กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ - บทที่ 482 ตอนพิเศษตงฟางเจ๋อ : สูญเสียคนรักตลอดกาล (4)
หัวใจของตงฟางเจ๋อ พลันเจ็บปวดรวดร้าวอย่างไม่อาจควบคุม เขาสงบสติอารมณ์ครู่หนึ่ง แล้วกล่าวต่อว่า “เจ้าใช้ยาและหินก้อนนั้นล่อลวงข้า นึกว่าสติของข้าพร่าเลือน จึงได้ถามคำถามมากมาย อยากรู้ว่าจุดอ่อนของข้าอยู่ที่ใด”
หัวใจของหยางเสวียนหนักอึ้งกว่าเดิม คืนนั้นนางถามคำถามเขาไปไม่น้อยจริงๆ ยังนึกว่าตนเองจับจุดอ่อนเขาได้แล้ว มาคิดดูตอนนี้ทุกอย่างกลับเป็นแค่เรื่องโกหก! มิน่าเล่าพอกลับถึงจวน เขาใกล้ชิดกับนาง และค่อยๆ ห่างเหินกับซูหลี โดยไม่กลัวเสียงซุบซิบนินทาเลยแม้แต่น้อย ที่แท้ก็กำลังสร้างภาพลวง ดึงดูดความสนใจของนาง ทำให้นางเข้าใจผิดว่าความรักที่เขามีต่อซูหลี อยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์เท่านั้น! และในวันพิธีแต่งตั้ง เขาขังซูหลีไว้ในสวนต้องห้ามของวังบูรพาอย่างไร้ความปรานี สั่งให้เซิ่งฉินจับตาดูอย่างเข้มงวด ที่แท้ก็เพราะกลัวว่าหากสถานการณ์ในวันพิธีไม่อาจควบคุม จะทำให้นางได้รับบาดเจ็บได้!
“กระทั่งเช้าวันต่อมา จั้นอู๋จี๋นำคนมาตามหา ข้าก็มั่นใจแล้วว่าเจ้ากับเขาจะต้องเกี่ยวข้องกันอย่างแน่นอน เจ้ามาแคว้นเฉิง ภายนอกดูเหมือนมาเพื่อแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ แท้จริงแล้วมีเจตนาชั่วแอบแฝง! เพียงแต่หาโอกาสลงมือไม่ได้เท่านั้น เจ้าบังเอิญพบกับจั้นอู๋จี๋ จึงร่วมมือกับเขาวางแผนซ้อนแผนขึ้นมา
ค่ำคืนนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของแผนการนี้ ปล่อยข่าวลือในจวนเพื่อพยายามสั่นคลอนความสัมพันธ์ของข้ากับซูหลี แต่กลับไม่สำเร็จ ต่อมาเจ้าจึงพยายามบอกใบ้ต่อหน้าเสด็จพ่อ ว่าเด็กในท้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับข้า อยู่ด้วยกันตามลำพังในคืนหิมะตก ซ้ำยังมีพยานรู้เห็น ต่อหน้าธารกำนัลข้าย่อมไม่อาจเปิดโปง! หลังได้รับพระราชทานงานอภิเษกสมรส ข้ายังไม่ทันได้อธิบายให้ซูซูเข้าใจ กลับจวนเหลียนเอ๋อร์กลับค้นเจอของของสำนักเฉินเหมิน! พวกเจ้าวางแผนแต่ละขั้นตอนได้อย่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก!”
