กุนซือหญิงยอดอัจฉริยะ - บทที่ 52 เป็นสาวงามจริงหรือ?
ซ่งชูอีปัดหิมะบนใบหน้าออก ชำเลืองมองเขา ยิ้มกว้างเอ่ย “พี่หยุ่นซื่อชอบมองสาวงาม ตัวข้าไร้ความสามารถ ก็ชอบเลี้ยงสาวงามเช่นกัน! ท่านได้ประโยชน์เปล่าๆ ไม่ขอบคุณก็แล้วไป แต่ยังฟื้นฝอยหาตะเข็บจับผิดในเรื่องเล็กน้อย หลักคำสอนลัทธิหวงเหล่าแต่ละรุ่นของพวกท่านก็เป็นเช่นนี้มาโดยตลอดหรือ?”
ซ่งชูอีพูดจบก็ไม่สนใจปฏิกิริยาของหนานฉี รีบก้าวเข้าไปในห้อง
นางก็อยากรู้เช่นกันว่าเหตุใดหนานฉีจึงไม่ถูกชะตานาง การต่อสู้ระหว่างสำนักนั้นเป็นเรื่องรอง สิ่งสำคัญคือหนานฉีผู้นี้ค่อนข้างโดดเดี่ยว อีกทั้งมีนิสัยประหลาด ไม่ชอบผู้อื่นแต่กลับบุกเข้าไปในพื้นที่ส่วนตัวของเขา
ครั้นหนานฉีไม่ชอบขี้หน้าใครก็มักจะไม่เกรงใจ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงซ่งชูอีเจ้าหนุ่มที่ยึดครองอาณาเขตเดียวกับเขาเช่นนี้
นี่ก็ยิ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าที่จริงแล้วหลงกู่ชิ่งมิได้ชื่นชอบนางเท่าไรนักในตอนแรก มิเช่นนั้นคงไม่มีทางที่จะไม่คิดถึงจุดนี้ และให้นางอาศัยอยู่ร่วมกับหนานฉี
เมื่อซ่งชูอีเข้าห้องก็ไม่สนใจที่จะจัดแจงตัวเอง รีบไปดูเด็กน้อยคนนั้นที่เก็บมาทันที
“จื๋อหย่า นำอ่างฟืนเข้ามาใกล้หน่อย แล้วไปเตรียมน้ำร้อนเสีย” ซ่งชูอีกล่าวพลางวิ่งออกไปใช้อ่างไม้ตักหิมะเข้ามา
จากนั้นก็เอื้อมมือฉีกเสื้อผ้าบนตัวเด็กที่มีอยู่เพียงไม่กี่ชิ้น วางหิมะไว้บนตัวของเขาแล้วออกแรงถู
ซ่งชูอีมองดูหิมะที่กลายเป็นสีดำ จุ๊ปาก “สกปรกเสียจริง”
ทว่านี่คือสิ่งที่หลีกเลี่ยงมิได้ หิมะตกนานหลายวัน ไม่สามารถเก็บฟืนได้ และใช่ว่าทุกคนจะมีเชื้อเพลิงให้เก็บรักษา อย่าว่าแต่ต้มน้ำร้อนอาบเลย แม้คิดอยากผิงไฟก็เป็นความหวังเลื่อนลอย
ซ่งชูอีใช้หิมะช่วยเขาเช็ดๆ ถูๆ ไม่หยุด ไม่นานมือของนางเองก็แสบร้อนขึ้นมาเช่นกัน บวกกับไฟที่วางเข้ามาใกล้ ไม่ช้าร่างกายที่แข็งทื่อของเด็กน้อยก็ค่อยๆ อ่อนลง
ทว่าซ่งชูอียังมิกล้าประมาท ยังคงออกแรงเช็ดถูต่อไป โดยเฉพาะที่ทรวงอก
“นายท่าน น้ำร้อนมาแล้วเจ้าค่ะ” จื๋อหย่ายกน้ำที่มีไอร้อนลอยขึ้นรวยรินเข้ามา วางลงข้างเท้าซ่งชูอี
