กุนซือหญิงยอดอัจฉริยะ - บทที่ 108 ฆ่าทิ้งเสียเถิด
ซ่งชูอีเปิดแผ่นไม้ไผ่ออก กวาดตาอ่านด้วยความรวดเร็ว “ขอบคุณมาก”
ครั้นเก็บกระบอกไม้ไผ่ จี้ฮ่วนก็เขียนหนังสือรับรองเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซ่งชูอีลุกขึ้นเอ่ย “ถ้าเช่นนี้ ข้าน้อยขอลาก่อน”
ตู้เหิงก็ลุกขึ้นจัดกระชับเสื้อผ้า “เชิญท่านตามสบาย”
ซ่งชูอีรู้ อีกทั้งบัดนี้นางได้แสดงอำนาจในชมรมป๋ออี้เช่นนี้ ในฐานะที่เป็นสถานที่รวบรวมข่าวสาร จะต้องมีภาพเหมือนหรือคำอธิบายลักษณะของนางเป็นแน่ ภาพเหมือนทั่วไปหากมีเสน่ห์สักหนึ่งหรือสองส่วนก็นับว่าไม่เลวแล้ว แม้นไม่จำเป็นต้องกังวลมาก ทว่าเมื่อได้ของแล้วรีบออกไปยังจะเป็นแผนการที่ดีที่สุด
ครั้นออกมาจากชมรมป๋ออี้ ทั้งสองก็เดินเข้าออกระหว่างตรอกซอยตลอดทั้งวัน ระหว่างนั้นก็ไปสืบข่าวคราวที่โรงเตี๊ยม จนกระทั่งฟ้ามืดจึงกลับไปยังลานเล็กๆ ที่วิเวกวังเวงแห่งนั้น
“ท่าน สถานการณ์เป็นเยี่ยงไรบ้าง?” จี้ฮ่วนเอ่ยถาม
ซ่งชูอีกล่าวเสียงเบา “ไม่ต้องเป็นกังวล ดูจากรูปการณ์แล้ว เว่ยอ๋องน่าจะมีจุดประสงค์ที่จะใช้คนในตำแหน่งงานที่สำคัญ ต่อให้คิดที่จะบีบคั้นรัฐเว่ย์เพื่อส่งข้าออกไปรับโทษจริง ก็มิใช่เรื่องเลวร้าย ข้าต้องอาศัยช่วงเวลานี้คิดหาวิธีบีบคอเจ้าสารเลวหมิ่นฉือนี่ให้ได้”
ท่าทีของเว่ยอ๋องมิได้อยู่เหนือความคาดหมายของซ่งชูอี อำนาจของรัฐเว่ยค่อยๆ อ่อนแอลง พ่ายแพ้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า อีกทั้งยังสูญเสียดินแดน นี่จะไม่ทำให้เว่ยอ๋องช้ำใจได้เยี่ยงไร? ฉะนั้นบัดนี้เขาจึงหิวกระหายผู้มีความสามารถ หวังว่าจะมีคนเช่น “ซางยาง” แห่งรัฐเว่ยปรากฏกายขึ้น เสริมสร้างให้รัฐเว่ยเข้มแข็งโดยเร็วและนำอำนาจกลับคืนมา
ตราบใดที่เว่ยอ๋องไม่มีความประสงค์จะสังหารนาง ก็ยังมีโอกาสครั้งใหญ่ที่จะพลิกสถานการณ์กลับมา อย่างเลวร้ายที่สุดก็ค่อยหาทางหลบหนีเมื่อไปถึงรัฐเว่ยแล้ว
“ท่านต้องการอาศัยจังหวะนี้เข้ารัฐเว่ยหรือ?” จี้ฮ่วนเอ่ยด้วยความประหลาดใจ
ซ่งชูอีส่ายหน้า นางใช้เวลาถึงสิบเจ็ดปีในการเฝ้าสังเกตและวิเคราะห์สถานการณ์ของทั้งเจ็ดรัฐ รัฐที่ต้องการไปที่สุดก็คือรัฐฉีและรัฐฉิน ทว่าเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว หลังจากที่รัฐฉินเสื่อมถอยไปหนึ่งร้อยปีก็กลับมาผงาดอีกครั้ง ระบบกฎหมายสมบูรณ์แบบ ใช้งานคนอย่างหลากหลาย อีกทั้งอำนาจของตระกูลเก่ากำลังจะล่มสลายดุจพยัคฆ์ที่อยู่นอกกรอบ
