กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 1001
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 1001
ฮวาอิ่งหลบออกไปอย่างหวุดหวิด
แม้ว่าจะไม่ถูกเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์กัดศีรษะ ทว่าแขนของนางกลับถูกเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์กัดเป็นรูขนาดใหญ่
นางเองยังสงสัยว่าศีรษะของตัวเองได้ถูกเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์กัดไปหรือไม่
เลือดสดไหลออกมา
สีหน้าของฮวาอิ่งเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ทันใดนั้นเลือดที่ไหลออกมาก็เกาะเป็นน้ำแข็ง
จากนั้นร่างกายของนางก็ถูกเสาน้ำแข็งทิ่มแทงอย่างแรง
เสาน้ำแข็งทิ่มเข้าไปลึกจากแขนถึงสะบักและไปถึงหน้าอก ลามไปถึงแขน ขา กระดูก และแม้แต่ไขกระดูก
หนาว
หนาวเหน็บไปถึงกระดูก
เจ็บ
เจ็บปวดอย่างแสนสาหัส
ฮวาอิ่งรีบกระตุ้นกำลัง ทว่าก็สายไป
และที่ทำให้นางโกรธมากกว่านั้นคือ เยี่ยจิ่งหานใช้โอกาสนี้ในการใช้ค่ายกลสลักไฟ ไม่เพียงแค่ต้องการเผานางให้ตาย แถมยังต้องการทำให้วิญญาณของนางดับสลายอีกด้วย
นี่เป็นค่ายกลสลักไฟที่นางไม่อาจต้านทานได้
เมื่อมองไปทางขวานางก็เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยและน่ารังเกียจของกู้ชูหน่วน ทำให้ในหัวของนางมีภาพของอดีตหัวหน้าเผ่าปรากฏขึ้นมาในทุกการกระทำ
ฮวาอิ่งรู้สึกโมโหอย่างมาก
“ห้ารุมหนึ่ง ดีมาก พวกเจ้าช่างกล้าหาญมากจริงๆ อ๊า…..”
หลังจากเสียงคำรามก็มีพลังอันน่าสยดสยองระเบิดขึ้น ทุกคนต่างกระเด็นลอยออกไปจนอวัยวะต่างๆ พากันเคลื่อนที่
“ตุ่บ……”
“ตุ่บ……”
รองหัวหน้าเผ่าเหมือนมะเขือยาวที่ถูกน้ำแข็งทุบ เขาอาเจียนเป็นเลือดและล้มลงในจุดนั้น เขาอยู่ในอาการโคม่าและไม่รู้ว่ายังมีชีวิตหรือไม่
ศีรษะอันหนึ่งของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์แตกละเอียด ทำให้ราชางูเหลือมหยกเก้าเศียรต้องเหลืออยู่เพียงแปดเศียรเท่านั้น
มีเลือดไหลเต็มพื้นและเต็มตากู้ชูหน่วน
เยี่ยจิ่งหานและเหวินเส่าอี๋ก็ถูกแรงกระแทกด้วย พวกเขาถูกระเบิดจนมีเลือดไหลออกมา
ชุดสีม่วงและชุดสีขาวต่างแปดเปื้อนไปด้วยเลือด
และสุดท้ายก็กระแทกไปโดนถังเก็บน้ำและล้มลงด้วยกัน
เยี่ยจิ่งหานกล่าวออกมาอย่างยากลำบาก
“วรยุทธ์ระดับมนุษย์…..”
นางกลับไม่ได้มีวรยุทธ์ระดับเจ็ดขั้นสูงสุด
แต่กลับเป็นระดับมนุษย์
หลายร้อยปีมาแล้ว
ดินแดนวิญญาณเยือกแข็งหรือแม้แต่ดินแดนเยี่ยอวี่ก็ไม่เคยปรากฏวรยุทธ์ระดับมนุษย์มาก่อน
วรยุทธ์ระดับมนุษย์เป็นเรื่องในตำนานมาโดยตลอด
ทว่าตอนนี้…..
