กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 1059 ข้าอนุญาตแล้วงั้นหรือ
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ 1059 ข้าอนุญาตแล้วงั้นหรือ
“ฟัพ……”
ทันใดนั้นหมอกสีดำขนาดใหญ่ก็กระจายตัวไปทั่ว ก่อตัวเป็นก้อนเล็ก ๆ พุ่งไปยังช่องลมปราณของผู้อาวุโสโหรงและผู้อาวุโสฉี
หมอกสีดำนั้นยากจะป้องกัน มันแข็งแกร่งและทรงพลัง ผู้อาวุโสโหรงและผู้อาวุโสฉียืนหยัดต่อไปไม่ไหว พวกเขาล้มลงพื้นด้วยอาการบาดเจ็บที่รุนแรงและกระอักเลือดออกมา
ฮวาอิ่งหัวเราะพร้อมกล่าวว่า “ในยอดฝีมือระดับหกด้วยกัน พวกเจ้าเองมันก็แค่นั้น เมื่อเทียบกับเยี่ยจิ่งหานและเหวินเส่าอี๋ พวกเจ้ายังห่างชั้นกับพวกเขาอีกไกล”
“ฝ่าบาท พวกข้าจะเป็นคนขวางนางไว้ ท่านรีบไปหาพวกจักรพรรดิน้ำแข็ง”
ผู้อาวุโสโหรงและผู้อาวุโสฉีร่ายมนตร์อีกครั้งเพื่อสร้างกำแพงกั้น ขัดขวางฮวาอิ่งด้วยชีวิตของพวกเขา
พวกเขารู้ว่าวรยุทธ์ของฮวาอิ่งนั้นสูงส่ง เพียงแต่พวกเขาคิดไม่ถึงว่า ความต่างชั้นของพวกเขาจะมากถึงเพียงนี้
“คิดหนีงั้นหรือ ฮึฮึ……ข้าอนุญาตแล้วงั้นหรือ?”
เกิดการเปลี่ยนแปลงกับหมอกสีดำอีกครั้ง กลายเป็นกะโหลกนับหมื่น อ้าปากกลืนกินกำแพงกั้น เสียงแตกหักดังลั่นขึ้นมา
“แครก……”
กำแพงกั้นเริ่มบางลงเรื่อย ๆ และมีหลายจุดที่เริ่มแตกสลาย
สีหน้าของผู้อาวุโสโหรงและผู้อาวุโสฉีแย่ลงไปทุกที
“พลังของนางเกรงว่าจะเหนือกว่ายอดฝีมือระดับเจ็ด ผู้อาวุโสฉี ข้าจะขวางนางไว้เอง เจ้ารีบพาฝ่าบาทกลับตำหนัก”
“นางแข็งแกร่งเกินไป เจ้าคนเดียวไม่มีทางขวางนางไว้ได้ ไม่ได้ ให้ข้าเป็นคนขวางนางไว้ ส่วนเจ้า รับพาฝ่าบาทกลับไป”
“ข้าขวางนางไว้ไม่ได้ แล้วเจ้าจะขวางนางได้อย่างไร? อีกอย่างชีวิตของฝ่าบาทนั้นสำคัญยิ่ง เจ้ารีบไปเถิด”
ชายทั้งสองอดกังวลกับสถานการณ์อันเลวร้ายซึ่งเกิดขึ้นไม่ได้
พวกเขาพยายามอย่างเต็มที่ แต่ดีที่สุดก็ทำได้เพียงปกป้ององครักษ์หลายร้อยชีวิตจากวังวนแห่งหายนะเท่านั้น ไม่สามารถทำลายวังวนแห่งความรุนแรงได้ ทำได้เพียงเฝ้ามองผู้อาวุโสโหรง ผู้อาวุโสฉีและพวกของอี้หยุนเฟยตกอยู่ในอันตราย
ชายชราผู้เป็นยอดฝีมือระดับหกที่อยู่ในวังวนกล่าวว่า “ยายปีศาจเฒ่า เก่งจริงก็ลองมาสังหารข้าดู”
ฮวาอิ่งชำเลืองมองผู้คนที่ดิ้นรนอย่างทรมานอยู่ในวังวน นางแสยะยิ้มออกมา
“ข้ามิชอบฆ่าใครโดยตรง ปล่อยให้พวกเจ้าดิ้นรนต่อไปอย่างทรมานและตายไปอย่างเจ็บปวดมันไม่น่าสนใจมากกว่างั้นหรือ?”