เขาพูดเหยียดยาวมาจนถึงตรงนี้ แล้วจู่ๆ ก็หยุด สองมือกำหมัดแน่น วินาทีที่เปิดกล่องไม้ของเฉินเหมิน สมองของเขาขาวโพลนไปหมด ไม่ว่าอย่างไรเขาก็นึกไม่ถึงว่าเจ้าสำนักเฉินเหมินคนใหม่กลับเป็นซูหลี! ส่วนนางก็เกลียดเขาเพราะเรื่องศิลาเลือดนกเพลิง แต่ก็ไม่เคยอธิบายอะไรเช่นกัน รายละเอียดที่นางจงใจหลีกเลี่ยงยามพูดคุยกันในอดีต ยิ่งทำให้เขาเกิดความสงสัย และคิดฟุ้งซ่านไปไกล จนทำให้สติสัมปชัญญะเลอะเลือน ฉะนั้นจึงเริ่มสงสัยในตัวนาง เฉยชาต่อนาง จนเป็นเหตุให้หัวใจทั้งสองดวงค่อยๆ ห่างเหิน กระทั่งไม่อาจหวนคืนในที่สุด!
“เป็นเรื่องเล่าที่น่าสนใจทีเดียว” สายตาของหยางเสวียนไหวระริก ยามนี้นางใจเย็นขึ้นมาก นางยังคงกล่าวด้วยน้ำเสียงแช่มช้า “หากอยากลงโทษผู้ใด ก็ย่อมหาเหตุผลได้เสมอ ได้! ถึงแม้เรื่องที่พระองค์พูดจะเป็นเรื่องจริง เช่นนั้นหลักฐานเล่า? โทษหนักหนาถึงเพียงนี้คงไม่กล่าวหาเจาหวาลอยๆ โดยไม่มีหลักฐานกระมัง? พระองค์อย่าได้ลืม เจาหวาฐานะสูงส่ง ร้ายดีอย่างไรก็เป็นถึงองค์หญิงแห่งแคว้นเปี้ยน จะปล่อยให้พระองค์ป้ายสีง่ายๆ ได้เช่นไรกัน!” ครั้นกล่าวถึงประโยคสุดท้าย นางก็เชิดคางขึ้น วาจาแฝงแววข่มขู่
“มีหลักฐานหรือไม่ อีกไม่นานเจ้าก็รู้เอง!” ไอสังหารพาดผ่านดวงตาตงฟางเจ๋อ เขาไม่เสียเวลาพูดคุยกับนางอีก เพียงตะโกนออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด “ทหาร!”
สีหน้าท่าทางอันหนักแน่นของเขา ทำให้เจาหวาใจสั่น ไม่นาน เซิ่งเซียวกับเซิ่งจินก็จับตัวหญิงนางหนึ่งเข้ามา หญิงนางนั้นผมเผ้ายุ่งเหยิง ดูอ่อนแรงไปทั้งตัว บนชุดนักโทษมีรอยกระดำกระด่างของคราบเลือด เสียงโอดครวญด้วยความเจ็บปวดดังออกจากปากไม่ขาดสาย เห็นได้ชัดว่าผ่านการถูกทรมานมา!
“ชิงหลวน?!”
ครั้นได้ยินเสียงขานเรียกของหยางเสวียน สายตาพร่าเลือนของหญิงนางนั้นก็พลันกระจ่างชัดขึ้นหลายส่วน สีหน้าเต็มไปด้วยความละอายใจ นางรีบก้มหน้าต่ำกว่าเดิม ราวกับกำลังหนีบางสิ่งบางอย่าง
เกิดอะไรขึ้น? เหตุใดจึงมีชิงหลวนสองคน? หยางเสวียนตะลึงงัน ชิงหลวนคนที่ยืนเงียบๆ อยู่ด้านหนึ่งของห้อง สีหน้าเรียบเฉย ก้มหน้าไม่พูดไม่จา กลับดูไม่ประหลาดใจต่อสถานการณ์ในยามนี้แม้แต่น้อย
หยางเสวียนอึ้งไปครู่หนึ่ง ไม่นานก็ตระหนักได้ ชิงหลวนที่ยืนอยู่ข้างกายนางในตอนนี้เป็นตัวปลอม? มิน่าเล่าตงฟางเจ๋อถึงได้มั่นอกมั่นใจถึงเพียงนี้! เขาเปลี่ยนตัวชิงหลวนไปตั้งแต่เมื่อใด นางกลับไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย! นางถมึงตาจ้องหน้าเขาด้วยความตื่นตะลึง ลำคอแห้งเหือดจนพูดไม่ออก
ชิงหลวนเป็นสาวรับใช้ประจำกายนาง นอกจากนี้นางยังเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่เก่งกาจที่สุดในการเดินทางมาทำภารกิจที่แคว้นเฉิงในครั้งนี้ด้วย ทั้งการติดต่อกลับแคว้นเปี้ยน กระทั่งความสัมพันธ์ลับของนางกับจั้นอู๋จี๋ ชิงหลวนรู้หมดทุกเรื่อง!
