กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 23
นางกังวลเกี่ยวกับตัวเองเสียที่ไหน เพราะกังวลเกี่ยวกับคุณหนู ชิวเอ๋อร์จึงเสี่ยงอันตรายหนีออกมาจากจวน นางต้องการพบคุณหนูและบอกทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในจวนให้คุณหนูฟัง “เรือถึงสะพานย่อมมีทางรอด ทหารมาก็ใช่ขุนพลรับ เมื่อน้ำมาก็ใช่ดินต้าน ทุกปัญหาย่อมมีหนทางรับมือเสมอ” กู้ชูหน่วนเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ แต่ในแววตากลับมีประกายเย็นวาบ
จากการคำนวณของนาง ซย่าอวี่น่าจะตายอย่างเร็วที่สุดในช่วงบ่ายของวันนี้ แล้วนางตายไปตั้งแต่เมื่อคืนนี้ได้อย่างไร เป็นไปได้ว่าอาจจะมีคนอื่นในจวนทนรอไม่ไหวที่จะกำจัดมือขวาและมือซ้ายของอู่อี๋เหนียงทิ้ง
โชคดีที่ชิวเอ๋อร์เป็นห่วงนางจงรีบหนีออกมาก่อน ไม่อย่างนั้นนางไม่กล้าคิดเลยว่าผลที่ตามมาจะเป็นเช่นไร
ตอนนี้ใกล้จะถึงเวลาเข้าเรียนและมีนักเรียนสี่ห้ากลุ่มมาถึงสำนักศึกษาแล้ว กู้ชูหน่วนพูดเรียบๆ ว่า “วันนี้เจ้ารออยู่เฉยๆ ที่สำนักศึกษาวังหลวงนี่ อย่าไปไหนเด็ดขาด”
ชิวเอ๋อร์ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
ในตอนกลางวันพวกนางซ่อนตัวอยู่ในสำนักศึกษาได้ก็จริง แต่ในเวลากลางคืนล่ะ จะทำอย่างไร
ชิวเอ๋อร์อยากจะถามอะไรอีก แต่กู้ชูหน่วนก้าวเข้าไปในสำนักศึกษาแล้ว
สำนักศึกษาแบ่งออกเป็นชั้นในและชั้นนอก พวกนางที่เป็นคนใช้จะรอได้อยู่ได้แค่ที่ชั้นนอกเท่านั้น
ตอนที่กู้ชูหน่วนเดินผ่านไป ทุกคนได้แต่มองนางด้วยสายตาแปลกๆ
หลิ่วเย่ว์ที่รออยู่มองเห็นนางด้วยสายตาที่แหลมคม จากนั้นจึงวิ่งเหยาะๆ เข้าไปหา
“พี่ใหญ่ เหตุใดท่านจึงใส่อาภรณ์ราคาถูกอย่างนี่เล่า ที่จวนอัครเสนาบดีตกต่ำขนาดนั้นเลยหรือ”
กู้ชูหน่วนอดลูบหน้าผากตัวเองไม่ได้
อย่าให้พูดเลยว่าเสื้อผ้าของนางถูกใช้ไปเป็นผ้าห่มของท่านหานอ๋องเทพเจ้าแห่งสงครามหมดแล้ว ถึงจะไม่ใช่เพราะอย่างนั้นนางก็ไม่กล้าใส่เสื้อผ้าเหล่านั้นมาอยู่ดี เพราะถ้าถูกเขาจำได้ขึ้นมาจะเป็นอย่างไรล่ะ
“แค่อยากลองเปลี่ยนบ้างน่ะ”
“แต่เนื้อผ้าชุดนี้มันจะดูแย่ไปไหม ใส่แล้วไม่ดูแย่หรือ”
