กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 1039
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 1039
เยี่ยจิ่งหานกล่าว “ฝ่าบาท พวกเขาล้วนมีผ้าซูจิ่น กระหม่อมก็ควรมีด้วยเช่นกันใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ? กระหม่อมจำได้ว่าฝ่าบาทยืมเงินตำลึงจากกระหม่อมไปก็ไม่น้อย คืนนี้ก็เป็นวันที่ต้องคืนเงินที่ยืมไปพอดี ไม่งั้นฝ่าบาทคืนเงินที่ยืมกระหม่อมไปมาก่อนดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ”
กู้ชูหน่วน “……”
“อ้อ กระหม่อมเข้าวังมาก็สองเดือนเศษและยังไม่ได้เบี้ยหวัดเลย ฝ่าบาท ไม่ทราบว่ากระหม่อมยังใช่พระสวามีของฝ่าบาทอีกหรือไม่? ไม่ทราบว่ากระหม่อมยังมีเบี้ยหวัดให้ได้รับอีกหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
กู้ชูหน่วน “……”
“ส่วนดอกเบี้ย กระหม่อมไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยอะไร กระหม่อมต้องการเพียงผ้าซูจิ่นจำนวนหนึ่งร้อยผืนเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ”
สีหน้าของกู้ชูหน่วนดำคล้ำขึ้นยิ่งกว่าก้นหม้อสีดำ
นางไอกระแอมสองสามครั้ง “แค่กๆ พวกเจ้าออกไปให้หมด ข้าจะอยู่ชมจันทร์กับพระสวามีทั้งสองและหวงกุ้ยจวินเพียงลำพังเท่านั้น”
บรรดานางกำนัลและคนอื่นๆ ต่างพากันออกไปด้วยความรู้สึกอดไม่ได้ที่จะสงสารกู้ชูหน่วน
เป็นถึงจักรพรรดินี ทว่าสนมวังหลังกลับไม่มีความเกรงใจนางเลยสักนิดเดียวและพูดจาไม่ให้เกียรตินางเลยแม้แต่นิดเดียว
อีกทั้งยังขอเงินรางวัลตอบแทนจากฝ่าบาทกันซึ่งๆ หน้า
น่าสงสารมาก
เมื่อบรรดานางกำนัลและคนรับใช้ต่างถอยออกไปหมดแล้ว ตอนนี้ก็เหลือเพียงพวกเขาสี่คน
สีหน้าของกู้ชูหน่วนเปลี่ยนไปทันที
“เยี่ยจิ่งหาน เหวินเส่าอี๋ พวกเจ้าคิดเป็นศัตรูกับข้าอย่างนั้นหรือ?”
เหวินเส่าอี๋แสดงสีหน้าไร้เดียงสา “ฝ่าบาท ข้าเพียงต้องการเบี้ยหวัดของข้าคืนเท่านั้น ข้าผิดหรือ?”
“เจ้ายังต้องการผ้าซูจิ่น”
“ตามกฎของรัฐปิงแล้ว หลังจากอภิเษกสมรสแล้ว ฝ่าบาทจะต้องให้รางวัลตอบแทนตามสถานะของเขา ข้าเป็นพระสวามีเอกของฝ่าบาท ข้าต้องการแค่ผ้าซูจิ่นคงไม่ได้มากเกินไปใช่ไหม? หรือฝ่าบาทจะยึดประเพณีธรรมเนียมโบราณในการมอบรางวัลตอบแทนให้ข้า? ถ้าฝ่าบาทไม่อยากทำตามธรรมเนียมประเพณีที่มีมาแต่โบราณก็ไม่เป็นไร”
กู้ชูหน่วนโมโห
ทว่านางกลับไม่มีเหตุผลอะไรมาหักล้างที่เขาพูดออกมา และทำได้เพียงระเบิดความโกรธใส่เยี่ยจิ่งหาน
“ข้าไม่ต้องรักษาหน้าของข้าหรืออย่างไร? ไม่เห็นหรือว่าเมื่อสักครู่มีนางกำนัลและคนรับใช้อยู่มากแค่ไหน?”
“ฝ่าบาท ฝ่าบาทเคยให้เกียรติข้าด้วยหรือ?”
“ข้าไม่เคยให้เกียรติเจ้าตั้งแต่เมื่อไร?”
