กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ - บทที่ 86 ตรวจพบชีพจรตั้งครรภ์อีกแล้ว? (1)
นางเป็นเพียงสตรีร่างบาง กลับมีน้ำใจกว้างขวาง วาจาซื่อตรง หนักแน่นน่าเชื่อถือ นัยน์ตาแจ่มชัดเด็ดเดี่ยว มองไม่เห็นความทะเยอทะยานแม้แต่น้อย ชั่วขณะหนึ่ง กลุ่มคนพลันนึกเลื่อมใสสตรีตรงหน้า
“ศิษย์ขอคารวะท่านเจ้าสำนัก!” หวั่นซินเห็นจังหวะเหมาะสม จึงรีบกล่าวเสียงดัง ลดเข่าข้างหนึ่งลงคุกเข่า ยกมือประสานคารวะก่อนใคร
บุรุษหน้ากากสีทองสัมฤทธิ์รีบกระทำตามอย่างไม่รีรอ คนอื่นๆ หลังจากมองหน้ากันครู่หนึ่ง ก็คุกเข่าคารวะตามกัน
ซูหลีลอบถอนหายใจ เอ่ยเสียงจริงจัง “ดี! ในเมื่อทุกท่านยอมรับผู้รักษาการแทนเจ้าสำนักเช่นข้าแล้ว เช่นนั้นข้าก็ขอไม่เกรงใจ เรื่องแรก คือการทำลายกฎในอดีต นับจากนี้ทุกคนต้องคอยช่วยเหลือเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน ไม่อาจแตกแยกดังเช่นแต่ก่อน ทูตนารี ถอดหน้ากากของเจ้าออกเสีย”
หวั่นซินชะงักไปครู่หนึ่ง พลันนั้นก็เข้าใจความหมายของนาง จึงยอมถอดหน้ากากออก เผยให้เห็นดวงหน้าที่ซ่อนเร้นมานานหลายปี
ทูตวิญญาณและทูตมั่งคั่งพลันตกตะลึง นึกไม่ถึงว่าจะเป็นนาง!
“ทูตนารีกลับเป็นถึงโฉมสะคราญนางหนึ่ง ช่างเป็นเรื่องน่าประหลาดใจโดยแท้” บุรุษหน้ากากสีทองสัมฤทธิ์ถอดหน้ากากออกอย่างผ่าเผย หัวเราะเสียงใสก่อนเอ่ย “อดีตเป็นใครไม่สำคัญ จากนี้ให้เรียกข้าว่าฉินเหิง” ฉินเหิงคิ้วเข้มดวงตากลมโต ใบหน้าหล่อเหลา โดดเด่นสะดุดตา
ทูตมั่งคั่งและทูตวิญญาณเมื่อเห็นว่าทูตนารีเปิดเผยโฉมหน้าแล้ว จึงทำได้เพียงถอดหน้ากากออก ทูตมั่งคั่งหน้าตาหล่อเหลาอ่อนโยน ในดวงตาดอกท้อมีประกายสดใสไหลวน แฝงไว้ด้วยเสน่ห์หลายส่วน คราวนี้ถึงตาซูหลีกับหวั่นซินตะลึงงันบ้าง
ทูตมั่งคั่งกลับเป็นเซี่ยงหลี คุณชายมากรักผู้นั้น!