เซิ่งเซียวหยิบจดหมายกองหนึ่งออกจากอกเสื้อ แล้วนำมามอบให้ตงฟางเจ๋อ “จากคำให้การของชิงหลวน นี่คือหลักฐานที่องค์หญิงเจาหวากับจั้นอู๋จี๋สมคบคิดกัน ฝ่าบาทโปรดทอดพระเนตรด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
ซองจดหมายสีฟ้าอ่อน เป็นสีที่แม้ยามหลับฝันนางก็ไม่มีทางจำผิด! หัวใจของหยางเสวียนแทบหยุดเต้น นางยืนตัวแข็งอยู่ที่เดิม ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่มีทางคาดคิด ว่าคนที่หักหลังนางกลับเป็นสาวรับใช้คนสนิทที่นางไว้วางใจที่สุด!
ใบหน้าตงฟางเจ๋อเรียบเฉยไร้อารมณ์ หยิบจดหมายมาเปิดอ่านทีละซองๆ พลางเงยหน้ามองนางเป็นระยะ ใบหน้างามของหยางเสวียนค่อยๆ ซีดเผือด รู้สึกเพียงสายตาคมปลาบของเขากำลังมองทะลุหน้ากากของนางเข้ามาทีละชั้นๆ จนถึงส่วนลึกที่สุดในใจนาง
นางไม่ต้องอ่าน ก็รู้แล้วว่าในนั้นเขียนอะไรไว้บ้าง! นางกับจั้นอู๋จี๋กำลังตกอยู่ในห้วงภวังค์แห่งความรัก เพื่อปิดบังสายตาผู้คนจึงไม่อาจพบหน้ากันบ่อยๆ ทำได้เพียงแอบส่งจดหมายให้กันลับๆ จดหมายทุกฉบับ เมื่อพูดเรื่องงานจบ ท้ายจดหมายย่อมไม่อาจขาดวาจาหวานหยดย้อยเพื่อพลอดรักซึ่งกันและกันไปได้
มีจดหมายทั้งหมดสิบแปดฉบับ เป็นจดหมายทั้งหมดที่จั้นอู๋จี๋เคยเขียนให้นางตั้งแต่เริ่มรักกันมา เขาเคยเตือนนางว่าเมื่ออ่านจบให้ทำลายทิ้งเสีย เพื่อเลี่ยงไม่ให้เกิดปัญหาตามมา แต่ความรักที่ไม่อาจเปิดเผยได้นี้ เป็นความอบอุ่นในต่างแดนเพียงหนึ่งเดียวที่นางมี นางหวงแหนมันถึงเพียงนั้น จะทำใจทำลายจดหมายทิ้งได้อย่างไร! ฉะนั้นจึงได้สั่งให้ชิงหลวนซ่อนจดหมายไว้ให้ดี กลับนึกไม่ถึง สิ่งของที่นางหวงแหนที่สุด วันนี้กลับกลายเป็นดาบที่พาดคอนางเสียแล้ว!
