กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 123
พระพันปีหน้ามืดและเกือบจะเป็นลมล้มลง โชคดีที่มีขันทีคอยประคองเอาไว้
สีหน้าของพระองค์ซีดเผือดและพูดไม่ออกอยู่เป็นเวลานาน
องค์หญิงตังตังตะโกนขึ้นมาด้วยความโมโห “กู้ชูหน่วน เจ้าคดโกง การแข่งขันในครั้งนี้ไม่สามารถนับได้”
กู้ชูหน่วนแสร้งทำเป็นมึนงง “ข้าคดโกงที่ไหนกัน? ทั้งภายในและภายนอกของห้องนั้นก็ถูกคนของเจ้าคอยเฝ้าจับตามอง หรือคิดว่าข้าสามารถบินเข้าไปได้ อีกอย่างนอกจากข้าออกไปเข้าส้วมแล้วก็นั่งตากแดดอยู่ภายในเรือนนี้ตลอดเวลา ทุกคนในสำนักศึกษาต่างก็เห็นอย่างชัดเจน หรือว่าองค์หญิงคิดว่าข้ามีคาถาสามารถแยกร่างไปอยู่ข้างกายของเซี่ยวอวี่เซวียนเพื่อสอนเขาเล่นหมากรุกอย่างนั้นหรือเพคะ?”
“เจ้า……”
“หรือว่าพวกท่านแพ้แล้วพาลต้องการเบี้ยวหนี้อย่างนั้นหรือ? พระพันปีเพคะ พระองค์เป็นถึงพระพันปีของประชาชนทุกคน เป็นแม่ของประชาชนและเปรียบเสมือนแม่ของแผ่นดิน ตำแหน่งที่สูงส่งของพระองค์นี้จะสามารถเบี้ยวหนี้ได้อย่างไรเพคะ องค์หญิงตังตังพยายามใส่ร้ายพระองค์ และจงใจทำให้พระองค์สูญเสียความรักความชอบจากประชาชนไปนะเพคะ”
กู้ชูหน่วนพูดออกมามากมายและแต่ละคำล้วนหนีไม่พ้นหัวใจของประชาชนและราษฎร แม้แต่พระพันปีอยากจะกลับคำพูดก็ไม่สามารถทำได้เลย ทำได้เพียงแค่ยอมรับกับความพ่ายแพ้นี้และยอมมอบเงินห้าสิบล้านตำลึงนี้ไป
องค์หญิงตังตังโกรธกริ้วจะแทบจะเป็นลมหมดสติไป “เสด็จแม่ เงินนั้นเป็นจำนวนถึงห้าสิบล้านตำลึงเลยเชียวนะเพคะ แม้แต่ท้องพระคลังก็ไม่สามารถหาเงินจำนวนเยอะเช่นนี้ได้ในเวลาเพียงไม่กี่ปี หากจะให้นางไปโดยเปล่าประโยชน์เช่นนี้ นั่นก็นับว่าเป็นการสูญเสียมากเกินไปนะเพคะ”
“เพี๊ยะ……”
พระพันปียกฝ่ามือขึ้นตบใบหน้าขององค์หญิงตังตังอย่างแรง
“เจ้าเด็กไม่เอาไหน ข้าเป็นถึงพระพันปีของรัฐ แต่เจ้ากลับสนับสนุนยุแหย่ให้ข้าผิดคำสัญญา เจ้าจะให้ข้ามองหน้าประชาชนอย่างไร? และเดิมทีเจ้าก็ไม่ควรพนัน แต่เมื่อแพ้การเดิมพันแล้วก็ควรทำตามคำสัญญา ไม่เช่นนั้นแล้วคนที่เขาไม่รู้ จะคิดเอาได้ว่าองค์หญิงตังตังเป็นคนพูดจาโกหกเชื่อไม่ได้”
องค์หญิงตังตังถูกตบจนรู้สึกมึนงงและรีบเอามือกุมใบหน้าที่เดือดพล่านเอาไว้
