กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 372
ในขณะนั้นเทพแห่งสงครามกำลังโกรธจัด เขาคิดว่าแม่สาวอัปลักษณ์จะต้องเจอปัญหาหนักอย่างแน่นอน
หลายวันมานี้ เขาคิดทุกวิถีทางเพื่อจะหลบหนีออกจากจวนท่านแม่ทัพเพื่อไปที่จวนหานอ๋องเพื่อเยี่ยมเยียนแม่สาวอัปลักษณ์ แต่เขาถูกขังอยู่ในบ้าน และเขาก็ไม่สามารถหลบหนีได้แม้ว่าเขาจะพยายามอย่างดีที่สุดแล้วก็ตาม
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”
เขาพูดพลางมองลงไปที่ท้องของนาง
นี่ก็ผ่านไปหลายวันแล้ว แต่ทำไมท้องของนางยังคงเรียบเช่นนั้น? หรือว่านางจะขาดสารอาหาร?
แต่มองจากแววตาของนางแล้ว ดูเหมือนว่าจะดีกว่าเมื่อก่อนมากและแม้กระทั่งอารมณ์ของนางก็เปลี่ยนไปในเชิงที่ดีขึ้น และดูเหมือนว่านางจะใช้ชีวิตอย่างดีมีความสุขมาก
“เหลือเวลาอีกเท่าไรจะถึงกำหนดที่จะหย่าร้าง?”
“หลังจากจบการแข่งขันการล่าขุมทรัพย์มังกรก็จะจัดขึ้น แต่เจ้าวางใจได้ ข้าไม่มีทางแต่งงานกับนางหรอก”
กู้ชูหน่วนหัวเราะ “แน่นอนว่าไม่ควรแต่งงานกับนาง”
กู้ชูอวิ๋นเป็นคนเจ้าวางแผนและมีกลอุบายมากมาย คนที่มีพฤติกรรมไม่ดีเช่นนั้นจะแต่งงานด้วยทำไม
“แม่สาวอัปลักษณ์ เจ้าไม่ต้องการให้ข้าแต่งงานกับนางใช่หรือไม่?”
เอ่อ……
เซี่ยวอวี่เซวียนจะตื่นเต้นเช่นนั้นเพื่ออะไร?
ในฐานะที่เป็นเพื่อนกัน แน่นอนว่านางไม่คาดหวังว่าเซี่ยวอวี่เซซียนจะแต่งงานกับคนไร้ศีลธรรมเช่นนั้น
รอยยิ้มของนางอบอุ่นราวกับดวงอาทิตย์ที่แผดเผา “เจ้าวางใจได้ หลังจากที่จบการแข่งขันการล่าขุมทรัพย์มังกร ข้าจะช่วยเจ้าปฏิเสธการแต่งงานในครั้งนี้”
เซี่ยวอวี่เซวียนรู้สึกซาบซึ้งและกล่าวว่า “ตกลง”
ชิงเฟิงติดตามอยู่ข้างกายของกู้ชูหน่วนตลอดเวลา เมื่อเห็นเช่นนี้ก็ได้ไอกระแอมขึ้นและเพื่อตักเตือนนางว่า ตอนนี้นางเป็นหญิงสาวที่มีสามีแล้วและไม่สามารถทำตัวใกล้ชิดสนิทสนมกับผู้ชายคนอื่นเช่นนี้ได้
กู้ชูหน่วนกลอกตาใส่เขา “ไม่สบายก็รีบไปรักษา อย่ามาแพร่เชื้อโรคให้กับผู้อื่นเช่นนั้น”
หลิ่วเย่ว์และคนอื่นๆ พากันหัวเราะ สีหน้าของชิงเฟิงแดงก่ำและรู้สึกแทบทนไม่ได้
เมื่อกู้ชูอวิ๋นเดินมา นางสวมชุดสีขาวราวกับหงส์ ซึ่งดูโดดเด่นมาก และใบหน้าที่บอบบางของนางเผยรอยยิ้มที่อ่อนโยน เพียงแต่รอยยิ้มนี้ไม่เป็นที่น่าประทับใจจึงทำให้มองแล้วเกิดอาการไม่สบายตา
เบื้องหลังของกู้ชูอวิ๋น ยังมีลูกชายของครอบครัวตระกูลขุนนางที่หล่อเหลาอีกสองคน นั่นคือมู่หรงเฉินและตงฟังเจ๋อ
ตลอดทางที่พวกเขาเดินผ่าน ทึกคนในสำนักศึกษาต่างพากันพูดถึงด้วยความประหลาดใจ
“พระเจ้า นั่นไม่ใช่มู่หรงเฉินและตงฟังเจ๋อยอดฝีมือระดับหนึ่งหรอกหรือ? เหตุใดพวกเขาจึงมาปรากฏตัวขึ้นที่นี่ได้? หรือว่าพวกเขาจะเข้าร่วมการแข่งขันการล่าขุมทรัพย์มังกรด้วยเช่นกันอย่างนั้นหรือ?”