ซูหลีพลันสะท้านใจ ในเมื่อเซี่ยงหลีเป็นทูตมั่งคั่ง เช่นนั้นทรัพย์สินมากมายที่อยู่เบื้องหลังเขา ต้องมาจากเฉินเหมินเป็นแน่ อาศัยบทบาทคุณชายมากรักผูกมิตรกับเหล่าชนชั้นสูงและพวกผู้รากมากดีเพื่อสืบข่าวให้เฉินเหมิน
เซี่ยงหลีในยามนี้ ถึงแม้ยังคงมีเสน่ห์ชวนหลงใหล ทว่ากลับมีบุคลิกเย็นชาห่างเหิน เทียบกับวันนั้นในอารามฝอกวงที่มีบุคลิกเปิดเผยไร้ความกลัว เรียกได้ว่าเป็นคนละคน หากไม่ได้เห็นกับตา ซูหลีเองก็ยากจะเชื่อ ใบหน้าเดียวกัน กลับสามารถทำให้คนรู้สึกต่างกันถึงเพียงนี้
เซี่ยงหลีเองก็ลอบสงสัยในใจเช่นกัน เขามองพิจารณาด้วยสายตาเย็นชา สตรีสวมหน้ากากนางนี้เมื่อยืนอยู่ข้างทูตนารี ให้ความรู้สึกเหมือนคุณหนูรองสกุลซูในอารามฝอกวงอย่างเห็นได้ชัด ทว่าตอนนี้กลับไม่สามารถรู้ตัวตนที่แท้จริงของนางได้
ใบหน้าหล่อเหลาภายใต้หน้ากากของทูตวิญญาณ ก็ทำให้ซูหลีและหวั่นซินอึ้งงันไปเช่นเดียวกัน ที่แท้คนผู้นี้ก็คือหมอเทวดาเจียงหยวน!
เจียงหยวนใบหน้าสับสน ไม่ได้เอ่ยอะไรมากนัก เพียงลอบสังเกตซูหลีเงียบๆ คล้ายกำลังคาดเดาตัวตนที่แท้จริงภายใต้หน้ากากของนาง
ซูหลีท่าทีนิ่งสงบ ราวกับไม่รับรู้ ครั้นเห็นทุกคนถอดหน้ากากออกหมดแล้ว ในใจพลันกระสับกระส่าย นางกวาดตามองผ่านหนึ่งรอบ ก่อนเอ่ยถามเสียงเบา “ทูตกระบี่เล่า?”
ไร้ผู้ใดตอบคำถาม
เซี่ยงหลีขมวดคิ้วกล่าว “เมื่อคืนข้าไม่เห็นเขาเลย ด้วยฝีมือของเขา จนป่านยังไม่ปรากฏตัว เกรงว่าจะเกิดเรื่องร้ายขึ้นเสียแล้ว…”
ซูหลีอดไม่ได้ที่จะผิดหวัง นางสงบสติอารมณ์ เอ่ยอย่างครุ่นคิด “ยามนี้เป็นยามที่ต้องการกำลังคน…” นางพลันหันหน้าไปด้านหนึ่ง มองหน้าฉินเหิง เอ่ยอย่างเด็ดขาด “ฉินเหิง นับจากนี้ไป เจ้าจงรับตำแหน่งทูตกระบี่ ทุ่มเทเรี่ยวแรงทั้งหมด ช่วยเหลืออีกสามท่านฟื้นฟูเฉินเหมิน!”
ฉินเหิงรีบคารวะ “ขอบคุณท่านเจ้าสำนัก!”
“หวั่นซินคุ้นเคยกับเรื่องในเฉินเหมินดีที่สุด จงรับผิดชอบดูแลจัดการเรื่องต่างๆ!”
“เจียงหยวนมีความรู้เรื่องช่องทางค้าขายเป็นเลิศ จงใช้ทรัพย์สินที่เหลือในสำนักแบ่งซื้อร้านค้าจำนวนมาก ห้ามกระทำโจ่งแจ้งจนเป็นที่น่าสงสัยเด็ดขาด!”
“เซี่ยงหลีมีวิชาแปลงโฉมอันยอดเยี่ยม จงรับผิดชอบพาทุกคนไปซ่อนตัวในร้านค้าเหล่านั้นอย่างปลอดภัย”
“ทั้งหมดนี้ต้องดำเนินการให้เสร็จภายในสามวัน ภายในสามวันต้องพาทุกคนไปหลบภัยให้เรียบร้อย! มิเช่นนั้นจะลงโทษตามกฎสำนัก ไม่มีละเว้น!”
