กุนซือหญิงยอดอัจฉริยะ - บทที่ 353 กวาดล้างจงตูอันเงียบสงบ
องค์ขายซื่อถูกคุมขัง แน่นอนว่าคนของเขาจะไม่นั่งรอความตาย เหตุผลที่ไม่มีการดำเนินการเป็นเพราะซ่งชูอีสวมรอยเข้าไป
บัดนั้นสวีจ่างหนิงเป็นเจ้าหน้าที่อยู่ในฉางเซ่อ มักจะทำการสมรู้ร่วมคิดกับองค์ชายซื่อโดยผ่านนายพลที่รักษานคร และทำให้นายพลได้รับผลประโยชน์มากมาย ไม่ต้องพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสอง ต่อมาสวีจ่างหนิงได้กลายเป็นหนึ่งในที่ปรึกษาที่น่าเชื่อถือที่สุดขององค์ชายซื่อ นอกจากนี้เขายังแต่งงานกับน้องสาวร่วมมารดาขององค์ชายซื่อและวางแผนที่จะช่วยเหลือองค์ชายซื่อโดยไม่ขัดข้องใดๆ
และแผนของสวีจ่างหนิงก็คือแผนของซ่งชูอี
เริ่มแรกนางทำให้กองทัพในพื้นที่ศักดินาหยุดนิ่ง สั่งสายลับของรัฐฉินที่แฝงตัวเข้าไปในเว่ยสร้างผลกระทบต่อหรงจวี้และพรรคพวกคนอื่นๆ ขององค์รัชทายาท ให้พวกเขาถอนกองกำลังที่อยู่ในฉางเซ่อ จากนั้นก็สั่งให้สวีจ่างหนิงช่วยองค์ชายซื่อหลบหนี เมื่อถึงเวลาอันสมควรก็พาทหารองครักษ์และทหารพลีชีพที่องค์ชายซื่อเลี้ยงไว้ในจวนมาช่วยเขาออกจากคุก
ด้วยวิธีนี้ก็จะสามารถแยกองค์ชายซื่อกับพรรคพวกของเขาออกจากกันได้
เมื่อองค์ชายซื่อสูญเสียการสนับสนุนจากทหารของตัวเอง แม้ว่าเขาจะนั่งบนบัลลังก์ก็ต้องใช้พลังงานมหาศาลเพื่อรวบรวมกองกำลังของตน
จุดประสงค์หลักของซ่งชูอีคือทำให้สวีจ่างหนิงได้กลายเป็นลูกรักขององค์ชายซื่อ การหว่านความไม่ลงรอยคือการฉวยโอกาสจากสถานการณ์ แม้อาจควบคุมไม่ได้ทั้งหมดแต่ขั้นแรกนั้นก็สำเร็จแล้ว
“ความหมายของกั๋วเว่ยคือพวกเราควรให้เวลาหมิ่นฉือมัดใจผู้คน?” ซือหม่าชั่วถาม
“ไม่จำเป็น หาทางปิดกั้นการติดต่อระหว่างจงตูและต้าเหลียง ทางนั้นจะมีสวีจ่างหนิงตอบสนองจากภายใน การปกป้องเว่ยซื่อไม่ใช้ปัญหา ต่อให้ถูกเปิดโปงในที่สุด อย่างมากก็ตัดขาดจากสวีจ่างหนิง ในมือของพวกเรายังมีกงซุนเหยี่ยนเป็นตัวประกัน” ซ่งชูอีเอ่ย
หากวางแผนในระยะยาว มันไม่สำคัญว่าชนะหรือแพ้ในการต่อสู้นี้ในตอนนี้ ซือหม่าชั่วพยักหน้า “ข้าเป็นคนหยาบ ไม่เข้าใจเรื่องทางการทูต เรื่องนี้ก็ทำตามกั๋วเว่ยเถิด”
“ท่านแม่ทัพถ่อมตัวเกินไปแล้ว” ซ่งชูอียืดตัวคำนับ ตำแหน่งทางการของซือหม่าชั่วนั้นสูงกว่านาง และเขายังเป็นแม่ทัพหลักในการต่อสู้ระหว่างฉินและเว่ย เขาสามารถพูดกับนางได้เช่นนี้ในเวลานี้ หัวใจของเขาเป็นที่ประจักษ์แล้ว สิ่งที่ได้มายากยิ่งกว่าก็คือความไว้วางใจที่มีต่อนาง
“กั๋วเว่ยควบคุมจิตใจของคนได้ดีเหลือเกิน” ซือหม่าชั่วยิ้มพลางลุกขึ้น “การต่อสู้ครั้งนี้อยู่ภายใต้คำสั่งของข้า ที่เหลือก็ยกให้ท่านแล้ว!”