ซ่งชูอีโยนผ้าที่วางอยู่ข้างอ่างเข้าไปในน้ำ จากนั้นก็หยิบออกมาแล้วทำให้แห้งหมาดๆ รอจนกระทั่งอุณหภูมิลดลงเล็กน้อย ก็พับเป็นชิ้นหนา คลุมอยู่บนหน้าอกของเด็กน้อย
“ในห้องมีถุงน้ำร้อนหรือไม่?” ซ่งชูอีเอ่ยถาม
“ตอนที่บ่าวเก็บกวาดห้องเห็นอยู่อันหนึ่ง ยังใหม่อยู่เจ้าค่ะ” จื๋อหย่าลุกขึ้นไปค้นหาในตู้ข้างนอกห้อง
ซ่งชูอีเพิ่งเข้ามาได้เพียงสองวัน จื๋อหย่าล้วนเป็นคนเก็บกวาดห้องหับ นางรู้เป็นอย่างดีว่ามีของมากน้อยเพียงใด
จื๋อหย่าเห็นซ่งชูอีกำลังคลุมหน้าอกของเด็กคนนั้น ก็รู้ว่านางจะเอาถุงน้ำร้อนไปทำอะไร จึงรีบวิ่งออกไปใส่น้ำร้อนจนเต็มแล้วเข้ามา
ซ่งชูอีทดสอบอุณหภูมิ ใช้เสื้อผ้าแห้งพันรอบแล้ววางไว้บนหน้าอกของเขา จากนั้นก็ใช้ผ้านวมห่อเด็กเอาไว้
“ผ้านวมเปื้อนแล้ว คืนนี้นายท่านจะนอนเยี่ยงไร?” จื๋อหย่ามองดูฟ้านวมสีขาวผืนใหม่พันอยู่รอบมนุษย์ดินตัวเล็กๆ ก็รู้สึกปวดใจเล็กน้อย ถ้าหากนางรู้ว่าซ่งชูอีถลุงแปดเก้าปู้ปี้เพื่อนำเด็กออกมาจากกองซากศพ น่ากลัวจะยิ่งคิดว่านางเป็นลูกที่ล้างผลาญสมบัติครอบครัวเป็นแน่
ไม่ใช่ว่าจื๋อหย่าไร้เมตตา ทว่าในสมัยนี้ บ่อยครั้งที่ชีวิตคนไม่คู่ควรกับผ้านวมหนึ่งผืนนี้จริงๆ
“มีไฟอยู่ ถึงอย่างไรก็พอจะทำอะไรได้บ้าง วันพรุ่งนี้ไปขอท่านพ่อบ้านอีกสองผืนเถิด” หลังจากซ่งชูอีวุ่นวายเสร็จแล้ว ก็นั่งลงข้างอ่างไฟ ผิงเสื้อผ้าบนตัวให้แห้ง
จื๋อหย่ากล่าวด้วยความกังวล “ท่านพ่อบ้านจะให้หรือ?”
“ก็แค่ผ้านวมสองผืน จวนหลงกู่ไม่ตระหนี่เช่นนั้นดอก” ในใจของซ่งชูอีรู้ดีว่าความประทับใจที่หลงกู่ชิ่งมีต่อตนนั้นเปลี่ยนไปอยู่บ้าง ยิ่งไปกว่านั้นบัดนี้นางลงแรงเพื่อรัฐเว่ย์ อีกทั้งยังอาศัยอยู่ในลานบ้านร่วมกับผู้อื่น เพียงต้องการผ้านวมเพิ่มสองผืนเพื่อกันหนาวเท่านั้น มิได้โอหังเกินไปเสียหน่อย
จื๋อหย่าเห็นว่านางพูดด้วยความมั่นใจ จึงกล่าวขึ้น “บ่าวทางนั้นยังมีผ้านวมสองผืน ถ้าหากนายท่านไม่รังเกียจ คืนนี้บ่าวใช้ผ้านวมผืนเดียวกับกับพี่สาวแล้วยกอีกผืนให้ท่าน”
จื๋อหย่ามาจากตระกูลขุนนาง จึงกล้ากล่าววาจาเช่นนี้ ถ้าหากเป็นสาวใช้จริงๆ การกล่าวเช่นนี้คือการดูถูกเจ้านายอย่างมิต้องสงสัย
“ไม่ต้อง จื่อเฉายังป่วยอยู่” ซ่งชูอีหันไปถาม “ข้าสั่งให้เจ้าก่อไฟ ก่อแล้วหรือยัง?”
