กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ - บทที่ 95 จิ้งอันอ๋องจับชู้ (1)
ซูหลีร้อนใจ หมายจะอ้าปากเอ่ยห้าม กลับนึกไม่ถึงว่าเขาจะฉวยโอกาสรุกล้ำเข้ามาในช่องปากเล็กๆ และตวัดลิ้นกอบโกยความหอมหวานจากลิ้นนาง การกระทำอันดุเดือดและร้อนแรงนี้เหมือนดั่งประกายไฟที่จู่โจมหัวใจ ร่างกายของทั้งสองพลันสะท้านไปชั่วขณะ
ความหอมหวานที่ไม่อาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดเข้ายึดครองความคิดทั้งหมดของเขา ตงฟางเจ๋อนึกถึงความอ่อนโยนที่พัวพันไม่เคยจางในคืนนั้น ณ โรงเตี๊ยมข้างแม่น้ำหลานชาง ในส่วนลึกของหัวใจเขามีเสียงหนึ่งดังก้องขึ้นมา บอกว่าซูหลีก็คือคนที่เขาตามหา!
ความตระหนักนี้ทำให้อารมณ์ของเขาที่พยายามข่มกลั้นมานานยิ่งพลุ่งพล่านกว่าเดิม บรรจงจูบอย่างดูดดื่ม ลุ่มหลงพัวพันสุดตัว ราวกับยอมทุ่มเททุกสิ่งเพื่อให้ได้ครอบครองนาง
ร่างกายค่อยๆ อ่อนแรงลง นางเกาะเกี่ยวไหล่ของเขาตามสัญชาตญาณ เขากอดนางไว้แน่น ราวกับต้องการกอดคนรักที่ซ่อนอยู่ในใจมานานแสนนาน เรี่ยวแรงมหาศาล เหมือนกลัวว่าหากไม่ทำอย่างนี้นางก็จะไม่เดินเข้ามาในชีวิตเขา
ซูหลีถูกเขาประกบจูบอย่างบ้าคลั่ง รู้สึกคล้ายจะเป็นลมให้ได้ ไม่เหลือเรี่ยวแรงขัดขืนแม้แต่น้อย มีเพียงสติที่เหลืออยู่น้อยนิดที่ยังคงพยายามยืนหยัด
“ตง…ตงฟาง…เจ๋อ…” ไม่ง่ายเลยกว่าจะเค้นเสียงออกมาได้ นางต้องการหยุดการกระทำของเขา ทว่ากลับทำได้เพียงเรียกชื่อ เพียงแต่เสียงของนางเบาหวิวยิ่งนัก คล้ายกำลังขานเรียกคนรักด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาและอ่อนหวาน
ตงฟางเจ๋อหัวใจสะท้านไปทั้งดวง ในที่สุดก็บังคับตนเองให้ผละออกจากกลีบปากบาง ริมฝีปากอุ่นร้อนแนบชิดข้างหูนาง กระซิบเสียงแผ่วเบาด้วยความโหยหา “ใช่แล้ว อย่างนั้นแหละ! เรียกอีกครั้ง!” ยามนี้ ไม่ว่าจะเป็นแผนการร้ายแย่งชิงบัลลังก์ หรือแผนการโจมตีตั้งรับใดๆ ล้วนไม่อยู่ในสมองของเขาแล้ว เขาเพียงอยากกอดนางไว้แน่นๆ และดูดกลืนความหอมหวานจากร่างกายนางให้มากที่สุด ทั้งสองพัวพันเป็นหนึ่งเดียว
ริมฝีปากอันร้อนระอุสัมผัสถูกติ่งหูเล็กๆ ซึ่งเป็นจุดที่อ่อนไหวที่สุด กลิ่นอายคลุมเครือและร้อนรุ่มหยอกล้อขีดจำกัดที่กำลังสั่นคลอนของนาง ซูหลีอดไม่ได้ที่จะเอ่ยเสียงแผ่วเบา “ท่าน รีบ ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้…”
นัยน์ตาที่เคยสดใสและเด็ดเดี่ยวของนาง ยามนี้กลับสับสนวุ่นวายเพราะเขา ฟันขาวสะอาดของนางกัดเม้มกลีบปากสีแดง การกระทำที่ไม่ได้ตั้งใจนี้ เมื่อสะท้อนในดวงตาเขา กลับเย้ายวนเกินห้ามใจ กลายเป็นภาพที่มีเสน่ห์ที่สุดในโลกใบนี้
ความร้อนรุ่มพุ่งขึ้นมาจากส่วนลึกของหัวใจ เขาทนไม่ไหวอีกแล้ว กัดติ่งหูนางเบาๆ ปลายลิ้นตวัดเลีย ซูหลีสะท้านไปทั้งร่าง หลุดร้อง ‘อ๊า’ ออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ หากไม่เป็นเพราะถูกเขากอดรัดไว้ในอ้อมอก เกรงว่านางคงล้มลงไปแล้ว
ตงฟางเจ๋อหาจุดอ่อนของนางเจอแล้ว ยิ่งไม่มีทางหยุด ริมฝีปากและลิ้นอันร้อนผ่าวของเขาวนเวียนอยู่ระหว่างซอกคอยาวระหงและขาวเนียนของนาง มือทั้งสองข้างลูบไล้สัมผัสผิวกายขาวผ่องดั่งหิมะของนางอย่างคล่องแคล่ว
ซูหลีสะดุ้งสุดตัว นางหวีดร้องตกใจ แหงนหน้าสุดแรง พยายามดึงสติกลับมาอย่างยากลำบาก แต่กลับค้นพบว่าตั้งแต่เมื่อใดไม่รู้ที่ตนเองถูกเขาโอบกอดและพามาจนถึงขอบสระแล้ว