“ถ้าเจ้าสงสารข้างั้นก็ให้เงินมาสิ ข้าจะได้มีเงินไปเสื้อชุดใหม่”
หลิ่วเย่ว์ยิ้มแหย “ที่จวนอัครเสนาบดีของท่านไม่มีแม้แต่เงินแค่นั้นน่ะนะ จริงด้วย ท่านรู้ไหม หลายๆ คนกำลังพนันกันว่าใครจะเข้ารอบชิงชนะเลิศ ทุกคนพนันกันว่าท่านจะแพ้ ช่างมีตาหามีแววไม่
อวี๋ฮุยที่อยู่ด้วยกันอดไม่ได้ที่จะพูดแทรก “พี่รอง ท่านไม่ได้พนันว่าพี่ใหญ่จะแพ้เหมือนกันหรอกเหรอ”
หลิ่วเย่ว์สะกิดเขาแล้วขยิบตาให้ “ท่านรู้อะไรไหม ข้าคิดว่าพวกเขาน่าสงสารมากก็เลยให้เงินนั้นไป”
กู้ชูหน่วนเห็นการแสดงออกทุกอย่างของพวกเขา นางเหยียดยิ้มและยื่นมือออกมา “เมื่อวานที่ข้าให้พวกเจ้าเตรียมเงินไว้ล่ะ”
“ทั้งหมดอยู่นี่แล้ว”
ทุกคนควักเงินออกมาคนละนิดละหน่อย รวมๆ แล้วมีเพียงไม่กี่ร้อยตำลึงเท่านั้น
กู้ชูหน่วนทำหน้าทะมึน “แค่นี้เองเหรอ”
“กะ ก่อนหน้านี้ใช้ไปบ้างแล้ว ที่บ้านก็ไม่ได้ให้มาอีก มีเท่านี้ก็ถือว่าดีแล้วนะ”
พวกเขาจะกล้าบอกนางได้อย่างไรว่าพวกเขาก็ไม่ต่างจากคนอื่น ที่พอมาถึงสำนักศึกษาตั้งแต่เช้าตรู่ก็ใช้เงินมากมายไปลงพนันว่ากู้ชูหน่วนจะแพ้
ที่ยังเหลือเงินไว้อีกหลายร้อยตำลึงเช่นนี้ก็เพราะเห็นแก่หน้าของเซี่ยวอวี่เซวียนหรอก
ไม่ใกล้ไม่ไกลนักที่เบื้องหน้า คุณชายแห่งตระกูลขุนนางจำนวนหนึ่งก็ตั้งโต๊ะพนันขึ้นมาเหมือนกัน ทั้งยังตะโกนเสียงดังว่าถ้าเดิมพันว่าคุณหนูสามแห่งตระกูลกู้ชนะจะได้รับเงินถึงสองร้อยเท่า ทว่ากลับไม่มีใครเดิมพันว่านางจะชนะสักคน ทุกคนเดิมพันว่านางจะแพ้
กู้ชูหน่วนที่คาบหญ้าหางหมาจิ้งจอกไว้ในปากเดินวางมาดเข้าไปและทุบเงินทั้งหมดที่มีลงไปในชื่อของตัวเอง
“หนึ่งพันสองร้อยตำลึง พนันว่าข้าจะชนะ”
ทุกคนในที่นั้นตะลึงงัน
กู้ชูหน่วนเดิมพันว่าตัวเองจะชนะจริงหรือ
นางกลัวความพ่ายแพ้ขนาดนั้นเลยรึ
เมื่อวานนางทำตัวขายหน้าขนาดนั้น ในสำนักศึกษาแห่งนี้มีใครบ้างที่ไม่เห็น
หลิ่วเย่ว์และคนอื่นๆ ร้อนใจ “พี่ใหญ่ เมื่อวานที่ท่านบอกพวกเราว่าจะหาเงินให้ได้เยอะๆ คงไม่ใช่แบบนี้หรอกนะ”
“ฮ่าๆๆ หาเงินให้ได้เยอะๆ งั้นหรือ ข้าได้ยินไม่ผิดใช่หรือไม่ อย่าบอกนะว่ากู้ชูหน่วนคิดว่าตัวเองจะเข้ารอบชิงชนะเลิศได้จริงๆ”