กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 29
องค์หญิงตังตังและกู้ชูหลานมีสีหน้าย่ำแย่ที่สุดในหมู่คนที่อยู่ตรงนี้ เดิมทีพวกนางคิดว่าจะต้องชนะพนันแน่ๆ แต่ตอนนี้กลับทำให้กู้ชูหน่วนได้การต่อรองราคาจำนวนมหาศาล
ช่อดอกไม้สีแดงในมือนางนั่น… ไม่ได้หมายความว่านางจะได้เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศหรอกหรือ
หลังจากหายตกตะลึง เซี่ยวอวี่เซวียนก็ซ่อนความดีใจเอาไว้ไม่ได้
“มะ… แม่สาวอัปลักษณ์ เสียงกลองหยุดแล้ว เจ้าชนะแล้ว”
กู้ชูหน่วนไม่คิดว่าโลกจะทิ้งพายชิ้นใหญ่มาให้แบบนี้ นางคิดว่าถ้าอยากจะเข้ารอบชิงชนะเลิศนางต้องพยายามใช้ฝีมือเป็นอย่างมาก
นอกจากอาจารย์ซั่งกวน อาจารย์ทุกคนต่างกระตุกมุมปาก
การให้ตำแหน่งนางเป็นการเสียของโดยแท้ คนหัวขี้เลื่อยอย่างนางจะสู้กับเหล่าผู้มีฝีมือจากรัฐจ้าว รัฐหวาและรัฐฉู่ได้หรือ
“คุณหนูสามตระกูลกู้ กู้ชูหน่วน เจ้าไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมการประลองและเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้ทันที” อาจารย์สวีเอ่ยอย่างไม่เต็มใจนัก
องค์หญิงตังตังเป็นคนแรกที่ลุกขึ้นมาคัดค้าน “ท่านอาจารย์ นี่มันไม่ยุติธรรมเลย ถ้าไม่ใช่เพราะเซี่ยวอวี่เซวียนยึดช่อดอกไม้ไว้นาน เสียงกลองจะหยุดลงตอนดอกไม้อยู่ในมือของกู้ชูหน่วนพอดีได้อย่างไร”
กู้ชูหลานพยักแรงๆ “องค์หญิงพูดถูก เซี่ยวอวี่เซวียนโกง แบบนี้เอามานับไม่ได้”
ถ้ากู้ชูหน่วนชนะ เช่นนั้นเงินสองแสนตำลึงของนางก็จะลอยไปกับสายน้ำน่ะซี
เซี่ยวอวี่เซวียนสะบัดพัดให้คลี่ออกและหัวเราะเยาะ “เหตุใดจึงจะนับไม่ได้ ข้าถูกตัดสิทธิ์แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนาง อีกอย่าง คนตีกลองก็ไม่ใช่คนของเรา มันหยุดตอนที่แม่สาวอัปลักษณ์ได้ดอกไม้ไปพอดี จะทำอะไรเราได้ ถ้าเจ้าไม่พอใจก็ไปหาคนตีกลองไป๊”
กู้ชูหลานมีฐานะที่ต่ำต้อยและไม่กล้าทำอะไรเซี่ยวอวี่เซวียน
องค์หญิงตังตังไม่กลัวเขา นางเอ่ยอย่างโมโหว่า “ใครจะไปรู้ว่าพวกเจ้ารวมหัวกันหรือเปล่า”
ท่านอาจารย์สวีชักสีหน้า “สามหาว คนตีกลองเป็นคนข้างกายของท่านอาจารย์ซั่งกวน หรือคิดว่าท่านอาจารย์ซั่งกวนร่วมมือกันโกงกับเซี่ยวอวี่เซวียนและกู้ชูหน่วน”
“ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น ข้าหมายความว่าพวกเขาอาจจะใช้เงินซื้อตัวคนข้างกายของท่านอาจารย์ซั่งกวนก็ได้”