สะบัดแขนเสื้อ ความรุนแรงของวังวนก็เพิ่มมากขึ้น
ชายชราทั้งสองถูกแรงกดอันมหาศาลทับถมจนแทบหายใจไม่ออก ขาทั้งสองข้างถูกบังคับให้คุกเข่าลงกับพื้น พวกเขาทำได้เพียงกัดฟันดิ้นรนต่อไป
สะบัดคอของนางสองสามครั้ง จ้องมองไปที่อี้หยุนเฟยอย่างชั่วร้าย
“ถึงตาเจ้าแล้ว เจ้าเด็กเหลือขอ”
“ฝ่าบาท รีบหนีไป หนีไป……”
ฮวาอิ่งเคาะนิ้วเท้าของนาง ฝ่ามือขนาดใหญ่ตกลงมาจากด้านบนศีรษะของอี้หยุนเฟย
ผู้อาวุโสโหรงและผู้อาวุโสฉีไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากฝืนอาการบาดเจ็บของพวกเขา โจมตีออกมาอย่างสุดแรงเพื่อกำจัดเหล่ากะโหลก ปรับเปลี่ยนพลังวิญญาณกลายเป็นดาบตรง พุ่งเข้ามาทางฮวาอิ่งเพื่อขัดขวางนาง
“จะต่อต้านอย่างสิ้นหวังไปเพื่ออะไร ฮึ……”
โลกสูญเสียสีสันอีกครั้ง
หมอกที่ชั่วร้ายกลายเป็นเหมือนเส้นด้าย และด้านมากกว่าหมื่นเส้นก็พุ่งทะลุร่างของผู้อาวุโสโหรงและผู้อาวุโสฉี
วิชาของทั้งสองถูกยับยั้ง แม้คิดจะใช้ก็ใช้ออกมาไม่ได้
กระบวนท่าของผู้มีวรยุทธ์สูง ทุกวินาทีล้วนมีค่า
หากพลาดแม้แต่นิดเดียวจะต้องพบกับจุดจบที่แสนอนาถ
ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาทั้งสองไม่สามารถใช้วิชาออกมาได้
เสียงกรีดร้องดังขึ้นมาติดต่อกันสองครั้ง
ผู้อาวุโสโหรงและผู้อาวุโสฉีล้มลงกับพื้นอย่างรุนแรง ไม่สามารถลุกขึ้นมาได้อีก
“เจ้า……เจ้า……”
“เจ้าอยากถามว่า เหตุใดพิษที่พวกเจ้าใช้ออกมาเมื่อครู่ถึงย้อนกลับไปหาพวกเจ้าใช่ไหม? ฮึฮึฮึ……ก็เพราะว่าข้าเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านการใช้พิษ โดยเฉพาะการนำพิษมาต่อต้านพิษ และส่งผลของมันกลับคืนไป ดังนั้นพวกเจ้าเองก็ถูกพิษเหมือนข้า แต่พวกเจ้านั้นอ่อนแอเกินไป จึงเอามาเทียบกับข้าไม่ได้”
“ฟิ้ว……”
แรงดึงจากมือ
อี้หยุนเฟยถูกฮวาอิ่งใช้พลังดึงเข้าไป มือของนางจับอยู่ที่คอของเขา
“ฝ่าบาท……”
วิญญาณของทุกคนแทบจะหลุดออกจากร่าง
หากนางออกแรงบีบ เจ้านายของพวกเขาจะโดยไม่มีข้อสงสัย
บัดซบ ทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงได้แข็งแกร่งถึงเพียงนี้
“รูปร่างหน้าตาดี แต่น่าเสียดายที่เจ้าเหมือนกับอี้เฉินเฟยจนเกินไป และอี้เฉินเฟยก็เป็นคนในใจของผู้หญิงสารเลวนั่น ไม่อย่างนั้นข้าอาจจะพิจารณาไว้ชีวิตเจ้า”