“รับทราบ” ซ่งชูอียิ้มรับคำวิจารณ์นี้ ลุกขึ้นตามและส่งเขาออกไป
ซ่งชูอีไม่กล้าพูดว่าตนเข้าใจจิตใจของผู้คนยิ่งไม่มั่นใจว่าสามารถควบคุมหัวใจคนอื่นได้ นางแค่รู้ว่าคนแบบไหนต้องการอะไรมากที่สุดก็เพียงพอแล้ว
สวีจ่างหนิงช่วยองค์ชายซื่อออกมา ช่วยให้เขาครองบัลลังก์ ได้เป็นขุนนางคนสำคัญของรัฐเว่ย เดิมทีนี่เป็นช่วงเวลาที่ดีที่จะออกจากการควบคุมของซ่งชูอี แต่ซ่งชูอีก็ยังล่อลวงครั้งใหญ่…ช่วยเขากำจัดพรรคพวกในอดีตที่องค์ชายซื่อไว้วางใจที่สุด
ซ่งชูอีจงใจเผยข้อบกพร่องเล็กน้อยขณะที่สั่งให้กองทัพองค์ชายซื่อหยุดชะงัก และปล่อยให้ท่านแม่ทัพในอานหลิงนามว่าหลี่ว์จี้สงสัยในตัวสวีจ่างหนิง
สวีจ่างหนิงใจเสาะ กลัวว่าเรื่องที่ตัวเองเป็นไส้ศึกให้รัฐฉินจะถูกเปิดโปง จะต้องคิดกำจัดหลี่ว์จี้และคนอื่นๆ มากกว่าใครอยู่แล้ว ไม่ต้องให้ซ่งชูอีสอน เขาก็จะหาโอกาสพยายามยั่วยุให้เกิดความไม่ลงรอยกัน
สวีจ่างหนิงรู้ว่าเขาเดินอยู่บนถนนที่ไม่สามารถกลับหลังหันได้ ต้องทุ่มทั้งหมดที่มีเพื่อเดินต่อไปเท่านั้นจึงจะสามารถรักษาตำแหน่งที่ได้มาอย่างยากลำยากเช่นทุกวันนี้
“วัวหายล้อมคอก” ซ่งชูอีค่อยๆ กำมือแน่น หัวเราะเยาะตัวเอง “การแก้แค้นครั้งนี้ก็ไม่เท่าไร!”
การแก้แค้นคือการรักษาอีกฝ่ายด้วยวิธีของกันและกัน มันไม่ง่ายเหมือนการฆ่าใครสักคน ซ่งชูอีต้องการแก้แค้นหมิ่นฉือก็คือการทำลายเขาให้สิ้นซาก การ “ปล่อยเขาไป” ทั้งหมดในอดีตก็เพื่อวันนี้
ตอนที่ซ่งชูอีเข้าเป็นเจ้าหน้าที่ในรัฐฉิน หมิ่นฉือยังไร้อำนาจใดๆ การฆ่าเขาจะไปยากอะไร? ทว่าฆ่าเขาไปแบบนั้นจะมีความหมายใด?
แต่ละครั้งที่ปล่อยหมิ่นฉือไป ซ่งชูอีไม่เคยกลัวการพ่ายแพ้ในการต่อสู้ แม้ว่าตอนอยู่ในรัฐเว่ย์เขาจะบีบนางจนมุม สิ่งที่อยู่ในใจของนางคือความชื่นชมมากกว่าความเกลียดชัง ทว่าต่อมามันไม่ใช่สิ่งที่นางจะทนได้ที่ทำให้จวงจื่อตัดนิ้วของตัวเอง!
เป็นที่ยอมรับว่ามันเป็นความผิดพลาดของซ่งชูอี ไม่ว่านางจะวางแผนแค่ไหนก็คิดไม่ถึงว่าจวงจื่อผู้ตัดขาดกับทางโลกจะมาเข้าร่วมความครึกครื้นในเสียนหยาง ยิ่งคิดไม่ถึงว่าวาสนาที่ได้พบหน้ากันเพียงครั้งเดียวในชาตินี้จะทำให้จวงจื่อยอมทุกข์ทรมานแทนนาง!
นางโทษตัวเอง นางแก้แค้นทว่าลากอาจารย์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยล้วนเป็นความผิดของนาง นางไร้ความสามารถ แต่ไม่อาจปล่อยผู้บงการไปได้
ศัตรูแห่งชีวิตและความตายนั้นสามารถปล่อยไปได้ ลอบยิงลูกศรจากข้างหลังก็สามารถปล่อยไปได้ ทว่าทำร้ายอาจารย์ ถึงตายก็ไม่ละเว้น!