ส่วนรัฐฉีมีรากฐานมั่นคง เข้มแข็งกว่ารัฐฉินในตอนนี้ทุกๆ ด้าน ทว่าอำนาจภายในของมันนั้นยุ่งเหยิงซับซ้อน ซ่งชูอีไม่เข้าใจในเรื่องนี้มากนัก และชาติที่แล้วนางก็อาศัยอยู่ที่ชายแดนรัฐฉินเป็นเวลาหลายปี แม้นจะพูดไม่ได้ว่าเข้าใจสถานการณ์ภายในของรัฐฉินดังพลิกฝ่ามือ แต่ก็รู้อย่างละเอียดยิบอย่างแน่นอน
แม้นว่าสถานการณ์ตรงหน้าจะเปลี่ยนแปลงไปหลากหลายรูปแบบ ทว่าซ่งชูอีก็เคยไปทำความเข้าใจอย่างละเอียดถี่ถ้วน ภาพรวมของแต่ละรัฐล้วนยังคงมีอยู่ในหัว
ท้องฟ้ามืดแล้ว พวกเขาทั้งสองเดินมาถึงหน้าลานเล็กๆ ที่ค้างแรมเมื่อคืน ตัวลานล้อมรอบไปด้วยกำแพงดินและรั้ว บานประตูราวกับว่าไม้สามารถต้านทานอะไรได้อีกแล้ว ยังไม่ทันเข้าประตูมาก็ได้ยินเสียงอือๆ อาๆ ดังขึ้นจากข้างใน
จี้ฮ่วนสีหน้ามืดมนทันใด เอ่ยขึ้น “ท่าน วันนี้ข้าจะต้องยุ่งกับเรื่องนี้ให้ได้!”
“อย่าก่อเรื่อง” ซ่งชูอีมองเข้าไปข้างใน พร้อมกำชับ “ไล่เขาออกไป ถ้าเกิดการต่อสู้กันขึ้น ก็ฆ่าได้ทันที”
“ขอบคุณท่าน” ใบหน้าของจี้ฮ่วนผ่อนคลายลงมาบ้าง พูดด้วยเสียงอันดัง “ไอ้หน้าตัวเมีย! เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”
ผู้หญิงคนนั้นวิ่งออกมาจากในห้อง เปิดประตูลานออกตัวขดเป็นกุ้ง กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเทา “บ่าว…บ่าวบอกแล้วว่ามีแขก แต่พวกเขาก็จะมาให้ได้”
“พวกเขานอนกับลูกสาวของเจ้า จ่ายเงินเท่าใด?” จี้ฮ่วนเอ่ยถาม
ไหล่ทั้งสองข้างของผู้หญิงคนนั้นสั่นเทา ซ่งชูอีเหลือบมองจี้ฮ่วน เอ่ยขึ้น “ท่าทางเจ้าคงไม่รู้ว่าอะไรเรียกว่าชีวิตลำบากกระมัง จ่ายเงิน? จ่ายด้วยแป้งสองแผ่นก็ไม่เลวแล้ว”
ซ่งชูอีก้าวเท้าเข้าไปในห้องที่พักแรมเมื่อคืน
จี้ฮ่วนหยิบยี่สิบปู้ปี้ออกมาจากแขนเสื้อให้กับผู้หญิงคนนั้น เมื่อเห็นว่านางไม่รับ ก็เอามันยัดใส่มือ เอ่ยขึ้น “ข้าจะไปไล่ผู้นั้นออกไป สองคืนนี้พวกเจ้าไม่ต้องรับแขก”
พูดจบก็ถือดาบเดินเข้าไปในห้องที่มีเสียงอืออาเล็ดลอดออกมา ผู้หญิงคนนั้นหวาดกลัวจนขาสั่นเทา ปู้ปี้ในมือร่วงหล่นพื้น นางขวัญหนีดีฝ่อ รีบก้มลงไปที่พื้นแล้วหยิบมันขึ้นมา
ทันทีที่เก็บมันแล้วยัดเข้าไปในหน้าอก ก็ได้ยินเสียงคำรามของชายที่มาก่อนหน้านี้จากภายในห้อง จึงรีบวิ่งเข้าไป
นางได้ยินเพียงคำสุดท้าย “เจ้ารอข้าก่อนเถอะ!”
