กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 1078 ไม่มีโอกาสได้ฝังศพ
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 1078 ไม่มีโอกาสได้ฝังศพ
ใบหน้าของฮวาอิ่งเป็นหลุมเป็นบ่อ เป็นรอยแยก ดูน่าเกลียดเป็นอย่างมาก
ในเวลานี้ ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความดุร้ายเพราะความโกรธ และมันยิ่งทำให้น่ากลัวขึ้นไปอีก
“เจ้าโง่ที่ไร้ประโยชน์อย่างเจ้า ช่างปากดีเหลือเกิน เจ้าคนต่ำทราม”
“ถึงจะต่ำทราม แต่ข้าก็ไม่ต่ำทรามเหมือนกับเจ้า ใบหน้าดี ๆ และกลับทำร้ายตัวเองเพียงเพราะต้องการให้ผู้อื่นรังเกียจ คนอื่นไม่ต้องรังเกียจหรอก เจ้ารังเกียจตัวเองไปก่อนเลย”
กระดิ่งในมือของฮวาอิ่งดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับจิตสังหารที่พลุ่งพล่าน
ไม่รู้ว่าเหวินเฉิงเทียนที่กำลังสู้อยู่กับเยี่ยจิ่งหานและเหวินเส่าอี๋เป็นบ้านอะไรขึ้นมา เขาเลิกรังควานเยี่ยจิ่งหาน และพุ่งเป้าหมายไปยังจอมมาร
แม้แต่หุ่นเชิดระดับหกที่ถูกขังอยู่ในค่ายกลเองก็โจมตีอย่างบ้าคลั่ง พยายามทำลายค่ายกลเพื่อออกมาสังหารจอมมาร
เหวินเส่าอี๋ไม่สนใจ เจ้าจอมมารนั่นมันไร้ประโยชน์ และเยี่ยจิ่งหานเองก็หมดปัญหาที่จะไปขวางเหวินเฉิงเทียน
ขั้นสูงสุดระดับเจ็ดกับขั้นกลางระดับเจ็ด
คนหนึ่งอยู่ยงคงกระพัน รู้จักแต่การฆ่า
อีกคนได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่ต้องไปปกป้องคนอื่น
ไม่ว่าจะมองอย่างไง เยี่ยจิ่งหานก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
จอมมาร “ยังจะงงอะไรอยู่ รีบสู้สิ ต่อให้เขาเป็นพ่อ แต่เขาก็ตายไปแล้ว แม้ว่าข้าไม่รู้ว่ายายเฒ่าปีศาจใช้วิธีใดในการเชื่อมศีรษะกับร่างกายพ่อของเจ้าเข้าด้วยกัน และทำให้เขากลายเป็นหุ่นเชิดเช่นนี้ได้อย่างไร แต่เวลานี้เขากลายเป็นอาวุธอย่างหนึ่งไปแล้ว เป็นอาวุธทำลายล้างที่อยู่ในมือของยายเฒ่าปีศาจ”
เหวินเส่าอี๋จะไม่รู้ได้อย่างไร
เพียงแต่……
ต่อให้เป็นศพ เขาก็ยังทำใจไม่ได้อยู่ดี
ตอนนั้นแม้แต่ศพพ่อของเขา เขายังไม่มีโอกาสได้ฝัง
และวันนี้
ขอแค่สังหารฮวาอิ่งได้ ชุดเชิดร่างพ่อของเขาก็จะถูกทำลายโดยธรรมชาติ
เขาจะได้ฝังศพให้พ่อของเขาเสียที
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เหวินเส่าอี๋ก็ชี้นิ้วของเขาไปยังฮวาอิ่ง
จอมมารกระอักเลือดออกมา
“เหวินเส่าอี๋ โชคดีที่เจ้ายังฉลาด เจ้ามองออกหรือไม่ว่านางกำลังจงใจถ่วงเวลา? พวกเจ้าร่วมมือกัน อย่าว่าแต่หุ่นเชิดเหวินเฉิงเทียนเลย ต่อให้เป็นนางก็ไม่มีทางรอด”
“แต่หากพวกเจ้าไม่ร่วมมือกัน ไม่ว่าจะเป็นเหวินเฉิงเทียนหรือยายปีศาจเฒ่านั่น พวกเจ้าก็สู้ไม่ได้ทั้งนั้น และเมื่อถึงเวลา พวกเจ้าจะกลายเป็นฝ่ายแพ้”
มุมปากของฮวาอิ่งกระตุกด้วยรอยยิ้มแห่งชัยชนะ