กลับมีคนที่มีวรยุทธ์ระดับมนุษย์
นางได้ไปถึงระดับมนุษย์ ทว่ากลับไม่เปิดเผยออกมา
เยี่ยจิ่งหานและเหวินเส่าอี๋รู้สึกได้ถึงความไร้ความสามารถที่อยู่ในใจของพวกเขา
วรยุทธ์ระดับเจ็ดก็ยากที่จะโจมตีกำจัดแล้ว
นับประสาอะไรกับระดับเจ็ดขั้นสูงสุด และถึงขั้นระดับมนุษย์…..
แววตาของกู้ชูหน่วนจับจ้องมองภาพของพวกเขาอย่างน่าเวทนาด้วยความจดจ่อ
ศีรษะของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ถูกระเบิด
เลือดของเยี่ยจิ่งหาน
แผลของเหวินเส่าอี๋
นางแทบไม่อยากจะคิดเลยว่า การโจมตีเมื่อสักครู่นั้น พวกเขายังมีชีวิตรอดหรือไม่
นางแทบจะรู้สึกได้ถึงชีวิตของพวกเขาที่กำลังหมดไป
“นาย…..นายท่าน…..เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์……เจ็บ……เจ็บเหลือเกิน……”
ข้างหู้นั้นมีเสียงร้องอันเจ็บปวดทรมานของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ดังขึ้น
รวมถึงน้ำตาของมันที่ไหลออกมา
กู้ชูหน่วนคำรามออกมาและทันใดนั้นก็ลุกขึ้นมา
นัยน์ตาสีดำเปลี่ยนเป็นสีแดงกระหายเลือดในทันที และจากนั้นก็ระเบิดความเกลียดชังที่น่ากลัวออกมาในทันใด
จากนั้นวรยุทธ์ระดับห้าขั้นสูงสุด เพิ่มไปถึงระดับหกขั้นต้น ระดับหกขั้นสูงสุด และถึงระดับเจ็ดขั้นกลาง ระดับเจ็ดขั้นสูงสุด
เป็นพลังที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก
ท้องฟ้าภายในเมืองหลวงค่อยๆ มืดลง
พลังอันน่าสะพรึงกลัวนี้ที่แม้แต่ฮวาอิ่งเองก็สั่นสะเทือน
นางจ้องมองดอกบัวสีขาวที่ปรากฏขึ้นบนศีรษะของกู้ชูหน่วนอย่างเหม่อลอย
ใช่นาง
นางกลับมาแล้ว
นางก็เป็นแค่ดวงวิญญาณดวงหนึ่งเท่านั้น
ทว่ากลับสามารถใช้พลังฟื้นฟูไปถึงตอนที่นางอยู่ในขั้นสูงสุดได้
กู้ชูหน่วนกล่าวออกมา
“เจ้าสมควรตาย”
“ครื่น……”
พื้นดินและภูเขาสั่นสะเทือน
ท้องฟ้ากำลังจะพังทลายลงมา
ลานพิธีเกิดรอยร้าวและหลุมลึกเป็นจำนวนมากจากการต่อสู้กันของพวกเขา ราวกับเกิดแผ่นดินไหวระดับสิบสองริกเตอร์
ทว่าเหวินเส่าอี๋และเยี่ยจิ่งหานกลับไม่มีอารมณ์ดูพวกเขาต่อสู้กัน
เพราะพวกเขากระแทกไปโดนถังเก็บน้ำจนแตก
ทำให้เลือดไหลออกมาและรวมเข้าด้วยกัน
เหตุใดเลือดของพวกเขาถึงรวมเข้าด้วยกัน?
ไม่ใช่มีเพียงเลือดเนื้อของญาติที่จะหลอมรวมกันเป็นหนึ่งหรอกหรือ?