แล้วเสียงในห้องก็เงียบลงกะทันหัน
ไม่ช้า ก็เห็นจี้ฮ่วนลากศพออกมา พื้นเต็มไปด้วยเลือด ผู้หญิงคนนั้นตกใจจนเสียงของนางจุกอยู่ในลำคอ ในขณะนั้นเองท่อนล่างก็มีปัสสาวะอุ่นๆ ก็ไหลออกมา
“อย่าร้องส่งเดช เอาน้ำล้างในบ้านให้สะอาด” จี้ฮ่วนพูดจบก็หยิบทองคำออกมาจากอกของเขาและวางไว้ที่ทางเดิน จากนั้นก็ลากศพออกไปจากลาน
เป็นไปตามการคาดเดาของซ่งชูอี ผู้ที่มาที่นี่โดยส่วนมากแล้วจะเป็นพวกอันธพาล คนเหล่านี้รับมือด้วยยากที่สุด
จี้ฮ่วนแต่งกายด้วยชุดสามัญชน ไม่ใช่ชุดเกราะ ผู้นั้นคงคิดว่าเขาเป็นเพียงมือดาบและถูกเขารบกวนขณะที่กำลังจะเข้าด้ายเข้าเข็ม กำลังคิดที่จะออกไปหาพวกข้างนอกทว่ากลับทิ้งประโยคนั้นไว้เป็นประโยคสุดท้าย
ในความเป็นจริงแล้วจะไม่พูดก็ได้ แต่คาดว่ามันเป็นศักดิ์ศรีของลูกผู้ชายที่ไม่ต้องการแสดงความอ่อนแอต่อหน้าสตรีตามจิตใต้สำนึก
กฎหมายของรัฐเว่ย์มีข้อบังคับว่าไม่สามารถฆาตกรรมได้อย่างโจ่งแจ้ง ทว่าคำพูดนี้มีช่องโหว่ให้พิจารณา
ขณะที่ราชวงศ์โจวปกครองรัฐต่างๆ รัฐเว่ย์เป็นสถานที่ที่กฎหมายมีความก้าวหน้ามากที่สุด ด้วยภูมิหลังทางประวัติศาสตร์เช่นนี้จึงก่อกำเนิดนักกฎหมายมากมาย ทว่านับตั้งแต่ราชวงศ์โจวตะวันตกเป็นต้นมา กฎหมายก็มิยังมิเคยผ่านการปฏิรูปครั้งใหญ่ มีเพียงการปรับเปลี่ยนในส่วนเล็กๆ เท่านั้น โดยทั่วไปแล้วก็ยังคงดำเนินตามวิธีการเดิมๆ อีกทั้งตั้งแต่ไหนแต่ไรมาชาวเว่ย์เป็นผู้ที่ไม่ชอบการรบราฆ่าฟัน ฉะนั้นกฎหมายนี้จึงไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลย
เรื่องการฆาตกรรมเช่นนี้เดิมทีมิได้มีกฎหมายมายับยั้ง ฉะนั้นจึงจำกัดได้เพียงบางส่วน กฎระเบียบเช่นนี้จึงไม่นับว่ามีช่องโหว่ อย่างเช่นพฤติกรรมการฆาตกรรมอำพรางของจี้ฮ่วน ตราบใดที่ไม่มีคนไปร้องเรียนเขาต่อทางการ ส่วนใหญ่แล้วก็จะไม่มีใครถามอะไรให้มากความ