“เจ้ารู้ไหมว่าข้าได้ศพของพ่อเจ้ามาจากที่ไหน? ข้านำมันขึ้นมาจากหลุม แต่น่าเสียดายที่ศพของพ่อเจ้าถูกสัตว์ป่ากัดกินจนแทบไม่เหลือซาก แม้แต่หัวยังขาดเป็นสองท่อน ขนาดมองดูในเวลากลางวัน ข้าเองยังรู้สึกกลัว”
“หากเจ้าไม่เชื่อก็ลองถามพวกเขาดู ว่าศพของพ่อเจ้าครบองค์ประกอบหรือไม่”
กู้ชูหน่วนอย่าจะสาปแช่งยายเฒ่าปีศาจออกไปเต็มที
เหวินเส่าอี๋มีความรู้สึกผูกพันกับพ่อของเขาเป็นอย่างมาก นางเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดมากเกินไป
คำพูดแต่ละคำของฮวาอิ่งนั้นสะกิดบาดแผลโดยตรงของเขา ช่างน่าละอายสิ้นดี
จอมมาร “ยายเฒ่าปีศาจ เจ้าไม่มีอะไรจะพูดแล้วหรือไง? ในเมื่อเจ้าไม่มีอะไรจะพูดแล้ว เช่นนั้นก็ลองค่ายกลทำลายเทพของข้าหน่อยเป็นไง”
“บูม……”
ค่ายกลทำลายเทพกางออก พุ่งตรงขึ้นสู่ท้องฟ้า
แม้แต่ท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ยังถูกทำลาย
ตรงขอบของค่ายกลทำลายพระเจ้า เส้นของอักขระเรืองแสงปรากฏขึ้นด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าสร้างความเสียหายอันรุนแรงและพุ่งตรงไปยังฮวาอิ่ง
ฮวาอิ่งเย้ยหยันอย่างเย็นชา
“จอมมาร เจ้าช่างยอดเยี่ยมเหลือเกิน สมแล้วที่เป็นผู้มีพรสวรรค์ในเรื่องของค่ายกลที่พันปีจะมีสักคน ไม่มีวรยุทธ์ยังสร้างสร้างค่ายกลที่ร้ายกาจเช่นนี้ออกมาได้ หากเจ้าได้วรยุทธ์ของเจ้ากลับคืนมา ฮ่าฮ่าฮ่า……ข้าไม่อยากจะจินตนาการเลย แต่ว่า……ฮึฮึฮึ……ฮ่าฮ่าฮ่า……”
ในตอนที่เหวินเส่าอี๋คิดจะเข้าไปในค่ายกบเพื่อร่วมมือกับจอมมารในการสังหารฮวาอิ่ง จู่ ๆ เหวินเฉิงเทียนก็หันกลับมาและเข้าไปในค่ายกลทำลายพระเจ้า
สีหน้าของเหวินเส่าอี๋เปลี่ยนไปเล็กน้อย
ตะโกนออกมาอย่างร้อนรน “สลายค่ายกล รีบสลายค่ายกลเร็ว”
แสงแห่งการทำลายสามารถทำลายสิ่งมีชีวิตทุกอย่างได้
แม้แต่ศพพ่อของเขาเองก็ไม่เว้น
เหวินเส่าอี๋เกรงว่าจอมมารจะไม่สลายค่ายกล เขาจึงพุ่งตามเข้าไปในค่ายกลแสงแห่งการทำลาย
จอมมารแทบจะกระอักเลือดออกมา
“เหวินเส่าอี๋ เจ้าบ้าไปแล้วหรือไง พ่อของเจ้าตายไปตั้งนานแล้ว นั่นมันเป็นแค่เพียงศพเท่านั้น”
“แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ศพ แต่ข้าก็อยากให้เขาได้จากไปอย่างสงบ”
“หากพ่อของเจ้ารู้ว่าเจ้าทำเช่นนี้ ต่อให้เขาตายไปแล้ว เขาก็คงจะลุกขึ้นมาจากโลงศพเพราะความโกรธ”
การต่อสู้เป็นไปอย่างวุ่นวาย
เหวินเส่าอี๋ตามเหวินเฉิงเทียนเข้าไปในค่ายกลแสงแห่งการทำลาย
แน่นอนว่าเขาต้องการจะไปขวางเหวินเฉิงเทียน และต้องการทำลายค่ายกลแสงแห่งการทำลาย ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถปกป้องตัวเองได้ และถูกเหวินเฉิงเทียนโจมตีอยู่หลายครั้ง
จอมมารต้องการสลายค่ายกล แต่การสลายค่ายกลมันง่ายเหมือนการเปิดใช้งานค่ายกลเสียที่ไหน
ค่ายกลแสงแห่งการทำลายซับซ้อน หากต้องการสลายมัน เร็วที่สุดก็ต้องรอให้ถ้วยชาเย็นถึงจะสลายไปอย่างสมบูรณ์
“เหวินเส่าอี๋ เจ้าบอกว่าข้าพึ่งพาไม่ได้ไม่ใช่หรือไง? เวลานี้ใครพึ่งพาไม่ได้มากกว่ากัน?”