“หากพวกเขาเข้าร่วมการแข่งขันการล่าขุมทรัพย์มังกรละก็ เช่นนั้นแล้วสมบัติล้ำค่าจำนวนมากต้องตกไปอยู่ในมือของพวกเขาอย่างแน่นอน? พวกนั้นพวกข้ายังจะค้นหาอะไรได้อีกล่ะ”
“พวกเขาไม่ได้เป็นนักเรียนของสำนักศึกษาหลวงเสียหน่อย เหล่าอาจารย์ให้พวกเขาอนุญาตให้พวกเขาไปได้อย่างไร อาจจะแค่บังเอิญมาที่สำนักศึกษาหลวงก็เท่านั้นเองกระมัง”
“ไม่ใช่หรอก เมื่อวานสำนักศึกษาเพิ่งจะประกาศข่าวออกไปว่า ขอเพียงเป็นนักเรียนของสำนักศึกษาหลวง ไม่ว่าจะอยู่ในระดับชั้นใดหรือรุ่นใดก็สามารถเข้าร่วมการแข่งขันการล่าขุมทรัพย์มังกรได้ ผู้มีพรสวรรค์ทั้งหญิงและชายจำนวนมากในแต่ละรุ่นก็มาเข้าร่วม”
“เมื่อก่อนมีเพียงแค่รุ่นปัจจุบันเท่านั้นที่สามารถเข้าร่วมได้ไม่ใช่หรือ? เหตุใดครั้งนี้จึงมีการเปลี่ยนแปลงกฎขึ้นใหม่?”
“เรื่องนี้ข้าก็ไม่ชัดเจนนัก ข้ารู้เพียงว่า ข้าต้องการค้นเจออะไรที่ถ้ำสวินหลงซาน เกรงว่าจะเป็นเรื่องยากเสียแล้ว และข้ายังรู้ว่า ดูเหมือนว่ามู่หรงเฉินและตงฟังเจ๋อจะสนใจในกู้ชูอวิ๋นไม่มากก็น้อย”
“สนใจแล้วจะมีอะไร การแต่งงานของกู้ชูอวิ๋นและเซี่ยวอวี่เซวียนก็ถูกกำหนดเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ได้ยินมาว่าหลังจากการแข่งขันการล่าขุมทรัพย์มังกร พวกขาก็จะจัดงานพิธีแต่งงานขึ้นทันที ไม่ว่าใครก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้”
กู้ชูหน่วนรู้สึกว่า
ตอนที่มู่หรงเฉินและตงฟังเจ๋อมองดูนาง ในแววตาของพวกเขาเปล่งประกายเจตนาการสังหารออกมา
เจตนาการสังหาร นางรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ
ไม่เพียงแค่มีแววตาเจตนาการสังหารในขณะจ้องมองนางเท่านั้น เมื่อมองไปที่เซี่ยวอวี่เซวียนก็มีแววตาแห่งเจตนาการสังหารเช่นกัน
เอ่อ……
ล่าขุมทรัพย์หรือ?
ต้องการฆ่านางและเซี่ยวอวี่เซวียนในการแข่งขันการล่าขุมทรัพย์มังกรต่างหากที่เป็นเป้าหมายของพวกเขา