“รับทราบ!”
ยามนี้ทุกคนคุกเข่าคารวะอย่างพร้อมเพรียง เฉินเหมิน สำนักมือสังหารอันดับหนึ่งในยุทธภพ ยามนี้เหมือนนกเพลิงนิพพาน ที่กำลังรอวันกางปีกโบยบินอีกครั้ง
สำนักมือสังหารที่ลึกลับที่สุดในยุทธภพล่มสลายในคืนเดียว ข่าวนี้ไม่เพียงสะเทือนไปทั้งวงการ ขณะเดียวกันก็ยังเป็นที่พูดคุยถกเถียงกันในวังทั้งเบื้องบนและเบื้องล่าง
ความสามารถของเจิ้นหนิงอ๋องตงฟางเจ๋อนั้นเป็นที่กล่าวขานยกย่องโดยทั่วกัน สำนักมือสังหารอันแข็งแกร่งและยิ่งใหญ่เช่นเฉินเหมิน ราชสำนักหวั่นเกรงมาเนิ่นนาน ด้วยเหตุนี้ฮ่องเต้จึงชื่นชมสรรเสริญตงฟางเจ๋อยิ่งนัก ส่งผลให้เหล่าขุนนางเก่าแย่งกันประจบสอพลอเขายกใหญ่ ทว่าเขากลับมิได้ละเลยการไล่ล่าและโจมตีคนในสำนักเฉินเหมินที่รอดไปได้ด้วยเหตุนี้แต่อย่างใด
เพื่อปกป้องและรักษากำลังสำคัญของเฉินเหมินอย่างสุดความสามารถ ซูหลีได้วางแผนนำพาคนที่เหลืออยู่ในภูเขาซูหมีหนีรอดจากการไล่ล่าของตงฟางเจ๋อภายในเวลาที่สั้นที่สุด ขณะเดียวกันนางก็เริ่มปรุงยาแก้พิษของแต่ละคน เพื่อแก้พิษแต่ละชนิดที่อยู่ในตัวพวกเขา และกล่าวอย่างชัดเจน หากผู้ใดไม่ยินยอมอุทิศตนเพื่อเฉินเหมิน ย่อมสามารถจากไปได้ ทำเอาทุกคนตกใจจนไม่รู้ควรทำเช่นไร มีเพียงซูหลีที่กระจ่างชัด หากเฉินเหมินต้องการอยู่รอดต่อไป ภายหน้าไม่อาจเป็นสำนักมือสังหารในยุทธภพอีกต่อไปแล้ว
ในบรรดาคนที่รอดชีวิต มีบางคนจากไปอย่างปลอดภัย และใช้ชีวิตบั้นปลายในชนบทอย่างมีความสุข คนที่ยินยอมอยู่อุทิศชีวิตเพื่อเฉินเหมินต่อ กลับร่วมสาบานจะภักดีจนตัวตาย ถึงแม้คนน้อย แต่กลับแน่นแฟ้น เคลื่อนไหวทรงพลังมากขึ้น
เหล่ายอดฝีมือเกือบร้อยชีวิตที่รอดพ้นจากภัยอันตรายด้วยการตัดสินใจอย่างชาญฉลาดและความเด็ดเดี่ยวของนาง ไม่มีผู้ใดกล้าตั้งข้อกังขาต่อกลยุทธ์ของเจ้าสำนักใหม่ผู้อ่อนวัยท่านนี้อีก
บัดนี้ ในสายตาชาวโลก เฉินเหมินได้ล่มสลายไปแล้ว ทว่าความจริงเฉินเหมินเพียงอยู่ในช่วงจำศีล รอโอกาสที่จะกลับมาผงาดค้ำฟ้าอีกครั้งเท่านั้น
ฤดูร้อนของปีนี้คล้ายมาเยือนเร็วกว่าปกติ เพิ่งจะเดือนเจ็ด แสงตะวันก็เจิดจ้าแสบตา เมื่อถึงยามค่ำ ซูหลีสั่งให้ผู้คุ้มกันเฝ้ายามอยู่หน้าประตูสวน ไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้ามา ส่วนนางก็นั่งฝึกวิทยายุทธ์อยู่ในห้องเงียบๆ หลังจากที่จับพลัดจับผลูมาเป็นเจ้าสำนักเฉินเหมิน ซูหลีได้กินยาศักดิ์สิทธิ์ของสำนักเฉินเหมิน ไม่เพียงพื้นฐานสุขภาพร่างกายที่เกิดการเปลี่ยนแปลง ทักษะยิ่งพัฒนาอย่างรวดเร็ว นางดีใจสุดจะบรรยาย จึงฝึกฝนทุกวันไม่กล้าเกียจคร้าน
เพิ่งจะนั่งหลังตรง หวั่นซินก็พลันเดินเข้ามาเอ่ยเสียงเบา “คุณหนู เจียงหยวนมาถาม พิษชนิดสุดท้ายในร่างกายของเขาจะแก้ได้เมื่อใดเจ้าคะ?”