ทั้งสองจ้องตากัน เยี่ยจิ่งหานและเหวินเส่าอี๋ต่างรู้สึกต่างตกตะลึงและสับสน
การที่เลือดบริเวณหนึ่งหลอมรวมเป็นหนึ่งอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญ
ทว่าสองตำแหน่ง สามตำแหน่ง สี่ตำแหน่ง หรือกี่ครั้งต่อกี่ครั้งเลือดก็หลอมรวมกันเป็นหนึ่ง เช่นนี้จะอธิบายได้อย่างไร?
“เหตุ…..เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้…..อั่ก……”
ไม่รู้ว่าตกใจหรือว่าเจ็บทำให้เยี่ยจิ่งหานกระอักเลือดออกมาอีกครั้งและสาดกระเซ็นไปที่ร่างกายของเหวินเส่าอี๋ ทำให้หลอมรวมเป็นหนึ่งกับเลือดของเหวินเส่าอี๋
เป็นไปตามที่คาดคิดไว้ว่าเลือดได้หลอมรวมกันเป็นหนึ่งอีกครั้ง
ใบหน้าที่แนบกับพื้นทำให้พวกเขารู้สึกหนาวเหน็บจนสั่นสะท้าน ทว่ากลับไม่สามารถทำให้พวกเขารู้อะไรได้อย่างชัดเจน
ทว่ากลับหลับตาลงช้าๆ เพราะอาการบาดเจ็บสาหัส เหลือเพียงความสงสัยที่ไม่อาจอธิบายได้
“เซี่ยวอวี่เซวียนอยู่ที่ไหน?”
“ปัง ปัง ปัง…….”
“ตู้ม ตู้ม ตู้ม……”
การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือดและผู้คนโดยรอบก็ต่างมองไม่ชัดเจน ทำได้เพียงพากันหลบอย่างสุดชีวิตและในหูก็ได้ยินเสียงกู้ชูหน่วนคำรามออกมาเสียงดัง
“เขาตายไปแล้วและไม่มีทางปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเจ้าได้อีก”
“หากเขาตายแล้ว ข้าจะให้เจ้าต้องสังเวยชีวิตให้กับเขา”
“ตู้ม……”
“ไม่มีทาง เป็นไปไม่ได้ เจ้าเป็นแค่เพียงดวงวิญญาณดวงหนึ่งเท่านั้น เหตุใดถึงรู้กระบวนต่อสู้เหล่านั้นได้”
“เจ้าทำร้ายเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ ทำร้ายเยี่ยจิ่งหาน ทำร้ายเหวินเส่าอี๋ ทำร้ายเซี่ยวอวี่เซวียน เจ้าสมควรต้องตาย”
“ต่อให้เจ้ามีความสามารถมากแค่ไหน แต่ก็มีวรยุทธ์แค่ระดับเจ็ดขั้นสูงสุดเท่านั้น ยังห่างไกลจากระดับมนุษย์อีกเยอะ เจ้า…..ซี๊ด…..มหาเวทดูดพลัง เจ้าสามารถใช้วิชามหาเวทดูดพลังได้ด้วยหรือ”
“เช่นนั้นข้าจะลองดูว่ามหาเวทปีศาจชั่วร้ายของเจ้าหรือมหาเวทดูดพลังของข้า อันไหนจะร้ายกาจกว่ากัน”
“ตู้ม……”
หลังจากเสียงที่ดังกึกก้อง การต่อสู้ที่ลานพิธีก็หยุดลง
ทำให้ลานพิธีถูกทำลายในพริบตาและกลายเป็นเถ้าถ่าน
หยางโม่ ท่านอ๋องเสวี่ยและคนอื่นที่หลบหนีออกไปต่างพากันเบิกตากว้าง
“นี่…..เกิดอะไรขึ้น ลานพิธีล่ะ ลานพิธีหายไปไหน?”
“มู่หน่วนล่ะ มู่หน่วนหายไปไหน เหตุใดถึงหามู่หน่วนไม่เจอ?”