ทั้งยังมีลูกของนาง…นางไม่เชื่อว่าหมิ่นฉือไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้
“ท่าน” เงาดำปรากฏขึ้นอย่างเงียบๆ ที่นอกประตูกระโจม
จากเงาของเค้าโครงและน้ำเสียง ซ่งชูอีดูออกว่าเขาคือกู่หาน “ว่ามา”
กู่หานพูด “ท่านแม่ทัพเจ้านำทหารไล่โจมตีกองทัพเว่ย ฆ่าศัตรูไปสามหมื่นกว่าคน บัดนี้กลับเฝินเฉิงอย่างปลอดภัยแล้ว”
“รู้แล้ว” ซ่งชูอีเห็นว่าเนื้อตัวเขาเปียกปอนไปด้วยน้ำฝน นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “เจ้าไปอาบน้ำร้อนแล้วเปลี่ยนเสื้อเสีย อย่าจับไข้จากลมหนาว”
“ขอรับ!” กู่หานทำกับว่าคำพูดของนางเป็นคำสั่งมิปาน
ร่องรอยของความเจ็บปวดเข้ามาในหัวใจ ซ่งชูอียกกาน้ำชาขึ้นมา ซ่อนเร้นอารมณ์ด้วยการรินน้ำ
กู่หานเคยมีสัมผัสของความเป็นมิตรมาก่อน นับตั้งแต่กู่จิงตาย เขาก็กลายเป็นเงาอย่างสมบูรณ์ ทำงานด้วยความพิถัพิถัน หากไม่มีเรื่องสำคัญก็จะไม่ปรากฏตัวต่อหน้าผู้คน
ซ่งชูอีรู้ดีว่าในใจของกู่หานปฏิเสธที่จะพบนาง กู่จิงตายเพราะช่วยนาง มันคือความชอบธรรมและความภักดี นางไม่ได้ผิด บางทีกู่หานอาจไม่ได้เกลียดชังแต่แน่นอนว่ายังไม่สามารถปล่อยวางได้
กู่หานจากไป ซ่งชูอีวางกาน้ำชาลงเงียบๆ ลุกขึ้นเดินไปยังประตู ในคืนฝนตกในฤดูใบไม้ร่วงแม้แต่แสงไฟก็ยังดูมืดสลัว นางมองไปยังแสงไฟบนศาลาในที่ไกลๆ พร้อมกับจมหายไปในความคิด
ความเร็วเป็นสิ่งสำคัญในสงคราม
ซือหม่าชั่วส่งคนไปควบคุมถนนและสถานีรอบจงตูก่อนเพื่อตรวจสอบการเข้าออกเมืองอย่างใกล้ชิด เมื่อมีคนออกจากเมืองก็จะถูกจับกุมทันที
ฉากของสายฝนฤดูใบไม้ร่วงคือความหนาวเย็น ผู้คนป่วยง่ายในฤดูใบไม้ร่วง เป็นเรื่องที่ไม่เอื้ออำนวยอย่างยิ่งสำหรับกองทัพที่จะเดินทางท่ามกลางสายฝนในคืนที่หนาวเหน็บ หากทหารจำนวนมากจับไข้ พลังการต่อสู้ของพวกเขาจะลดลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ยุ่งอยู่กับการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่
กลางดึกฝนจะค่อยๆ ลดลงและจะหยุดตกในตอนเช้ามืด หลังจากที่ฝนเมื่อคืนจมลงสู่ผืนดินที่แห้งแล้งก็ไม่ได้ทิ้งร่องรอยไว้มากนัก มีเพียงอากาศที่เย็นลงเรื่อยๆ
กองทัพฉินเริ่มกวาดล้างบริเวณใกล้เคียงของจงตูทันที และขับเคลื่อนราษฎรจำนวนมากไปในทิศทางของหลีสือ
ซือหม่าชั่วได้ส่งคนส่งสารไปที่หลีสือแล้ว ทุกวันจะปล่อยคนเข้าสู่รัฐฉินได้เพียงหนึ่งร้อยคน โดยมีกองทัพฉินช่วยปักหลัก
บริเวณใกล้เคียงหลีสือเคยเป็นดินแดนของรัฐเว่ยในช่วงระยะเวลาหนึ่ง อีกทั้งไม่ไกลจากที่นี่นัก ความแตกต่างในพฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้คนมีไม่มากจนเกินไป ความต้านทานของชาวเว่ยที่มีต่อการกวาดล้างจะน้อยกว่าหน่อยหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นอีกไม่นานก็จะถึงฤดูหนาวแล้ว คนเหล่านี้หันหลังจากบ้านมา หากหาที่ปักหลักไม่ได้ ไม่แน่ว่าอาจจะต้องแข็งตาย ในเวลานี้เหอซีในรัฐฉินได้ตระเตรียมที่พักไว้แล้ว สัญญาว่าจะแจกจ่ายที่ดินให้ โดยทั่วไปแล้วมีคนน้อยมากที่สามารถต้านทานการล่อลวงนี้ได้
ซ่งชูอีสั่งให้คนส่งข้อความปากเปล่าบอกสวีจ่างหนิงว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป จากนั้นก็พาไป๋เริ่นกับผู้อารักขาลับสองสามคนไปตรวจสอบในบริเวณใกล้เคียงจงตูด้วยตนเอง
ระหว่างทางสามารถเห็นผู้คนที่ย้ายถิ่นฐานไปทุกหนทุกแห่ง คนเหล่านี้แบกสัมภาระน้อยใหญ่ปล่อยให้กองทัพฉินส่งตัวเข้าไปตามลำดับ