ด้านหลังแนบชิดกับผนังสระเรียบลื่น เอวบางถูกกอดรัด นางไร้หนทางหลบหนี อาภรณ์บางๆ ร่วงหลุดเผยให้เห็นหัวไหล่กลมมน กลีบปากและลิ้นอันร้อนผ่าวพรมจูบไล่ลงมาจากลำคอ
นางตกตะลึง ต้องการร้องเรียกให้เขาหยุด ทว่ากลับไร้เสียง ราวกับทุกประสาทสัมผัสในร่างกายถูกควบคุม ความรู้สึกเช่นนี้ทำให้นางหวาดกลัวอย่างน่าประหลาด แต่กลับมีพลังดึงดูดจนน่าตกใจ
นางออกแรงผลักมือหนาที่กำลังลูบไล้ผิวกายของนางออกอย่างสุดแรง ทว่ากลับถูกเขาฉวยโอกาสดันออกและกดแขนนางไว้ข้างหลังตนเองแทน!
ม่านตาสีหมึกที่ลึกล้ำจนมองไม่เห็นจุดสิ้นสุด ความปรารถนาที่ไม่ได้รับการเติมเต็ม ร่ำร้องที่จะทลายปราการป้องกัน ร่างกายตึงเกร็งไปทั่วร่าง ทรมานจนยากจะทานทน ตงฟางเจ๋อขมวดคิ้วบางเบา บนหน้าผากพลันมีเม็ดเหงื่อผุดพรายมากมาย เขาหยุดหอบหายใจชั่วครู่ ก่อนจะขยับใบหน้าหล่อเหลาเข้ามาใกล้อีกครั้ง จมูกโด่งเป็นสันของเขาดุนปลายจมูกของนางไว้เบาๆ ทั้งสองสบตากัน ต่างก็มองเห็นความทรมานจากสายตาของอีกฝ่าย
ซูหลีสะท้านไปทั้งใจ เขา…ที่แท้เขาก็เหมือนกับนาง ถูกแรงปรารถนาควบคุมเช่นกัน ปัญหาอยู่ที่ใดกันแน่?!
กลิ่นอายคลุมเครือรอบสระน้ำพุร้อน ทำให้ยามราตรีกาลถูกปกคลุมไปด้วยสีสันแห่งความปรารถนา
ท่ามกลางพื้นที่เล็กๆ ในวงแขนกำยำของเขา ตงฟางเจ๋อกำลังหอบหายใจอย่างยากสงบใจ ซูหลีสติหลุดลอย
สายตาของเขาเต็มไปด้วยความปรารถนา ราวกับภาพฝันอันงดงามได้พันธนาการเขาไว้อย่างแน่นหนา
ตงฟางเจ๋อจุมพิตหน้าผากของนางอย่างแผ่วเบา ก่อนจะไล่ลงมาที่ดวงตาทั้งสองข้าง กลีบปากแดง ลำคอ…และค่อยๆ เคลื่อนต่ำลง ทันใดนั้น หน้าอกนวลนิ่มของนางก็ถูกเขาประทับจูบแรงๆ ซูหลีสะดุ้งสุดตัว เพียงรู้สึกว่าเขาต้องการประทับจูบนี้ลึกลงไปจนถึงใจนาง
ลมหายใจของซูหลีสะดุดไปทันที การกระทำของเขาเผด็จการถึงเพียงนั้น จู่โจมหัวใจโดยตรง ไม่ให้โอกาสนางปฏิเสธแม้แต่น้อย นางทำได้เพียงแหงนหน้า อ้าปากเบาๆ ลุ่มหลงอยู่ท่ามกลางการโจมตีอันเผด็จการของเขา หอบหายใจอย่างต่อเนื่อง พยายามกำจัดความเสน่หาที่เกิดขึ้นเพราะความผิดพลาดอย่างสุดชีวิต
“ซูซู…” เขาพลันหยุดการกระทำ เงยหน้าเรียกชื่อนาง ดวงตาสะท้อนความปรารถนารุนแรง ทว่ายังมีแววขัดขืนและลังเลอย่างชัดเจน
ซูหลีดวงตากึ่งเคลิบเคลิ้ม หอบหายใจถี่กระชั้น ร่างกายไร้เรี่ยวแรง ไม่อาจเอ่ยวาจา ท่าทางของนางยามนี้ช่างมีเสน่ห์ดึงดูดยิ่งนัก
ตงฟางเจ๋อหอบหายใจเสียงต่ำ อยากพัวพันแนบชิดกับนางจนแทบห้ามใจไม่ไหว
ค่ำคืนอันงดงาม สายลมยามราตรีในป่าพัดผ่านอย่างแผ่วเบา การกระทำที่แปรเปลี่ยนเป็นรุนแรงอย่างกะทันหันของเขา ทำให้ภาพเหตุการณ์ที่ถูกขืนใจในอดีตพลันผุดขึ้นมาในสมองอีกครั้ง ร่างอรชรพลันแข็งทื่อไปทั้งตัว ความเจ็บปวดที่ราวกับร่างกายแทบฉีกขาด วาจาร้ายกาจที่ราวกับหลุดออกมาจากลิ้นอสรพิษ ถาโถมใส่หัวใจนางทันที! ความทรงจำแสนอัปยศในอดีตแล่นผ่านสมอง แรงปรารถนาอันร้อนแรงของนาง ราวกับถูกคนเอาน้ำเย็นสาดใส่
กัดเม้มริมฝีปากแรงๆ ความเจ็บปวดแล่นโจมตีหัวใจ นางดึงมือออกจากพันธนาการของเขาอย่างแรง อาศัยแรงดันจากแผ่นหลังที่พิงขอบสระอยู่ ผลักบุรุษที่อยู่ตรงหน้าออกด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมด!
