กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 101
กู้ชูหน่วนลองสัมผัสอุณหภูมิของน้ำในหม้อ น้ำนั้นเย็นมากจนทำให้มือของนางแข็ง
“แหมๆๆ ไม่รู้จริงๆ ว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา เหตุใดท่านจึงไม่แข็งตาย”
“คุณหนูสาม” ชิงเฟิงเตือน
“จะตะโกนเสียงดังทำไม ข้าไม่ได้หูหนวกเสียหน่อย ใช้ยาผงนี่โรยไปรอบๆ ขอบหม้อ เสร็จแล้วก็ใส่งูพิษกับแมงป่องทั้งหมดนั่นลงไป”
“ว่าไงนะ… มันจะไม่ทำลายยารึ นั่นมันสิ่งมีชีวิตทั้งนั้น ถ้ามันกัดนายท่านล่ะจะทำอย่างไร”
“ข้าไม่ต้องการหรอกนะถ้ามันไม่มีชีวิตน่ะ รีบๆ เถอะ เดี๋ยวน้ำก็แข็งอีกหรอก พวกเจ้าจับงูพิษมาได้กี่ตัวก็ไม่มีประโยชน์”
“นายท่าน…”
พวกเขาสองคนจะกล้าทำเรื่องชั่วร้ายแบบนี้ได้อย่างไร ทั้งคู่มองเยี่ยจิ่งหานและรอฟังคำสั่งของเขา
ดวงตาที่มืดมนของเยี่ยจิ่งหานเป็นประกายวาบ เขาค่อยๆ เอ่ยออกมาว่า “ทำตามนั้น”
ชิงเฟิงและเจี้ยงเสวี่ยปาดเหงื่ออีกครั้ง
ทว่าคราวนี้เป็นเหงื่อที่เย็นเยียบ
ฟันของพวกเขาสั่นระริกขณะที่เทตะขาบ แมงมุม และสัตว์มีพิษอื่นๆ ลงไป แม้แต่จิตใจก็ตึงเครียดสุดขีด
ทันทีที่สัตว์มีพิษเหล่านั้นตกลงไปพวกมันก็ว่ายวนอยู่ในหม้อ นอกจากจะไม่กัดเยี่ยจิ่งหาน พวกมันยังกลัวเขาด้วย
พวกมันอยากออกมาจากหม้อแต่ดูเหมือนจะกลัวผงยาที่ขอบหม้อ ดังนั้นจึงทำอะไรไม่ได้นอกจากว่ายวนอยู่ในที่แคบอย่างไม่สบายใจ
ชิงเฟิงและเจี้ยงเสวี่ยรออยู่พักหนึ่งก็ยังไม่เห็นว่าสัตว์พิษเหล่านั้นจะกัดผู้เป็นนายของพวกเขา ดังนั้นจิตใจจึงค่อยคลายความตึงเครียดลง
นับว่าคุณหนูสามตระกูลกู้ยังเชื่อถือได้ ถ้าสัตว์มีพิษเหล่านี้กัดผู้เป็นนายเข้าจริงๆ พวกเขาไม่รู้เลยว่าจะต้องทำอย่างไร
“มัวใจลอยทำอะไรอยู่ เอายามาให้ผู้เป็นนายของพวกเจ้าดื่มอีกถ้วยสิ”
กู้ชูหน่วนนั่งไขว่ห้างออกคำสั่งอย่างเกียจคร้าน
เจี้ยงเสวี่ยนำยามาให้
เยี่ยจิ่งหานเหลือบมองยาสีดำสนิทในถ้วย เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะดื่มหมดในรวดเดียว
“เอ้า”
กู้ชูหน่วนโยนผลไม้เชื่อมให้เขาพลางหาวหวอด “กินผลไม้เชื่อมสักชิ้นจะได้ไม่ขมปาก จิตใจจะได้ไม่ขมด้วย”
เยี่ยจิ่งหานรับไว้ได้และมองดูผลไม้เชื่อมในมือ ในใจรู้สึกสับสนเล็กน้อย
เขาเกิดมาพร้อมกับพิษประหลาดและต้องดื่มยามาตลอดตั้งแต่จำความได้ ตลอดชีวิตนี้ สิ่งที่เขาไม่ชอบกินมากที่สุดก็คือยา
ไม่มีใครรู้ว่าเขากลัวความขม แม้แต่เสด็จแม่ก็ยังไม่รู้