“ฝ่าบาท เร็วเข้า รีบหาฝ่าบาท เร็วเข้า…..”
“หัวหน้า……หัวหน้าเผ่า เผ่าเพลิงฟ้าทุกคนฟังให้ดี ต้องหาตัวหัวหน้าเผ่าให้เจอไม่ว่าเป็นหรือตาย”
“…….”
ทุกคนต่างโกลาหลวุ่นวาย มีเสียงร้องไห้ บาดเจ็บและกรีดร้องโอดครวญดังออกมาอย่างต่อเนื่อง
วันนี้ถูกกำหนดให้เป็นวันที่ไม่ธรรมดา
ประวัติศาสตร์ของรัฐปิงได้ถูกเขียนขึ้นใหม่อีกครั้ง
และเมื่อกู้ชูหน่วนฟื้นขึ้นมา เวลาก็ได้ผ่านไปแล้วสองเดือนเต็ม
นางลืมตาขึ้นมา สิ่งที่เห็นคือเตียงหรูหราและห้องนอนที่ดูแปลกตาและหรูหรา
“ฝ่าบาท ในที่สุดพระองค์ก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว ขอบคุณสวรรค์ โชคดีเหลือเกินที่ฝ่าบาทไม่เป็นอะไร ส่งคนเข้ามาเร็วเข้า รีบไปรายงานท่านอ๋องเสวี่ยเร็วเข้า”
กู้ชูหน่วนรู้สึกปวดศีรษะอย่างมาก
นางรู้สึกเจ็บปวดร่างกายจนแทบทนไม่ได้
จนนางแทบไม่กล้าขยับ
เมื่อขยับก็รู้สึกว่าร่างกายกำลังแตกร้าวและหักลง
“เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ?”
“ฝ่าบาท ฝ่าบาทคือฝ่าบาทของพวกหม่อมฉันเพคะ”
“เดี๋ยวก่อน ฝ่าบาทอะไรกัน?”
หรือว่านางตายลงอีกครั้งแล้ว
“ฝ่าบาท ฝ่าบาทลืมไปแล้วหรือเพคะ ฝ่าบาทคือจักรพรรดินีของรัฐปิงไงเพคะ เมื่อสองเดือนก่อนฝ่าบาทได้กำจัดจักรพรรดินีตัวปลอมและได้ช่วยรัฐปิงของเราไว้เพคะ”
ความทรงจำกำลังถาโถมขึ้นมา
ดูเหมือนว่ากู้ชูหน่วนจะจำอะไรได้ขึ้นมา
นางจำได้ว่าเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ เยี่ยจิ่งหานและเหวินเส่าอี๋ต่างได้รับบาดเจ็บ
และเมื่อนางโมโหขึ้นมาพลังในร่างกายก็ระเบิดขึ้นและได้ต่อสู้อยู่กับจักรพรรดินีตัวปลอมอยู่หลายวันหลายคืน
หลังจากนั้น
หลังจากนั้นนางก็จำอะไรไม่ได้
“ฝ่าบาทเก่งกาจอย่างมากเลยเพคะ วรยุทธ์ของจักรพรรดินีตัวปลอมคนนี้อยู่ในระดับของมนุษย์ ทว่ากลับถูกฝ่าบาทกำจัดฆ่าสังหารลงได้”
“นางตายไปแล้วหรือ?”
เหตุใดนางถึงจำไม่ได้เลยสักนิด
“ใช่เพคะ ท่านอ๋องเสวี่ยได้สั่งให้คนออกตามหาศพของนางไปทั่วลานพิธี แต่ก็ไม่พบศพของนางและคาดว่าคงตายไปอย่างไร้ซากศพแล้วเพคะ”
กู้ชูหน่วนคว้าตัวนางโดยไม่สนใจความเจ็บปวดบนร่างกาย
“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ เยี่ยจิ่งหานและคนอื่นๆ ล่ะ?”