“หากวันนี้ข้าไม่ได้ยารักษาให้กับพี่หญิงของข้า ข้าจะตามรังควานเจ้าไปทั้งชีวิต”
“มันไม่มีอะไรมากไปกว่าซากศพ มันคุ้มค่าแล้วงั้นหรือ ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าสมองของเจ้าเติบโตมาอย่างไร”
“ไม่ใช่ แลกกับการทำลายค่ายกลทิ้งก็ถือว่าเป็นเรื่องดี อย่างน้อยก็รู้ว่าในใจของเข้าพี่หญิงนั้นสำคัญน้อยกว่าตาแก่นั่น พี่หญิงเองก็คงรู้สึกผิดหวังกับเจ้า เช่นนั้นเจ้ากับนางก็คงหมดหนทางที่จะก้าวเดินต่อไป และนางจะเป็นของข้าแต่เพียงผู้เดียว”
เหวินเส่าอี๋ “……”
กู้ชูหน่วน “……”
ซือม่อเฟยเป็นบ้าไปแล้วหรือไง
เขาฟื้นความทรงจำกลับมาแล้วงั้นหรือ?
ในเมื่อฟื้นความทรงจำกลับมาแล้ว เหตุใดถึงยังพึ่งพาไม่ได้
เขากลายเป็นคนขี้อิจฉาแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่
และนางก็ไม่ใช่สิ่งของที่ซือม่อเฟยบอกว่าเป็นของใครแล้วจะเป็นของคนนั้น
เยี่ยจิ่งหานเองก็อยากเข้าไปในค่ายกลเพื่อช่วยเหวินเส่าอี๋ แต่เขาก็ไม่สามารถละสายตาไปจากฮวาอิ่งได้
เขาทำได้เพียงสู้กับฮวาอิ่งอย่างสุดกำลัง
ในดวงตาอันโหดเหี้ยมของฮวาอิ่ง เผยให้เห็นความชั่วร้ายอันเยือกเย็น
เป็นอย่างที่คิด นางลงมือกับเยี่ยจิ่งหาน และแต่ละกระบวนท่านั้นทรงพลัง โหดเหี้ยมแต่อันตรายถึงชีวิต
เยี่ยจิ่งหานเป่าขลุ่ยที่อยู่ในมือ การโจมตีของเขาเบ่งบานออกเป็นการโจมตีนับหมื่นครั้ง
ตรงข้ามกับการเคลื่อนไหวที่รุนแรง เยี่ยจิ่งหานทำลายกระบวนท่าของฮวาอิ่งทันที
สีหน้าของเขาไม่สู้ดีนัก คิดอยู่ในใจว่าสถานการณ์กำลังย่ำแย่
แค่รับการโจมตีของฮวาอิ่งเพียงกระบวนท่าเดียวก็รู้สึกเจ็บปวดราวกับถูกฟ้าผ่า
แต่อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างนั้นสายไปแล้ว
เป้าหมายของฮวาอิ่งไม่ได้อยู่ที่เขา
แต่เป้าหมายของนางคือจอมมาร
การโจมตีเมื่อสักครู่ไม่มีอะไรนอกไปจากการเคลื่อนไหวที่ผิดพลาด
“พัฟ……”
พลังทั้งหมดของจอมมารสลายไปอย่างสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นลูกเล่นที่ชาญฉลาดหรือค่ายกลที่วางเอาไว้ก็ตาม
เขาไม่สามารถต้านทานการโจมตีของฮวาอิ่งได้
ด้วยการโจมตีดังกล่าว ร่างของจอมมารกระเด็นขึ้นไปบนอากาศและกระอักเลือดออกมา
เยี่ยจิ่งหานตะโกนออกมาดังลั่น “ซือม่อเฟย……”
หัวใจของกู้ชูหน่วนแทบจะหยุดเต้น
การโจมตีที่รุนแรงเช่นนี้ จะทำให้อาม่อตายหรือไม่?
