของเมือง คู่ชายหญิงเดินทางมาสู่ขอกันไม่ขาดสาย ผู้ที่มีคนรักล้วนอยากให้เรื่องการแต่งงานในฝันของตนเองสมหวังต่อหน้าเทพเจ้า
………………………..