ตลอดหลายปีมานี้เขาคุ้นเคยกับการทำตัวให้เข้มแข็งต่อหน้าคนอื่น ดังนั้นเขาจึงไม่กินผลไม้เชื่อม
ผู้หญิงคนนี้ให้เขาดื่มยาสองครั้งและให้ผลไม้เชื่อมแก่เขาทั้งสองครั้ง
นางรู้อย่างนั้นหรือว่าเขากลัวความขม…
ถึงแม้กู้ชูหน่วนจะทำให้เขาโกรธอยู่หลายครั้งหลายคราจนเกือบจะอายุสั้น แต่ทันใดนั้นเยี่ยจิ่งหานก็เริ่มรู้สึกดีกับกู้ชูหน่วนมากขึ้นเล็กน้อย
ทว่าความรู้สึกดีๆ นี้คงอยู่เพียงชั่วประเดี๋ยวเดียวเท่านั้น
เพราะทันทีที่เขาดื่มยาถ้วยนั้นเข้าไป แมลงพิษและงูพิษเหล่านั้นก็เคลื่อนไหวราวกับมองเห็นเหยื่อ จากนั้นพวกมันก็เข้ามารุมแย่งกันกัดเขาทันที
“อึก…”
เยี่ยจิ่งหานเจ็บปวด เขาคิดจะยกมือขึ้นเพื่อจับสัตว์มีพิษเหล่านั้นออกไป แต่แล้วเขาก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าร่างกายของตนเองอ่อนปวกเปียก แค่จะยกมือขึ้นก็ยังไม่มีแรง
ชิงเฟิงและเจี้ยงเสวี่ยตกใจมาก พวกเขาตวัดดาบไปจ่อที่ลำคออันบอบบางของกู้ชูหน่วน “ท่านทำอะไรกับนายท่าน”
เจี้ยงเสวี่ยไม่สนใจสิ่งใดและถลันไปที่หม้อ พยายามจะดึงเทพแห่งสงครามขึ้นมา
กู้ชูหน่วนกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ถ้าเจ้าดึงเขาขึ้นมา ข้ากล้ารับประกันได้เลยว่าเขาจะไม่มีชีวิตรอดพ้นคืนนี้แน่นอน”
คำพูดเพียงประโยคเดียวทำให้มือของเจี้ยงเสวี่ยสั่นจนควบคุมไม่ได้
เขาจะดึงก็ไม่ดึง
จะว่าไม่ดึงก็ไม่ใช่
ทำได้เพียงนิ่งอยู่อย่างนั้น
“ท่านจงใจจะสังหารนายท่านใช่หรือไม่” ชิงเฟิงโวยวาย
“พิษต้องล้างด้วยพิษ เป็นการกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต เจ้าเข้าใจหรือไม่ ถ้าไม่มีสัตว์พิษเหล่านี้ เลือดพิษในตัวเขาจะสั่นไหวได้ยังไง”
ชิงเฟิงกับเจี้ยงเสวี่ยดูเหมือนจะเข้าใจ พวกเขาจ้องมองกู้ชูหน่วนอย่างระมัดระวัง
เยี่ยจิ่งหานกัดฟันอดทนต่อคลื่นแห่งความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาลูกแล้วลูกเล่า เขาเอ่ยลอดไรฟันออกมาสั้นๆ “ปล่อยนาง”
“นายท่าน…”
เยี่ยจิ่งหานหลับตา
ตลอดหลายปีมานี้เขาอดทนต่อความเจ็บปวดมาได้เสมอ แค่ถูกสัตว์มีพิษกัดแค่นี้มีหรือจะทนไม่ได้
แม้ว่าจะเจ็บปวดสักเพียงใดเขาก็ยังขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเอ่ยออกมา
“กู้ชูหน่วน…”
เสียงแห่งความโกรธเกรี้ยวนี้ทำให้ทุกคนที่อยู่ในห้องตกใจ ตกใจไปถึงทุกคนที่อยู่ในจวน แม้แต่ผู้คนที่อยู่ในนครหลวงยังสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว
นี่คือพลังอำนาจอันน่าเกรงขามของผู้เป็นกษัตริย์