แม้แต่เหวินเส่าอี๋ที่ยากจะปกป้องตนเองยังรู้สึกกังวลแทนจอมมาร
“เอือก……”
จอมมารกระอักเลือดออกมา
เขาบ่นอย่างไม่พอใจ
“พวกเจ้าสองคน แบบนี้เรียกว่าพึ่งพาได้งั้นหรือ? ต่อหน้าพี่หญิงของข้า……พวกเจ้าช่างไร้ยางอายสิ้นดี”
ถูกการโจมตีอันรุนแรงของฮวาอิ่งเข้าไป แต่จอมมารยังลุกขึ้นมาพูดได้ พวกของเยี่ยจิ่งหานเองก็รู้สึกโล่งใจ
ฮวาอิ่งเองก็ตกตะลึง
การโจมตีเมื่อสักครู่ นางใช้พลังถึงเจ็ดส่วน แม้ว่านางจะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ก็ไม่มีเหตุผลที่ทำให้ชายผู้ไร้ความสามารถและอ่อนแอเช่นนี้สามารถรอดชีวิตมาได้
นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
จากนั้นก็เห็นดอกดาตูราที่วนอยู่รอบตัวเขา
ดูเหมือนฮวาอิ่งจะเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้าง
“วรยุทธ์ของเจ้าถูกทำลาย แต่หัวใจของดอกดาตูราไม่ได้เหี่ยวเฉา มันยังคงปกป้องเจ้าอยู่ตลอดเวลา”
“เจ้าไม่ต้องพูดมาก ดอกดาตูรากับข้าเป็นหนึ่งเดียวกัน ขอแค่ข้าไม่ตาย มันก็ไม่มีวันเหี่ยวเฉา และมันก็ไม่มีวันจางหายไป”
“ฮึ ก็แค่พลังชั่วร้ายทั่วไปเท่านั้น มีอะไรน่าอวด แม้แต่ในตอนที่เจ้าอยู่บนจุดสูงสุดข้ายังไม่กลัว แล้วเจ้าที่อยู่ในสภาพไม่ต่างอะไรกับขยะเช่นนี้ คิดว่าข้าจะกลัวงั้นหรือ?”
“วรยุทธ์บ้าบอของเจ้าต่างหากที่เป็นพลังชั่วร้าย วรยุทธ์ของข้าคือซื่อตรง และมีไว้เพื่อกำจัดเจ้า แฮ่ม แฮ่ม……ข้ารู้สึกเจ็บหน้าอกแทบแย่”
ความมุ่งมั่นที่จะสังหารฮวาอิ่งด้วยมือของนางเองนั้นเพิ่มสูงขึ้น
เยี่ยจิ่งหานทำได้เพียงเข้ามาขวางอยู่ด้านหน้าของจอมมาร และสู้แบบหนึ่งต่อหนึ่งกับฮวาอิ่ง
“บูม……”
สีสันบนท้องฟ้าจางหายไป แสงส่องลงมาสู่พื้นโลก
กู้ชูหน่วนถูกแสงอันเจิดจ้าเหล่านั้นทำให้ลืมตาไม่ขึ้น
แม้จะรู้สึกกระวนกระวายใจ แต่นางก็ทำได้เพียงสวดอ้อนวอน
อธิษฐานให้พวกของเยี่ยจิ่งหานได้รับชัยชนะ
อธิษฐานให้มหาเวทย์ดูดพลังถูกใช้ออกมาโดยเร็ว