อาจารย์ซั่งกวนยืนขึ้น พาดมือข้างหนึ่งไว้ด้านและไพล่มืออีกข้างไว้ข้างหลัง เขายิ้มอย่างสุภาพ แต่คำพูดที่เอ่ยออกมากลับทรงพลัง “องค์หญิงทรงกังวลเกินไป เสี่ยวอันกับข้าโตมาด้วยกันและข้าก็เชื่อมั่นในตัวเขา ทุกคนโปรดเตรียมตัวให้พร้อม อีกสักครู่หลังจากนี้ที่สวนทางด้านตะวันออกจะมีการเข้าร่วมประลองกับขุนนางคนอื่นๆ ในรัฐเยี่ย เพื่อเลือกผู้ชนะสามอันดับแรกเข้าสู่รอบชิง”
ว่าแล้วท่านอาจารย์ซั่งกวนก็เดินออกไปจากสำนักศึกษาอย่างสง่าผ่าเผย จากนั้นอาจารย์สวีและคนอื่นๆ จึงตามออกไป
องค์หญิงตังตังร้อนใจ “ท่านอาจารย์ซั่งกวน ท่านฟังข้าอธิบายก่อน ข้าไม่ได้หมายความว่าข้าสงสัยเสี่ยวอัน ข้า…”
“องค์หญิง ท่านแพ้แล้ว ขอบพระทัยสำหรับเงินหนึ่งล้านตำลึง”
กู้ชูหน่วนเข้ามาขวางองค์หญิงตังตังเอาไว้และหัวเราะราวกับเป็นหมาป่ายักษ์
องค์หญิงตังตังโกรธมากและเงื้อมือตบออกไปอย่างแรง ไหนเลยจะรู้ว่ากู้ชูหน่วนจะหลบหลีกได้อย่างรวดเร็ว เพราะนางออกแรงมากเกินไปนางจึงกระแทกเข้ากับเสาโดยแรงและเจ็บจนโงหัวไม่ขึ้น
“กู้ชูหน่วน เจ้าเกิดมาพร้อมกับความเสื่อมหรืออย่างไร เหตุใดข้าจะต้องพบเจอเรื่องไม่ดีทุกครั้งที่เจอเจ้า”
“องค์หญิง พระราชนัดดาทำร้ายเสด็จอาของตัวเอง ท่านคิดว่าจะหลีกเลี่ยงการถูกฟ้าผ่าได้รึ”
“เจ้า…”
“นี่… อย่าร้องไห้เลย ไม่อย่างนั้นทุกคนจะคิดว่าผู้ที่อาวุโสกว่าอย่างข้ารังแกท่านที่อ่อนศักดิ์กว่า ยิ่งไปกว่านั้นจะคิดไปว่าท่านกล้าพนันแต่ไม่กล้ารับความพ่ายแพ้ จงใจปัดความรับผิดชอบไม่ยอมมอบเงินหนึ่งล้านตำลึงให้ข้า”
เมื่อพูดแทงใจเช่นนี้ องค์หญิงตังตังก็เก็บสีหน้าเอาไว้ไม่อยู่ โดยเฉพาะเมื่อเห็นว่าหลายๆ คนในสำนักศึกษาเริ่มมองนางด้วยสายตาแปลกๆ นางตวาดออกไปว่า “ก็แค่เงินหนึ่งล้านตำลึงเท่านั้น เจ้าคิดว่าองค์หญิงอย่างข้าจะจ่ายไม่ได้งั้นรึ”
“องค์หญิงเป็นผู้สูงศักดิ์ เป็นพระขนิษฐาที่เป็นที่โปรดปรานที่สุดของฝ่าบาทองค์ปัจจุบัน ทั้งยังเป็นองค์หญิงเล็กที่เป็นที่โปรดปรานที่สุดของพระพันปี จะไม่มีเงินมามอบให้ข้าได้อย่างไร องค์หญิง แต่เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ทุกคนเข้าใจผิด ท่านนำเงินหนึ่งล้านตำลึงมาดีกว่า คนจะได้ไม่เอาไปพูดกันข้างนอกจนทำลายภาพลักษณ์ขององค์หญิง โดยเฉพาะทำลายภาพลักษณ์ขององค์หญิงในสายตาของท่านอาจารย์ซั่งกวน”
ไม่พูดถึงท่านอาจารย์ซั่งกวนก็ดีแล้ว พอพูดถึงเขาขึ้นมาสีหน้าขององค์หญิงตังตังก็ยิ่งแย่ลง
กู้ชูหลานร้อนใจ ถ้าองค์หญิงให้เงินหนึ่งล้านตำลึงกับนางจริงๆ เช่นนั้นนางก็ต้องให้เงินนางสองแสนตำลึงด้วยมิใช่หรือ