“เรียนนายท่าน ก่อแล้วเจ้าค่ะ” จื๋อหย่าก้มหน้าเอ่ย
ซ่งชูอีชำเลืองมองนาง พยักหน้าเอ่ย “งั้นก็ดี”
ทันใดนั้นภายในห้องก็เข้าสู้ความเงียบงัน ฝ่ามือของจื๋อหย่ามีเหงื่อซึมเล็กน้อย นางรู้สึกว่าทั้งๆ ที่ตนมิได้ทำอะไรผิด ทว่าไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดจึงรู้สึกตื่นเต้น
ผ่านไปครู่หนึ่ง ซ่งชูอีชวนคุยไปเรื่อย “จื๋อหย่าชอบผู้ชายแบบใด?”
จื๋อหย่าตะลึงไปชั่วครู่ จู่ๆ หน้าก็แดง ตอบอ้ำๆ อึ้งๆ “บ่าว…บ่าวมิเคยคิดเจ้าค่ะ”
“เอ๊ะ? ครั้นคนเราโตขึ้น รู้จักความรู้สึกของคนหนุ่มสาวก็ต่างมีความปรารถนา มีหญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวกับเจ้าที่ไหนกันที่ไม่โหยหาความรัก มิต้องเขินอาย มา บอกให้ข้าฟัง ข้าจะหาคนดีๆ ให้เจ้า มิเช่นนั้นข้าจะหาตาเฒ่าให้เจ้าแล้ว” ซ่งชูอีทั้งหว่านล้อม ทั้งยั่วยวน ทั้งข่มขู่
จื๋อหย่ากล่าวด้วยความตื่นเต้น “บ่าวชอบผู้ชายแข็งแรง”
“ผู้ชายแข็งแรง?” ซ่งชูอีคุกเข่าอยู่หน้ากองไฟ รวบแขนเสื้อ ยื่นศีรษะออกไปข้างหน้า ยิ้มกว้างพร้อมเอ่ยถาม “ไม่ใช่แค่แข็งแรงกระมัง? มีเพียงกำลัง มิรู้หนังสือ กลัวว่าจะไม่รู้จักหวงแหนผู้อื่น”
จื๋อหย่าส่ายศีรษะหน้าแดง “บ่าวพูดไม่ถูก”
นางมิเคยกล่าวอย่างชัดเจน ทว่าเมื่อถามคำถามนี้ ซ่งชูอีกลับชัดเจนแล้ว ซ่งชูอีไม่แน่ใจว่าจื๋อหย่าชอบผู้ชายแบบใด แต่เกรงว่ามาตรฐานของนางสูงทีเดียว
“ไปเตรียมน้ำร้อนเถิด ข้าจะอาบน้ำ” ซ่งชูอีเก็บอารมณ์ซุบซิบนินทา พลันออกคำสั่ง
จื๋อหย่าตอบรับ วิ่งออกไปคล้ายหลบหนี
น้ำสามารถพยุงเรือได้ แต่ก็สามารถคว่ำเรือได้เช่นกัน ซ่งชูอียื่นนิ้วเคาะขอบเตียงเบาๆ ราวกับกำลังครุ่นคิด
เพียงครู่หนึ่ง ก็หันศีรษะยื่นมือเข้าไปในผ้าห่ม จับชีพจรของเด็กคนนั้น ชีพจรกลับมาเป็นปกติเล็กน้อย ทว่ายังไม่อาจมั่นใจได้ว่าจะมีชีวิตรอดหรือไม่
เมื่อครู่ขณะที่ซ่งชูอีใช้หิมะเช็ดตัวให้เขานั้น พบว่าเขามีรอยแผลจากหิมะกัดทั้งตัว บางบาดแผลแตกตัวจนมีน้ำไหล หากอยู่ในแวดล้อมที่อบอุ่นก็ยากที่จะรับประกันว่าจะไม่กลัดหนอง