ซูหลีขมวดคิ้วเบาๆ พิษในร่างกายสี่นักฆ่าผู้ยิ่งใหญ่ซับซ้อนกว่าศิษย์คนอื่นๆ มากนัก โดยเฉพาะเจียงหยวนผู้นี้ เจ้าสำนักเฉินเหมินรู้ดีว่าเจียงหยวนชำนาญการแพทย์ จึงจงใจใช้พิษที่พิเศษกว่า ในเวลาหนึ่งเดือนกว่าที่ผ่านมานางทดลองมาหลายครั้ง แต่ก็ไม่อาจแก้ได้สำเร็จ ราวกับเมื่อแก้พิษได้หนึ่งอย่าง ก็จะมีพิษอีกหนึ่งอย่างผุดขึ้นมา ทำเอานางคิดอย่างไรก็คิดไม่ตก
“พักนี้ร่างกายเขาผิดปกติ ไม่กล้าบุ่มบ่ามใช้ชี่แท้ ทำให้ร้อนใจกว่าปกติเจ้าค่ะ” หวั่นซินทอดถอนใจ ซูหลีแก้พิษให้ทุกคนในสำนัก จึงได้ความเลื่อมใสจากศิษย์ในสำนักกว่าครึ่ง มีเพียงเจียงหยวนที่ยังไม่อาจรักษาได้ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าเจียงหยวนอาจคิดเป็นอื่นได้
ซูหลีมองนางแวบหนึ่ง ย่อมรู้ว่านางคิดสิ่งใดอยู่ จึงกล่าว “เจ้าไปหยิบหีบสมุนไพรร้อยชนิดของข้ามา”
หวั่นซินดีอกดีใจ รีบเข้าไปหยิบหีบสมบัติในห้อง ในหีบนั้นมียาวิเศษล้ำค่านานาชนิดที่ได้มาจากห้องลับของสำนักเฉินเหมิน ซูหลีเองก็อาศัยยาเหล่านี้แก้พิษให้คนในสำนักเพื่อซื้อใจพวกเขา
“บ่าวจะไปเฝ้าข้างนอก มีเรื่องใดคุณหนูเรียกบ่าวนะเจ้าคะ” หวั่นซินกำชับเสียงเบา ก่อนจะออกจากห้องไป
ซูหลีหยิบขวดยาทั้งหมดออกมาทีละขวด ดมอย่างละเอียด วัตถุดิบยาเหล่านี้นางคุ้นเคยอย่างดีและเคยใช้มามากกว่าครึ่ง จึงเข้าใจลักษณะยาเป็นอย่างดี เพียงแต่พิษที่เจียงหยวนโดน แม้แต่นางเองยังหาสาเหตุไม่ได้ หรือยาแก้พิษไม่ได้อยู่ในนี้?
………………………………………………………….