ซ่งชูอีกำลังนอนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ขณะที่กำลังจะผล็อยหลับ จี้ฮ่วนก็กลับเข้ามา
ในที่สุดก็หลับสนิทได้ตลอดคืน
เช้าวันรุ่งขึ้น ซ่งชูอีกับจี้ฮ่วนดื่มน้ำแกงเสร็จแล้วก็วางแผนที่จะออกไป
บัดนี้เลือดภายในบ้านถูกชะล้างจนสะอาดแล้ว แม้นความหวาดกลัวเมื่อคืนยังอยู่ภายในใจของผู้หญิงคนนั้น ทว่ามันได้ถูกความยินดีที่ได้ทองคำกลบไปเสียกึ่งหนึ่ง เด็กสาวสองคนทั้งชื่นชมและทั้งหวาดกลัวจี้ฮ่วน
ทุกครั้งที่คนเหล่านั้นย่ำยีพวกนาง ในใจของพวกนางล้วนเคยมีความคิดที่จะฆ่าเดียรัจฉานเหล่านี้เสีย เพราะว่าคนเหล่านี้ยังให้ขนมแก่พวกนางในช่วงเริ่มต้น แต่ต่อมากลับมิได้ให้อะไรสักอย่างเลย
ในระหว่างนี้ หนึ่งในสองพี่น้องคู่นี้ยังเคยตั้งครรภ์มาก่อน แต่กลับแท้งในขณะที่ถูกผู้ชายคนหนึ่งขืนใจให้ทำเรื่องอย่างว่า ในบ้านไม่มีบุรุษเลย แม่ลูกสามคนไม่ได้ถูกขายเป็นทาส มันไม่ง่ายเลยที่จะสามารถมีชีวิตอยู่จนถึงบัดนี้
“คืนนี้ท่านผู้แข็งแรงยังจะมาที่นี่หรือไม่?” หนึ่งในเด็กสาวที่ตัวสั่นเทาอยู่บนเฉลียงมองไปยังจี้ฮ่วนด้วยความเหนียมอายพร้อมเอ่ยถาม
จี้ฮ่วนมองซ่งชูอี
“เจ้ามองข้าทำไม? ตอนกลางคืนข้าไม่มาเจ้าก็มาไม่ได้เช่นนั้นหรือ?” ซ่งชูอีกล่าว
จี้ฮ่วนหันไปบอกกับเด็กหญิงคนนั้น “ยังไม่แน่ ข้าจัดการเรื่องนั้นเรียบร้อยแล้ว ถ้ามีคนมาถาม เจ้าก็บอกว่าผู้นั้นถูกข้านำตัวไปแล้ว ข้ามีนามว่าจี้ฮ่วน”
จี้ฮ่วนไม่ต้องการทำให้สามแม่ลูกต้องลำบาก ถ้าหากมีคนร้องเรียนกับทางการ พวกนางก็เพียงบอกว่าผู้นั้นไปแห่งใด ไม่ต้องถึงกับถูกไต่สวน
“ท่านผู้แข็งแรง!” หญิงผู้นั้นทิ้งตัวลงแทบเท้าจี้ฮ่วน โขกศีรษะอย่างต่อเนื่อง “ท่านผู้แข็งแรงพาลูกสาวข้าไปเถิด! ขอร้องท่านล่ะ! พวกนางสองคนทำได้ทุกอย่าง งานหยาบงานหนัก เย็บปักถักร้อย ล้วนทำได้หมด! พวกนางยังเป็นฝาแฝด ในเมืองนี้หามิได้อีกแล้ว!”
………………………………