ตงฟางเจ่อกำลังตกอยู่ในวังวนแห่งแรงปรารถนา ไม่ทันตั้งตัวแม้แต่น้อย ได้ยินเพียงเสียง ‘ซ่า’ เขาก็จมลงไปใต้ผิวน้ำทันที
ซูหลีหอบหายใจ ยืนอย่างมั่นคงอยู่ในสระ รีบกระชับเสื้อผ้าอาภรณ์ของตนเองเข้าหากัน พยายามสงบสติอารมณ์ ทว่าหลังจากผิวน้ำกลับมาแน่นิ่งดังเดิม ก็ยังไม่เห็นตงฟางเจ๋อลุกขึ้นมา
นางนิ่งงันไปเล็กน้อย รีบเดินไปข้างหน้าหลายก้าว ครั้นมองทะลุริ้วน้ำที่กระเพื่อมเบาๆ ลงไปข้างล่าง ก็พบว่าเขากำลังนอนแน่นิ่งอยู่ใต้สระ ไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย
ซูหลีพลันตกใจ แต่ยังไม่ทันตอบสนอง ก็เห็นตงฟางเจ๋อยื่นมืออกมาคว้าข้อเท้าของนาง แล้วออกแรงดึง ซูหลีเสียหลักล้มลงไปในน้ำ ความหวาดกลัวที่บรรยายไม่ถูกจู่โจมเข้ามาอีกครั้ง
เสี้ยววินาทีก่อนที่ร่างกายจะจมลงไปในน้ำ ซูหลีสูดหายใจเฮือกหนึ่งอย่างลนลาน แทบไม่ทันตั้งตัว ตงฟางเจ๋อใช้มือข้างเดียวจับข้อมือทั้งสองข้างของนางไว้แน่น พลิกกายนางและกดร่างนางไว้กับก้นสระ เห็นนางมีสีหน้าทรมาน หัวใจเขาพลันสั่นไหว ก้มหน้าประกบจูบกลีบปากนาง และถ่ายเทอากาศมาให้
ซูหลีนึกว่าเขาต้องการทำสิ่งใดอีก เพิ่งจะขยับตัวหมายขัดขืน กลับถูกสายตาคมปลาบตักเตือน บ่งบอกชัดเจนว่าห้ามขัดขืน ที่จริงแล้ววิทยายุทธ์อันน้อยนิดของนาง ไม่คู่ควรเอ่ยถึงต่อหน้าเขาด้วยซ้ำ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเมื่ออยู่ใต้น้ำเช่นนี้เลย
ทั้งสองนอนอยู่ใต้น้ำเงียบๆ ซูหลีเริ่มกระสับกระส่าย ไม่เข้าใจว่าเขาต้องการทำสิ่งใดกันแน่
เพียงแต่เมื่อเวลาผ่านไป สายตาของตงฟางเจ๋อไม่คมปลาบเช่นเคย สิ่งที่เข้ามาแทนที่กลับเป็นความอบอุ่นอย่างน่าประหลาดใจ อบอุ่นจนเหมือนจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับน้ำพุร้อนรอบกายอย่างไรอย่างนั้น
ซูหลีตะลึงงัน
เขาจ้องมองนางเงียบๆ ไม่ได้กระทำอะไรไปมากกว่านั้น
อากาศที่ถูกส่งผ่านมาเริ่มเบาบางลงเรื่อยๆ ต่างฝ่ายต่างรับรู้ได้ถึงความทรมานจากการขาดอากาศหายใจ แต่เขาก็ยังคงไม่ขยับเขยื้อน
……………………………………………………….