ไม่นานจื๋อหย่าก็เตรียมน้ำร้อนเสร็จแล้ว หลังจากซ่งชูอีอาบน้ำก็อุ่นน้ำให้ร้อนอีกรอบ นำตัวเด็กคนนั้นลงไปแช่ในน้ำร้อน ช่วยเขาชำระล้างสิ่งสกปรกบนตัวร่วมกันกับจื๋อหย่า
จื๋อหย่ารักความสะอาดยิ่ง ซ่งชูอีแทบไม่ต้องลงมือเลย ครั้นนางเห็นจุดสกปรกก็อดไม่ได้ที่จะต้องกำจัดมันออกไป ซ่งชูอีก็มีความสุขและสะดวกสบายขึ้นมาก
เมื่อมองดูแล้วเด็กคนนี้นับว่าหน้าตาน่ารักใช้ได้ ทว่าใบหน้าแห้งผาก ความซีดเหลืองซ่อนตัวอยู่ในสีดำ เห็นแล้วไม่ชวนให้น่าเบิกบานใจนัก
หลังจากอาบน้ำให้เขาเสร็จก็ล่วงเลยเข้าสู่ยามดึกแล้ว
ซ่งชูอีพันเด็กด้วยผ้านวมแล้ววางลงบนเตียง จากนั้นก็พันตัวเองด้วยที่นอนบนเตียง แล้วหลับไหลอยู่ข้างอ่างเผาฟืน
รุ่งอรุณวันรุ่งขึ้น
ซ่งชูอียังไม่ทันลืมตา ก็ได้ยินเสียงไอรุนแรง
เป็นเสียงของเด็กคนนั้น! ซ่งชูอีลุกขึ้นพรวด ลากที่นอนเดินไปยังหน้าเตียงเล็ก เห็นใบหน้าน้อยๆ ซีดขาว ดวงตาทั้งคู่ปิดสนิท ริมฝีปากเป็นสีขาว เนื้อตัวสั่นเทาอยู่ในผ้านวม
ปังปังปัง! ปังปังปัง!
ในมารยาทนั้นแฝงไปด้วยโทสะ
วิธีเคาะประตูเช่นนี้ ซ่งชูอีใช้หัวแม่เท้าคิดก็รู้ว่าเป็นใคร นอกจากหนานฉีแล้วไม่มีคนอื่น เมื่อคืนซ่งชูอียุ่งจนหัวหมุน บัดนี้จึงคิดได้ว่าประตูติดตั้งเรียบร้อยแล้ว! ในใจพลันคิดว่าจีเหมียนดำเนินการได้เร็วทีเดียว
ซ่งชูอีลากที่นอนเดินไปเปิดประตู เห็นหนานฉีที่ใบหน้าซีดขาวและดวงตาแดงก่ำตามคาด
เขาจ้องนางด้วยความโหดร้าย ในขณะที่ซ่งชูอีคิดว่าเขากำลังจะระเบิดอารมณ์นั้น กลับเห็นเขายกมือขึ้นพรวด ยื่นขวดเล็กๆ สีแดงขวดหนึ่งให้นาง “แก้ไอจากลมหนาว! รีบให้คนผู้นั้นกินเสีย คืนนี้ข้ามิอยากได้ยินเสียงไออีก!”
มียาดี ไม่รับไว้จะเสียของเปล่า
ซ่งชูอียื่นมือรับ “คืนนี้จะไออีกหรือไม่ ก็ต้องดูว่ายาของเจ้ามีประสิทธิภาพเพียงใด ข้าจะควบคุมได้เยี่ยงไรกัน!”
หนานฉีขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน หมุนตัวอย่างแรง เดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็กลับหลังหันฉับพลัน “เป็นสาวงามจริงหรือ?”
“หากมิใช่สาวงามข้าจะลงแรงถึงเพียงนี้หรือ?” ซ่งชูอีโป้ปด ดวงตาก็ไม่กระพริบแม้แต่น้อย
“ดี” หนานฉีสะบัดแขนเสื้อจากไป
……………………………..