เสด็จแม่รักนางที่สุด โดยปกติแล้วพระองค์ไม่เคยแม้แต่จะดุด่านางเลยด้วยซ้ำ แต่วันนี้กลับตบหน้านางอย่างแรงต่อหน้าทุกคน
เดิมทีในใจขององค์หญิงตังตังก็รู้สึกผิดอยู่แล้ว และยิ่งถูกตบเข้าไปเช่นนี้ทำให้นางกลับยิ่งรู้สึกแย่ลง จากนั้นจึงวิ่งร้องไห้ออกจากสำนักศึกษาหลวงไป
พระพันปีโมโหอยู่นานก่อนที่จะผ่อนคลายความโมโหลง
พระองค์พยายามที่จะฝืนยิ้มออกมา
“คุณหนูสาม เงินจำนวนห้าสิบล้านตำลึงนั้นข้าจะสั่งให้คนนำไปมอบให้ในภายหลัง ส่วนคำพูดขององค์หญิงตังตังนั้นไม่ต้องเก็บใส่ใจหรอก”
“พระราชนัดดาอายุยังน้อย หม่อมฉันไม่เก็บเอามาคิดหรอกเพคะ”
กู้ชูหน่วนใช้คำว่าพระราชนัดดา เพื่อเป็นการเตือนพระพันปีว่าตอนนี้นางเป็นคนของเทพแห่งสงคราม หากกล้าที่จะคิดทำอะไรนาง เช่นนั้นก็เท่ากับเห็นเทพแห่งสงครามเป็นศัตรู
ในที่สุด สีหน้าของพระพันปีก็ซีดเผือดลงอีกครั้ง
“เช่นนั้นข้าก็ขอขอบใจเจ้าแทนองค์หญิงตังตังด้วย คุณหนูสามหยกจันทร์เสี้ยวนี้เป็นสมบัติที่จักรพรรดิองค์ก่อนหลงเหลือเอาไว้ คุณหนูสามได้โปรดเก็บรักษาเอาไว้ให้ดีและอย่าทำให้หายไปโดยเด็ดขาด”
“ต้องเป็นเช่นนั้นแน่นอนเพคะ หม่อมฉันจะเก็บรักษาเอาไว้อย่างดีและจะไม่ยอมให้ใครมาแย่งไปได้เด็ดขาด”
กู้ชูหน่วนเผยรอยยิ้มที่จริงใจบนใบหน้าของนาง ดูไปแล้วช่างไร้เดียงสาไม่มีพิษมีภัย
แต่คำพูดแต่ละคำที่นางพูดออกมานั้นล้วนเต็มไปด้วยคำเตือน
ภายในใจของพระพันปีนั้นเต็มไปด้วยความโกรธ แต่ใบหน้ากลับยิ้มและกล่าวว่า “เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็ขอบใจคุณหนูสามด้วย”
กู้ชูหน่วนยิ้มด้วยความเย็นชา
คำก็ข้าอย่างนั้น สองคำก็ข้าอย่างนี้ แทนที่จะเรียกตัวเองว่า อายเจีย? (哀家 ผู้น่าสงสาร เพราะเป็นม่ายร้างพระสวามี)
แถมยังถูกถึงจักรพรรดิองค์ก่อนเพื่อกดดันนางและตักเตือนนางห้ามทำหยกจันทร์เสี้ยวหาย
เชอะ
กู้ชูหน่วนหรือจะเป็นคนที่ยอมให้คนอื่นข่มขู่และเกรงกลัวเอาง่ายๆ เช่นนั้นหรือ?
พระพันปีเสด็จมาอย่าเอิกเกริกและเสด็จกลับไปอย่างเอิกเกริก ทุกคนในสำนักศึกษาหลวงต่างก็คิดว่ากำลังฝันไปและผ่านไปนานกว่าจะตื่นจากฝัน
เซี่ยวอวี่เซวียนวิ่งเข้ามาอย่างมีชัย ยิ้มและกล่าวว่า “แม่สาวอัปลักษณ์ ข้าทำให้เจ้าชนะเงินห้าสิบล้านตำลึงแล้ว เจ้าจะขอบคุณข้าอย่างไร”