หลังจากกวาดตาอ่านจดหมายสิบแปดฉบับเร็วๆ มุมปากของตงฟางเจ๋อกระดกขึ้น เผยให้เห็นรอยยิ้มเย็นชาไร้ความอบอุ่น “ดีมาก ตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่มีช่องโหว่เลยแม้แต่น้อย”
ดีมากจริงๆ ทุกถ้อยคำในจดหมายเหล่านี้ ไม่เพียงสามารถพิสูจน์ได้ว่านางกับจั้นอู๋จี๋เป็นผู้สมคบคิดกัน แม้แต่จุดประสงค์ที่แท้จริงที่ฮ่องเต้แคว้นเปี้ยนส่งตัวหยางเสวียนมาที่นี่ ก็ถูกกล่าวถึงในนี้ด้วย
ชิงหลวนก้มหน้า แต่กลับหนีไม่พ้นสายตาผิดหวังอย่างสุดซึ้งของหยางเสวียน นางอดไม่ได้ที่จะร่ำไห้ด้วยความละอายใจ “องค์หญิง อย่าตำหนิบ่าวเลยนะเจ้าคะ บ่าวกินยาพิษฆ่าตัวตายไม่สำเร็จ สุดท้ายก็ทนรับการทรมานไม่ไหว จึงได้…จึงได้ยอมสารภาพ!”
หยางเสวียนถมึงตาจ้องชิงหลวน อธิบายไม่ถูกว่ายามนี้รู้สึกเช่นไร เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วโทษนางไปจะได้อะไรขึ้นมา?! นางเพียงนึกเสียใจที่ตนเองทำพลาดไป ไม่ยอมฟังคำจั้นอู๋จี๋ที่บอกให้ทำลายจดหมายทิ้งเสีย!
“ยามนี้มีพร้อมทั้งพยานหลักฐาน เจ้ายังมีอะไรจะพูดอีกหรือไม่?”
หยางเสวียนตวัดสายตาจ้องหน้าเขา แล้วยิ้มอย่างดูแคลน “ตงฟางเจ๋อ ที่แท้ท่านก็ไม่ได้มีวิธีที่สูงส่งแต่อย่างใด ทำได้เพียงทรมานสตรีอ่อนแอไม่มีทางสู้ให้ยอมสารภาพ”
“ใช้วิธีการเช่นไรไม่สำคัญ สำคัญที่ผลลัพธ์! มิสู้เป็นห่วงจุดจบของเจ้าว่าจะเลวร้ายกว่านางหรือไม่จะดีกว่า!” สายตาที่เขามองนาง ราวกับกำลังมองคนที่ตายไปแล้วคนหนึ่ง
“ฮ่าๆ!” หยางเสวียนอดหัวเราะเสียงดังไม่ได้ เสียงหัวเราะของนางเยือกเย็นมาก เต็มไปด้วยแววเหยียดหยันดูแคลน นางหัวเราะครู่หนึ่งแล้วจู่ๆ ก็หยุดไป แขนเรียวบางสะบัดกลางอากาศอย่างรวดเร็ว ควันจางๆ กลุ่มหนึ่งพลันลอยออกมาจากแขนเสื้อกว้างของนาง!
“ยาพิษ! องค์รัชทายาทระวังพ่ะย่ะค่ะ!” เซิ่งจินและเซิ่งเซียวตะโกนด้วยความตกใจ จากนั้นก็รีบกลั้นหายใจพุ่งตัวเข้ามาทันที
ตงฟางเจ๋อปิดจมูก รีบถอยไปนอกประตู
แม้ต้องสู้หนึ่งต่อสอง หยางเสวียนก็ไร้ซึ่งความเกรงกลัว นางพาร่างกายลอยขึ้นกลางอากาศ พลิ้วไหวเหมือนนกบินฝ่าฝูงเมฆ หลบหลีกการโจมตี ยามทิ้งตัวลงพื้นก็เอื้อมมือกระชากมุ้งลงมาด้วย แขนบางหมุนคว้างด้วยความเร็ว เศษผ้านิ่มๆ ถูกถ่ายเทกำลังภายในเข้าไป กลายเป็นแส้เส้นหนาในชั่วพริบตา!
…………………………..