“ข้าเยี่ยจิ่งหานเป็นชายรูปงามและเป็นถึงเทพแห่งสงครามที่มีชื่อเสียงโด่งดังของรัฐเยี่ย ทว่าฝ่าบาทกลับใช้โอกาสตอนที่ข้านอนหลับบีบบังคับให้ข้าเป็นสนมของฝ่าบาท เรื่องนี้ฝ่าบาทจะว่าอย่างไร?”
กู้ชูหน่วนเอามือกุมหน้าอก
ไม่ช้าก็เร็วนางต้องถูกสองคนนี้โมโหจนตายแน่ๆ
เขาหมดสติ คิดว่านางไม่ได้หมดสติอย่างนั้นหรือ?
หากนางมีสติดีและไม่ได้หมดสติไป นางไม่มีทางแต่งงานกับพวกเขาเหล่านี้หรอก
“งั้นเจ้าจะให้ข้าทำอย่างไร?”
“ไม่ยาก ยกเลิกสนมทั้งหมดในวังหลังออกไป รวมถึงเหวินเส่าอี๋ หรือไม่ก็รีบหาสิ่งที่ข้าต้องการให้เจอโดยเร็ว”
ก่อความวุ่นวายไม่รู้จบ
นางก็คอยตามหาอยู่ตลอดเวลาไม่ใช่หรือ?
เขาบ้าไปแล้วหรือไง?
อี้หยุนเฟยทนไม่ได้จึงได้กล่าวขึ้นมา “คิดไม่ถึงเลยว่าพระสวามีเอกและพระสวามีรองจะเป็นคนตระหนี่ถึงเพียงนี้ ฝ่าบาท ก็แค่ผ้าซูจิ่นไม่กี่ผืนไม่ใช่หรือ? ให้พวกเขาไปแล้วต่อไปก็ไม่ต้องไปหาพวกเขาอีก ฝ่าบาทมาที่เรือนอี้หยุนได้ตลอดเวลา ข้าจะเป็นคนที่คอยอยู่กับฝ่าบาทเอง จะได้ไม่ต้องเสียสุขภาพ”
กู้ชูหน่วนนั่งลงอย่างหมดเรี่ยวแรง บรรยากาศและทิวทัศน์ของที่นี่ดีแค่ไหนนางก็ไม่มีอารมณ์จะไปชื่นชมอะไร
นางแต่งงานกับคนแบบไหนกัน
อาม่อเป็นคนสติไม่ค่อยดีก็แย่แล้ว
เขาเองก็เสียสติไปแล้วหรืออย่างไร?
หากนางมีเงินนางให้พวกเขาไปนานแล้ว เหตุใดถึงต้องติดหนี้นานขนาดนี้?
ใครก็ได้มาบอกนางทีว่าทำไมนางต้องมาเป็นจักรพรรดินีอะไรนี่ด้วย?
ข้างหูมีแต่เสียงดังโหวกเหวกโวยวาย
กู้ชูหน่วนเอามือปิดหูและหมดแรงที่จะไปต่อล้อต่อเถียงกับพวกเขา
นางไม่รู้เลยว่าคืนนี้นางจะอดทนผ่านไปได้อย่างไร
และไม่รู้ว่าจะกลับไปที่ห้องตำราหลวงได้อย่างไร
ภายในห้องตำราหลวง องครักษ์คุกเข่าลงพร้อมกับรายงานด้วยน้ำเสียงที่ดังชัดถ้อยชัดคำ
“นายท่าน เยี่ยจิ่งหานและเหวินเส่าอี๋จงใจยื้อเวลาและสร้างความบาดหมางระหว่างท่านและหวงกุ้ยจวิน เพื่อดึงดูดยอดฝีมือที่คอยดักซุ่มคุ้มกันหวงกุ้ยจวิน พวกเขาล้วนต่างส่งยอดฝีมือเข้าไปในเรือนอี้หยุนเพื่อเข้าไปตามหาดวงวิญญาณ”
กู้ชูหน่วนลูบคางและสั่งให้พวกเขาออกไปด้วยสีหน้าเฉยเมย
ฝีมือของแสดงของพวกเขาสองคน หากไม่มอบรางวัลอะไรให้เลยก็คงน่าเสียดายอยู่ไม่น้อย